หลังจากตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าต้องการจะมีบ้าน หรือที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ก็ถึงเวลาที่คุณต้องทำความเข้าใจกับเรื่องของสินเชื่อ เพื่อให้ได้สินเชื่อซื้อบ้านที่ตรงตามความต้องการ
…หลักเกณฑ์การพิจารณาของธนาคารเน้นไปที่การพิจารณาคุณสมบัติของผู้กู้เป็นหลัก
วงเงิน
เริ่มจากดูว่าผู้กู้นั้นกู้เดี่ยวหรือกู้ร่วม ดูความสามารถในการชำระหนี้มีขนาดไหนโดยพิจารณารายได้ โดยปกติวงเงินสูงสุดของสินเชื่อจะอนุมัติอยู่ 40-50 เท่าของรายได้ผู้กู้ทั้งสอง(กู้สองคนได้มากกว่าคนเดียว) อย่างไรก็ตามลักษณะและความมั่นคงของรายได้ก็จะนำมาพิจารณา เช่น งานข้าราชการจะได้โอกาสวงเงินกู้มากกว่า พนักงานบริษัท และจะอนุมัติได้ง่ายกว่า
กรณีที่ทำงานเป็นลูกจ้างบริษัท เครดิตของคุณจะเข้มแข็งหากบริษัทที่ทำงานอยู่มีพนักงาน 10 คนขึ้นไปและดำเนินงานมากกว่า 2 ปี ซึ่งอาจจะได้รับอนุมัติเงินกู้สูงถึง 30 เท่าของรายได้ต่อเดือนหรือค่าจ้าง หรือเพิ่มวงเงินอีกไม่เกิน 15 เท่าของโบนัสและค่าคอมมิชชันเฉลี่ยต่อเดือน
กรณีผู้ประกอบอาชีพอิสระ หากประกอบอาชีพตรงตามคุณวุฒิและการศึกษา มีการดำเนินงานที่มั่นคงเชื่อถือได้ก็อาจได้รับอนุมัติเงินกู้ถึง 20 เท่าของรายได้เฉลี่ยรายเดือนที่หักค่าใช้จ่ายแล้ว แต่ในกรณีผู้ประกอบการรายย่อยที่กิจการไม่มีความมั่นคงและไม่มีการจดทะเบียนการค้า หรือประกอบอาชีพอิสระที่รายได้ไม่แน่นอนอาจได้รับอนุมัติวงเงิน 15 เท่าของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายหรือต่ำกว่านั้น
เงินงวดที่ต้องผ่อนชำระรายเดือน
ปกติมักไม่เกินร้อยละ 40 ของรายได้รวม สิ่งนี้เองส่งผลให้ผู้กู้ที่รายได้น้อยจะได้วงเงินที่ต่ำกว่า เช่น ผู้มีรายได้ 10,000บาท แบงค์อาจกำหนดให้ผ่อน 2,500 บาทต่อเดือนเป็น 25% ของรายได้ แต่หากมีรายได้ 50,000 บาท ในอัตราที่เท่ากันกลับมีกำลังผ่อนได้ถึง 12,500 บาท ต่อเดือน
นอกจากนี้จะพิจารณาที่อายุผู้กู้ เมื่อนำว่ารวมกับระยะเวลาผ่อนชำระต้องไม่เกิน 60 ปี(บางแห่ง 70ปี) กรณีกู้ร่วมจะต้องมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ทุกคน นอกจากผู้เป็นบิดา บุตร หรือคู่สมรสมีผู้กู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกันได้ไม่เกิน 1 คน
และข้อสำคัญประวัติการชำระหนี้ที่ดีจะช่วยให้มีสิทธิ์ได้รับอนุมัติวงเงินมากขึ้น