โดยปกติด ที่จอดรถ ในโครงการบ้านหรือคอนโด จะคิดที่จอดเป็นเปอร์เซ็นต์จากจำนวนยูนิตทั้งหมด และโดยปกติปัญหาที่จอดลดตามโครงการบ้านต่างๆจะไม่ค่อยมีปัญหาด้านที่จอดรถมากเท่ากับตัวคอนโดนั้นก็เพราะว่าพื้นที่โครงการบ้านแต่ละหลังอย่างน้อยก็สามารถที่จะจอดรถได้ 1 คันเป็นอย่างน้อยแต่สำหรับคอนโดนั้นจะต่างออกไปนั้นก็เพราะว่าคอนโดโดยส่วนมากไม่ได้มีที่จอดรถมาให้สำหรับทุกห้อง ซ้ำร้ายอาจจะมีค่าใช้จ่ายในการจอดรถเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน ส่วนใครที่ไม่มีรถอาจจะคิดว่าไม่เดือนร้อน แต่เราขอบอกเลยว่าคนที่ไม่มีรถก็โดนด้วยเช่นกันแต่จะขนาดไหนนั้นเราไปหาคำตอบกันเลย โดยเราจะสรุปให้ทั้งโครงการบ้านและคอนโดเลย
ถนนสาธารณะ จอดได้ผิดตรงไหน
คำว่า “ถนนสาธารณะ” คือถนนที่ใครก็สามารถใช้ได้ โดยในโครงกาารเช่นบ้านและคอนโดทางเข้าตัวโครงการส่วนใหญ่จะทำให้กว้างๆเพื่อที่รถจะได้เข้าออกอย่างสะดวกแต่ก็มีคนหัวหมอหรืออาจจะเพราะมีรถมากกว่า 1 คัน
นิยมเอามาจอดตามข้างถนนสาธารณะ เพราะคิดว่ากว้างและรถเข้าออกไม่เยอะแต่ลองคิดดู ว่าถ้าคนจอดกันสองฝั่งจากที่มีเลนถนนกว้างๆก็จะกลายเป็นแคบไปทันที่หรืออีก1สาเหตุคือจอดทางแยกสำหรับกลับรถ
บางคนถึงขนาดทำกันสาดตรงทางแยกอีกตะหาก เพื่อจองว่าที่ข้าจอดเป็นประจำใครจะทำไมละ ที่นี้มามองด้านคนไม่มีรถถ้าเราไม่มีรถเพื่อนบ้านบ้างคนจะใส่อภิสิทธิ์มาจอดหน้าบ้านเราแบบเนียนๆแล้วอาจจะมาขอเราจอดหน้าบ้าน
หน่อย พอดีคนมาบ้าน ซึ้งถ้าโดยปกติมาข้ออนุญาติเราก่อนก็ดีไปแต่ถ้าทำจนเคยแล้วที่นี้หน้าบ้านเราก็จะมีคนเพื่อบ้านมาจอดตลอดอย่าแน่นอน ทางแก้ปัญหาที่ก็ง่ายๆมาก
เพื่อเราบอกบอกเพื่อบ้านว่าให้จอดได้แต่ครั้งนี้ได้แต่ไม่บ่อยอาจจะหาข้ออ้างว่าเดี๋ยวมีรถเพื่อนหรือรถญาติมาจอดก็ได้หรือจะนิติบุคคลของตัวโครงว่าให้เขาเข้ามาช่วยก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีไม่น้อย
ทำไมถึงไม่ทำ ที่จอดรถ ให้พอกับจำนวนยูนิต
ปัญหานี้ก็คงเป็นปัญหาโลกแต่จริงๆสำหรับทั้งตัวบ้านและตัวคอนโด โดยเฉพาะคอนโดนี้จะยิ่งหนักเลยเพราะโครงการคอนโดมีพื้นที่ไม่เพียงพอ แต่ถ้าโครงการไหนมีพื้นที่เพียงพอราคาบ้านหรือคอนโดก็จะสูงตามไปด้วยตามจำนวน
