การก่อสร้างรถไฟไฮสปีดถือเป็นนโยบายอย่างหนึ่งในการพัฒนารถไฟความเร็วสูงในประเทศไทยจากทางภาครัฐที่ได้มีการพยายามพัฒนาและออกโครงการต่าง ๆ กันมาหลายยุคหลายสมัย ซึ่งคนไทยทั้งประเทศเองก็รอติดตามกันว่าโครงการรถไฟไฮสปีดนี้จะได้มีการลงนามก่อสร้างรถไฟไฮสปีดในเร็ววันนี้หรือไม่ และเมื่อไหร่จะได้เริ่มใช้กันสักที เพราะแน่นอนว่าหากรถไฟโครงการนี้สร้างแล้วเสร็จ ก็จะมีประโยชน์กับคนไทยอย่างมากในเรื่องของการคมนาคมข้ามจังหวัด
โดยเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 ของโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย) ได้นำเสนอผลการศึกษาของโครงการ ผลการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ร่างมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม พร้อมรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมการประชุม
ซึ่งการประชุมครั้งนี้ ได้นำเสนอผลสรุปการศึกษาของโครงการรถไฟไฮสปีด ตั้งแต่ในส่วนของการก่อสร้างที่กำหนดเป็นทางรถไฟระดับพื้นระยะทาง 185 กิโลเมตร และเป็นทางรถไฟยกระดับระยะทาง 171 กิโลเมตร รวมเป็นระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 356 กิโลเมตร โดยมีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 250,000 ล้านบาท โดยตัวโครงการมีจำนวน 5 สถานี ประกอบด้วย สถานีบัวใหญ่ สถานีบ้านไผ่ สถานีขอนแก่น สถานีอุดรธานี สถานีหนองคาย และมีสถานีขนถ่ายสินค้า 1 แห่ง บริเวณสถานีรถไฟนาทา จังหวัดหนองคาย และมีศูนย์ซ่อมบำรุงที่เชียงรากน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และที่นาทา จังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยหน่วยซ่อมบำรุงทาง 4 แห่ง ที่สถานีบ้านมะค่า จังหวัดนครราชสีมา สถานีหนองเม็ก จังหวัดขอนแก่น สถานีโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี และสถานีนาทา จังหวัดหนองคาย โดยจะมีจุดย่านกองเก็บตู้สินค้า (Container Yard) และย่านเปลี่ยนถ่ายสินค้า (Transshipment Yard) 1 แห่ง ที่นาทา จังหวัดหนองคาย ขณะที่ในส่วนของความเร็วในการเดินรถ จะใช้ความเร็วสูงสุดในการเดินรถ ซึ่งอยู่ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้การเดินทางจากจังหวัดกรุงเทพมหานครถึงจังหวัดหนองคายใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 15 นาทีเท่านั้น
- สะพานรถไฟ จำนวน 120 แห่ง ใช้ในกรณีตัดกับทางหลวงแผ่นดินสายหลักที่มีปริมาณการจราจรบริเวณจุดตัดค่อนสูง เพื่อแก้ปัญหาจุดตัดในเขตเมืองที่มีถนนสายหลักและสายรองตัดผ่านในระยะห่างใกล้กันหลายแห่ง
- สะพานรถยนต์ จำนวน 25 แห่ง ใช้ในกรณีที่จุดตัดถนนสายหลักมีปริมาณการจราจรค่อนข้างมาก และมีเขตทางเพียงพอ
- สะพานกลับรถรูปตัวยู จำนวน 23 แห่ง ใช้ในกรณีตัดกับถนนที่มีปริมาณจราจรน้อย มีอุปสรรคสิ่งกีดขวางทั้งสองด้าน เขตทางไม่พอให้สามารถออกแบบมาตรฐานในลักษณะทางตรงได้
- ทางลอดรถไฟ อีกจำนวน 84 แห่ง ใช้ในกรณีที่เป็นจุดตัดทางรถไฟกับถนนลำลองที่มีปริมาณการจราจรต่ำ บริเวณพื้นที่เกษตรกรรมสองข้างทางรถไฟ
- ทางบริการ จำนวน 3 แห่ง ใช้บริเวณที่แนวเส้นทางรถไฟตัดผ่านถนนท้องถิ่นหลาย ๆ สาย โดยเชื่อมถนนท้องถิ่นเข้าด้วยกัน แล้วก่อสร้างทางลอดหรือทางข้ามเพียงจุดเดียว
ด้านผลการศึกษาวิเคราะห์ความเหมาะสมของการพัฒนาเฉพาะช่วงรถไฟความเร็วสูงโคราช-หนองคาย พบว่ามีความเหมาะสมคุ้มค่า โดยคิดเป็นผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) 11.24% ส่วนผลวิเคราะห์ความเหมาะสมการพัฒนาทั้ง 2 ระยะ (กรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย) คิดเป็นผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) 12.10% สำหรับแผนการดำเนินงานโครงการรถไฟไฮสปีดในระยะถัดไปภายหลังศึกษาโครงการนี้แล้วเสร็จ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จะเริ่มดำเนินการขออนุมัติดำเนินโครงการ และออกร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในปี 2564
ทั้งนี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการประกวดราคา สำรวจรายละเอียดอสังหาริมทรัพย์ และเริ่มดำเนินการก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟไฮสปีด ในปี 2565 โดยจะใช้ระยะเวลาดำเนินการ 48 เดือน จากนั้นจึงเป็นงานติดตั้งระบบ โดยจะเริ่มดำเนินการในปี 2566 ใช้ระยะเวลาการดำเนินการ 66 เดือน และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการรถไฟไฮสปีดได้ในปี 2572 ซึ่งแน่นอนว่านอกจากในเรื่องของความสะดวกสบายจากการใช้รถไฟความเร็วสูงโคราชที่กำลังจะเริ่มก่อสร้างในปี 2565 นี้แล้ว อีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจอย่างวงการอสังหาฯ ก็น่าจะได้รับปัจจัยบวกจากโครงการรถไฟไฮสปีดนี้ไม่แพ้กัน เพราะหากทางโครงการได้มีการเริ่มดำเนินการก่อสร้างที่สมบูรณ์ ก็คาดว่าที่ดินในบริเวณดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น ในจังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอุดรธานี รวมไปถึงจังหวัดหนองคาย จะมีราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นไปตามอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงเป็นปัจจัยที่น่าติดตามอย่างมากสำหรับใครที่กำลังลงทุนในตลาดอสังหาฯ หรือกำลังรอที่จะซื้ออสังหาฯ เพื่อการอยู่อาศัย
อ้างอิง
https://www.prachachat.net/property/news-579320