สวัสดีค่ะวันนี้เรากลับมาอีกครั้ง โดยครั้งนี้เรามีประสบการณ์ตรงของคุณ สมาชิกหมายเลข 4504893 ที่ได้มาแชร์ว่าทำไมกันนะ กู้ซื้อบ้าน ถึง 3 แบงค์ไม่ผ่าน ไม่ผ่านสักครั้งทั้งๆที่เงินเดือนก็ไม่น้อย มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปชมกันเลยค่ะ
กู้ซื้อบ้าน 3 แบงค์ไม่ผ่าน ควรหยุด หรือไปต่อดีค่ะ??? BY สมาชิกหมายเลข 4504893
ขอคำแนะนำจากเพื่อนๆ หน่อยค่ะ อยากได้บ้านให้ลูกสาวอยู่ ม2. ไปเจอบ้านในฝันมาราคา 3.25 ล้านบาททำเรื่องขอกู้ไป 3 แบงค์
- กสิกร ไม่ผ่าน เพราะเคยปรับโครงสร้างหนี้เมื่อปี 54 ทำให้แบงค์ขาดทุน
- เกียรตินาคิน เคยมีผ่อนรถ แต่จ่ายไม่ตรงค้างจ่าย ปิดไปแล้ว ได้เล่มทะเบียนเป็นชื่อตัวเองเรียบร้อยเมื่อกันยา 60
- ธนชาต อันนี้ไม่รู้ทำไม อาจจะเคยมีบัตรเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว และปรับโครงสร้างหนี้ ก็เลยทำให้ไม่ได้รับการอนุมัติ
(กู้คนเดียวนะค่ะ อายุ 41 ปี เงินเดือน 33,000 บาท มีโอทีบ้างแล้วแต่งานค่ะ ไม่มีภาระหนี้บัตร หรือผ่อนอะไรแล้วค่ะ มีแต่ค่าใช้จ่ายในขีวิตประจำวันค่ะ)
ซึ่งทุกแบงค์ไม่ติดบุโร แต่นายหน้าที่ขายบ้านแนะนำให้ไปเชคบุโรด้วยตัวเองดีกว่า อยากถามเพื่อนๆ ที่เคยมีประสบการณ์ ถ้าไม่ผ่านทั้ง 3 แบงค์แบบนี้ควรหยุด หรือควรไปต่อดีค่ะ
ถ้าต้องไปต่อควรจะไปต่อที่แบงค์ไหนค่ะ เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว มีหนี้บัตรหลายใบจำไม่ได้ว่าแบงค์ไหนบ้าง (กสิกร กรุงศรี ไทยพาณิชย์ ชัวร์ๆ ค่ะ) และทำเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ แต่ได้ปิดไปหมดแล้ว ซึ่ง ณ ปัจจุบันไม่มีบัตรเครดิตแล้วค่ะ
รบกวนเพื่อนๆ ช่วยแนะนำให้คำปรึกษาด้วยนะค่ะ อยากมีบ้านในฝันของตัวเองไว้ให้ลูกสาวคนเดียวค่ะ
หาคำตอบข้อสรุปทำไมถึงกู้ไม่ผ่าน
จากที่ได้อ่านดูแล้วนั้นถ้ามองถึงเงินเดือนอย่างเดียวในแต่ละเดือนนับว่าไม่น้อยเลย ถ้ากู้คนเดียวและอายุยังไม่เยอะประมาณ 29-33 โอกาศผ่านนับว่าพอมีค่ะยิ่งถ้าบริษัทที่ทำงานมีชื่อเสียง มั่นคงนับว่าไม่ยากที่จะผ่าน หรือถ้าลดราคาบ้านไม่เกิน 3 ล้านนี้น่าจะผ่านแบบสบายๆอย่างแน่นอน ที่นี้เราลองมาวิเคาะห์กันว่าเพราะอะไรทำไม
ธนาคารไม่อนุมัติ สาเหตุหลักเลยคือมาจาก ประวัติลูกหนี้ จากที่อ่านดู คุณ สมาชิกหมายเลข 4504893 เคยมีประวัติไม่ดี ถึงขนาดทำให้แบงค์ขาดทุนก็คงกู้ยากนั้นเองละค่ะ และจากที่อ่านทั้ง3ธนาคารที่ไปยื่นกู้เจ้าของกระทู้มีประวัติแทบทั้งสิ้นนี้อาจจะเป็นสาเหตุหลักที่ธนาคารไม่ปล่อยกู้ถึงแม้เงินเดือนจะสูงก็ตามคะ นอกจากนี้