พื้นที่เพิ่ม การแก้ปัญหานี้ก็แสนง่ายมากๆเราจะต้องมาดูที่ตัวเราก็ว่าบ้านหรือคอนโดแต่ละที่ ที่เราจะซื้อนั้นตอบโจทย์ความต้องการด้านที่จอดรถหรือไม่ถ้าเราเป็นคนที่มีรถมาก อาจจะดูโครงการใหญ่ที่สามารถมีพื้นที่จอดรถได้พอกับจำนวน
รถของเราหรอไม่หรือถ้าคุณจะซื้อคอนโดติดกับbtsแล้วอาจจะจำเป็นต้องเลือกใช้รถได้แค่1คันต่อ1ห้องจะดีที่สุด
ดูเปอร์เซ็นต์ที่จอดรถตามตัวโครงการให้เป็น
ข้อนี้ถ้าเป็นตัวโครงการบ้านเดี่ยวทาวน์โฮมอาจจะไม่ค่อยมีปัญหาแต่สำหรับคอนโดนี้คนละเรื่องและอาจจะทำให้หลายๆคนงงงวยมาแล้วนั้นก็เพราะว่าพนักงานขายส่วนใหญ่จะไม่นิยมบอกเป็นคันๆนั้นเพราะเจ้าของโครงการ
ชอบคิดแทนว่าเปอร์เซ็นต์ชาวต่างชาติที่จะมาซื้อคอนโดหรือเช่าอยู่ที่อาจจะเยอะถึง 50%-60 % จะไม่นิยมใช้รถยนต์ส่วนตัวเท่าไรเต็มที่ก็อาจจะใช้แค่ รถจักรยานยนต์ เท่านั้นจึทำให้เจ้าของโครงการหัวหมอ นิยมบอกจำนวนที่จอดรถเป็นเปอร์เซ็นต์เพื่อให้เราคำนวนและจินตนาการ
การจอดเอาเองถึงอาจจะเป็นไปตามที่เจ้าของโครงการวางไว้หรือไม่เป็นไปตามนั้นก็ได้ โดยหลักการคิดง่ายๆคือ คอนโด low rise จะมีที่จอดรถน้อยกว่าคอนโด High rise เพราะจำนวนยูนิตของ high rise มีมากกว่าและราคากลับพื้นที่ที่มากว่านั้นเอง
รู้กฏหมายที่จอดรถโดยคำนวณตามพื้นที่การใช้สอย
โดยยึดหลักตามกฏกระทรวงฉบับที่ 7 และพรบ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2544 ที่อยู่อาศัยรวม” หรือ ”อาคารชุด” โดยแยกเป็นอีก 2 กรณีคือ ตั้งอยู่ในเขตกทม. และนอกเขต กทม. โดย
ในเขตพื้นที่กทม. ห้องที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 60 ตร.ม.ขึ้นไป จะต้องมีที่จอดรถ 1 คัน / 1 ห้อง
นอกเขตพื้นที่กทม. ห้องที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 60 ตร.ม.ขึ้นไป จะต้องมีที่จอดรถ 1 คัน / 2 ห้อง
นอกจากด้านบนแล้วยังมีกฏหมายที่จอดรถที่คำนวณตามขนาดของอาคารที่พื้นที่ก่อสร้างมากกว่า 1000 ตร.ม. และ สูง 15 เมตรขึ้นไป หรือ อาคารที่มีพื้นที่ก่อสร้างเกิน 2000 ตร.ม.
