นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนการที่จะดำเนินงานภายหลังจากที่บริษัทได้ทำการจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า “S” และบริษัทยังคงเต้าเป้าหมาย 5 ปี นับจากปี 2558 – 2562 ซึ่งจะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 20000 ล้านบาท และเป็นรายได้ที่ได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 50% และรายได้จากค่าเช่าอีกประมาณ 50% ด้วยกัน
หลัก ๆ บริษัทจะอาศัยจุดแข็งของกลุ่ม บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด (มหาชน) ให้เอื้อประโยชน์ต่อบริษัท โดยจะมีการนำที่ดินสะสมของครอบครัวภิรมณ์ภักดี ที่มีอยู่ไม่ต่ำกว่า 1000 ไร่ เพื่อนำมาพัฒนา รวมไปถึงที่ดินของตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่อีกกว่า 200 รายด้วยกัน ที่ต้องการให้บริษัทพัฒนาที่ดินให้ และนอกจากนี้ ทางลัดที่จะบริษัทไปสู่การพัฒนาและมีการเติบโตที่รวดเร็วได้นั้น จะมาจากการเช่าซื้อกิจกรรมหรือร่วมลงทุนกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงการซื้อธุรกิจ กิจการโรงแรม และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยจะมีการพิจารณาจากโอกาสการเจริญเติบโตในอนาคต และการสร้างรายได้เพิ่มโดยมีการตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปี ซึ่งจะมีการใช้เม็ดเงินในการลงทุนโดยประมาณ 100000 ล้านบาทเลยทีเดียว
ส่วนแหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้สถาบันการเงิน ซึ่งขณะนี้มี 2 ธนาคารใหญ่ ที่ได้อนุมัติวงเงินกู้เบื้องต้นรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10000 ล้านบาท รวมทั้งจะมาจากการเพิ่มทุน และการขายสินทรัพย์ที่เป็นโรงแรมเข้ากองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีขนาดกว่า 10000 ล้านบาทอีกด้วย