ธนาคารที่เจ้าของกระทู้ได้เคยปรับโครงสร้างหนี้ แม้ว่าจะปิดหนี้ไปนานแล้วส่วนใหญ่ธนาคารจะเก็บประวัติ ดังนั้นทำให้ ไม่น่าจะมีธนาคารปล่อยให้กู้ใหม่ยิ่งเป็นสาขาที่เคยไปขอยื่นกู้แล้วนี้แทบเป็นไปไม่ได้ ที่นี้มาดูว่าผ่อนรถ แล้วค้างจ่ายปิดไปเมือปี 60 ถึงจะปิดไปแล้วแต่ประวัติเรื่องการชำระล่าช้าในบูโรยังไงธนาคารก็บันทึกอยู่ในระบบต้องรอ
ระยะเวลา3-4 ปี หลังปิดหนี้แล้ว ข้อมูลถึงจะโดนลบออกจากระบบ ที่นี้เราไปมองกันที่เรื่องของอายุ โดยที่อายุเจ้าของกระทู้ อายุ 41 ปี ถ้าผ่อนบ้าน 30 ปีแบบคิดเต็มจำนวน ก็เท่ากับว่า 71 ปี กว่าจะผ่อนบ้านหมด นั้นเป็นอีกเหตุผลที่ธนาคารไม่อนุมัติ เพราะธนาคารคิดอายุที่ผ่อนไม่เกิน 65 ปี แต่ถ้าจะกู้ผ่านก็อาจจะต้องกู้ในรยะเวลา
ไม่เกิน 20-25 ปี ดังนั้นเงินผ่อนบ้านต่อเดือนอาจจะเป็นประมาณ 18,000-19,000 บาทต่อเดือน แล้วเราลองมาสมมุติคิดค่าใช้จ่ายแบบง่ายๆที่ต้องจ่ายแบบแน่ๆ ค่าบ้าน 18,000 บาท หักค่าใช้จ่ายน้ำไฟอินเตอร์เน็ตคร่าวๆ บาท ส่วนกลางหมู่บ้าน 500 บาท ค่ากินค่าใช้วันละ 200 30วัน 6,000 บาท ค่าเดินทาง 2,000 ดังนั้นเงินที่เสียแน่ๆคือ 28,000 บาท
นี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆที่มากมาย ค่ารักษาพยาบาล ค่าเทอม เงินเก็บสำหรับอนาคต 33000ต่อเดือน จะแย่เอาได้ตอนนี้เจ้าของกระทู้อาจจะคิดว่าสู้ไหว แต่ถ้าจบจากมัธยนแล้วต่อ มหาวิทยาลัย จะยิ่งลำบากมากๆ แล้วงานที่ทำมั่นใจแค่ไหนว่างานที่เราทำมั่งคงหรือไม่ ถ้ามองตามหลักความจริงจากฐานเงิน 33,000 บาท นั้นไม่น้อยค่ะ
ถ้าเจ้าของกระทู้ไปทำเรื่องกู้จากธนาคารที่ไม่เคยมีปัญหามาก่อน ทางเราเชื่อคะว่าเจ้าของกระทู้สามารถกู้ผ่านอย่างแน่นอน แต่กู้ผ่านแล้วเจ้าของกระทู้ผ่อนไหวหรือไม่ อันนี้อาจจะลำบากค่ะ เพราะมองดูแล้วอนาคตจะตึงมือมากๆ ดังนั้นเราแนะนำว่า เก็บเงินไว้ก่อนดีกว่าเก็บไว้ให้มีเงินก้อนและรอดูอะไรๆที่มันพร้อมดีกว่าค่ะหรือรอลูกมหาลัยหรือเข้ามหาลัยแล้วค่อยซื้อ จะเป็นความคิดที่ดีกว่าเพราะอย่างน้อยเรามีเงินก้อนสามารถที่จะดาวน์บ้านและผ่อนได้ในราคาที่ประหยัดไปอีกหรือรอลูกสาวเรียนจบแล้วค่อยทำการกู้ร่วม2คนก็ยังได้ค่ะ อาจจะฟังดูแล้วว่าช้าหน่อยแต่อย่างลืมนะคะว่า การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐคะ
ที่มา สมาชิกหมายเลข 4504893 จากเว็บบอร์ดออนไลน์ชื่อดัง Pantip.com