ในเขตพื้นที่กทม. ทุกๆพื้นที่ก่อสร้าง 120 ตร.ม. จะต้องมีที่จอดรถ 1 คัน
นอกเขตพื้นที่กทม. ทุกๆพื้นที่ก่อสร้าง 240 ตร.ม. จะต้องมีที่จอดรถ 1 คัน
โดยคิดเป็น จำนวนที่จอดรถ xกับ100หารด้วยจำนวนยูนิตของโครงการเราก็จะสามารถได้เปอร์เซ็นของที่จอดรถมาแล้ว
หลักการการจัดเก็บค่าที่จอดรถ
โดยปัญหานี้จะตกไปที่คนอยู่คอนโดเป็นหลักๆนั้นก็เพราะว่า พื้นที่จอดรถในคอนโดไม่เพียงพอโดยส่วนใหญ่เจ้าของโครงการจะให้สิทธ์แค่เจ้าของห้องสามารถธิ์จอดรถ 1 คันต่อ 1 ยูนิต แต่ถ้าเป็นห้องใหญ่หรือพื้นที่ขนาดห้อยเยอะโดยห้องแบบ 2 ห้องนอนขึ้นไปก็อาจจะสามรถที่จะจอดรถได้2คัน
โดยไม่เสียเงินแต่ต้องวนหาที่จอดรถเอาเองไม่มีที่ประจำถ้าที่จอดรถเต็มก็อาจจะต้องจอดแบบซ้อนคันแทน แล้วเราไปจ่ายค่าจอดรถตอนไหนละ อันนี้หลายๆคนอาจจะไม่รู้โดยปกติโครงการบวกราคาขายคอนโดฯ ไปพร้อมๆ กับที่จอดรถจึงไม่เก็บค่าที่จอดเพิ่ม โดยวิธีนี้คนที่ไม่มีรถหรือไม่ใช้รถอาจจะต้องเสียเปรียบแต่กับกันคนมีรถรู้สึกแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีโครงการที่เรียกเก็บค่าจอดรถอยู่ นั่นคือใครมีรถที่มากกว่าเดิมที่โครงการกำหนดหรือจะให้คนอื่นมาจอดรถในคอนโดฯ ต้องแจ้งนิติฯ และต้องเสียค่าจอด ส่วนใหญ่คิดเป็น ชั่วโมง หรือวัน สำหรับคนนอกและ เดือนสำหรับลูกบ้านในคอนโดโดยคิดราคาจะอยู่ที่ ชั่วโมงตั้งแต่ 30-45 ค้างคืน อาจจะอยู่ที่ 100- 200 และสำหรับลูกบ้านที่เอารถมาจอดเพิ่มอาจจะอยู่ที่ 300 บาท 500 บาท หรือมากกว่านั้น แล้วแต่ระดับราคาขาย โดยเมื่อเราจ่ายเงินไปแล้วก็ใช้ว่าจะได้จอดรถเสมอไป เพราะว่าเราแค่เสียค่าจอดรถ ไม่ใช่ค่าที่จอดดังนั้นเราก็อาจจะต้องวนหาที่จอดรถเองเหมือนเดิมไม่มีที่จอดรถประจำคือใครมาก่อนก็ได้ที่จอดนั้นไป
จอดรถในคอนโดจะต้องทำไง
คำตอบนี้ง่ายมากๆนั้นคือเราจะต้องเลือกโครงการที่มีชาวต่างชาติพวก Expat อยู่เยอะนั้นก็เพราะว่าชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะไม่นิยมมีรถนั้นก็จะทำให้เรา มีโอกาสที่จะไม่ต้องแย่งที่จอดรถกับคนอื่นๆ หรืออาจจะ เลือกคอนโดที่สร้างความลำบากให้กับผู้ใช้รถ โดยให้เลือกจุดที่มีโลเคชั่นดีๆที่คนสัญจรไปมาอย่างหนาแน่ หรือ ถนนแคบ เข้าออกได้ทางเดียว
หรือปัญหาต่างๆที่คนใช้รถปวดหัว นั้นก็อาจจะทำให้เราได้ที่จอดรถแน่นอนแต่เราก็จะต้องมาปวดประสาทจากปัญหานี้แทน และสุดท้ายอย่างไปลงเชื่อหรือซื้อคอนโดที่ประกาศว่าสร้างมาเพื่อคอนโดสำหรับคนใช้รถ เพราะนั้นจะเป็นจุดสนใจหรือแห่งคนที่ใช้รถเพ่งเล็งเป็นที่แรกๆอย่างแน่นอนตอนแรกๆอาจจะไม่มีปัญหาเเต่เชื่อเถอะว่าเมื่อเจ้าของโครงการขายห้องหมดแล้วและเมื่อไรที่ให้นิติบุคคลมาบริหารถ้านิติบุคคลบริหารดีอาจจะไม่เกิดปัญหาแต่ถ้านิติบุคคลบริหารแต่ความบรรไลเกิดแน่นอน ทั้งคนจอดรถมากกว่า1คัน จำนวนรถที่เกือบ 100 % แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ควรเลือก
เป็นยังไงกันบ้างกับบทความเนื้อหาสาระเรื่องนี้หวังว่าเพื่อนๆจะชอบกัน แล้วพบกันใหม่ครั้ง