นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน หรือโครงการหมู่บ้านและชุมชนละ 200,000 บาท เวลาดำเนินการ 120 วัน ช่วงเดือน เม.ย.-ก.ค.2561 พื้นที่เป้าหมาย 82,371 หมู่บ้าน รวมวงเงิน 16,474 ล้านบาท โดยหลักเงินอุดหนุน มีดังนี้คือ ต้องเป็นโครงการที่คณะกรรมการหมู่บ้านหรือชุมชนได้รับข้อมูลปัญหาจากเวทีประชาคมไทยนิยมยั่งยืน หรือจากแผนพัฒนาหมู่บ้านหรือชุมชน โดยแต่ละแห่งเสนอโครงการได้ไม่เกิน 2 โครงการ รวมแล้วไม่เกิน 200,000 บาท
ตั้งเกณฑ์เข้มห้ามแจกเงิน-สิ่งของ รัฐ อัดฉีดซ้ำฟื้นเศรษฐกิจฐานราก
โดยโครงการที่จะขอรับเงินอุดหนุน เป็นโครงการที่สร้างรายได้ให้กับประชาชนในหมู่บ้านหรือทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานราก ช่วยยกระดับหรือพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในหมู่บ้านให้ดีขึ้น รวมทั้งเป็นโครงการที่น้อมนำศาสตร์พระราชาและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้อย่างเป็นรูปธรรม เป็นโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและตอบสนองความต้องการประชาชนในพื้นที่ ดำเนินการแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ก.ค.2561 และห้ามจ้างแรงงานต่างด้าว
ข้อกำหนดและข้อห้ามในการนำงบประมาณไปใช้
ขณะเดียวกัน ยังมีกำหนดลักษณะห้ามดำเนินการ ได้แก่ ห้ามนำงบประมาณไปต่อยอดเงินกองทุนหมู่บ้านในลักษณะกองทุนหมุนเวียน ห้ามนำงบประมาณไปหารเฉลี่ยหรือแบ่งเงิน สิ่งของ ให้กับประชาชนหรือครัวเรือนในหมู่บ้าน ห้ามแจกจ่ายเป็นเงินหรือสิ่งของ ห้ามนำไปให้ประชาชนกู้ยืม ห้ามนำไปใช้ทำโครงการฝึกอบรม สัมมนา ศึกษาดูงานและจัดนิทรรศการ ห้ามนำไปก่อสร้าง ปรับปรุง ซ่อมแซม ศาสนสถาน สถานศึกษา สถานที่ราชการ ยกเป็นโครงการสาธารณประโยชน์ รวมทั้งห้ามทำโครงการซื้อครุภัณฑ์และยานพาหนะ
นอกจากนั้น ครม.อนุมัติโครงการเพิ่มศักยภาพกำลังคนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมสนับสนุนการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมในประเทศและภูมิภาค วงเงินรวม 3,500 ล้านบาท เป็นเงินงบประมาณ 800 ล้านบาท และเงินกู้ยืมจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) วงเงิน 2,700 ล้านบาท ดอกเบี้ย 0.3% ต่อปี เวลาชำระหนี้ 15 ปี เวลาดำเนินการ 10 ปี (ปี 2562- 2571) โดยมีเป้าหมายนักศึกษาได้รับทุนในประเทศ 3,000 ทุน ศึกษาระดับปริญญาตรีเพื่อกลับมาเป็นครู 220 ทุน และผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรต่อเนื่องในด้านวิชาชีพ 5 ปี รวม 480 คน รองรับการกระตุ้นเศรษฐกิจของในอนาคต และเพิ่มความสามารถการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม.
ที่มา : https://www.thairath.co.th/content/1240852
