บีทีเอส จับ มือแสนสิริ ตุนที่แนวรถไฟฟ้า ผุดมิกซ์ยูสเมืองทองแจ้งวัฒนะ-ศูนย์วัฒนธรรม

บีทีเอส

“ แสนสิริ – บีทีเอส ” กว้านซื้อที่เกาะสถานีรถไฟฟ้าสายใหม่ทุกสายทุกสี ดันแผนโปรเจ็กต์ร่วมทุนแสนล้าน ทุ่มซื้อตลาดมะลิและข้างเคียงกว่า 20 ไร่ ปั้นมิกซ์ยูสรับส่วนต่อขยายสายสีชมพู “ศรีรัช-เมืองทองธานี” ปักหมุดสถานีศูนย์วัฒนธรรมลงทุนบิ๊กโปรเจ็กต์รับจุดตัดสายสีส้ม-สีน้ำเงิน ด้านบีแลนด์ปัดฝุ่น 200 ไร่ติดทะเลสาบ สร้างที่อยู่อาศัย คอมเพล็กซ์ สวนสนุก ปลุกความคึกคักอีกเฮือก

บีทีเอส จับ มือแสนสิริ เตรียมปั้นมิกซ์ยูสตามแนวรถไฟฟ้า

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ได้ร่วมกับ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ซื้อที่ดินตลาดนัดมะลิในเมืองทองธานี และที่ดินข้างเคียง เพื่อเป็นแลนด์แบงก์เก็บไว้รอพัฒนาโครงการร่วมกันรับรถไฟฟ้าสายสีชมพูแคราย-มีนบุรี ที่บีทีเอสผู้รับสัมปทานโครงการจะร่วมลงทุนกับ บมจ.บางกอกแลนด์ สร้างส่วนต่อขยายเข้าไปยังเมืองทองธานี มีกำหนดเปิดบริการในปี 2564

 

ทุ่มซื้อที่ดินเมืองทอง

“เราดีลซื้อที่ดินดังกล่าวเมื่อปลายปีที่แล้ว หลังมีความชัดเจนว่าจะสร้างรถไฟฟ้าเข้าไปยังเมืองทองธานี ทำเลอยู่ห่างจากสถานีประมาณ 500 เมตร ซื้อเก็บไว้เพราะที่ดินมีศักยภาพ กำลังดูว่าจะพัฒนาเป็นรูปแบบไหน ยังมีเวลา เพราะกว่ารถไฟฟ้าจะสร้างเสร็จอีก 4-5 ปี”

นายอุทัยกล่าวว่า ตามแผนภายใน 5 ปีจะร่วมกับบีทีเอสพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้ารัศมี 500 เมตรจากสถานี จำนวน 25 โครงการ มูลค่า 100,000 ล้านบาท ปัจจุบันซื้อที่ดินไว้หมดแล้ว ขณะนี้ร่วมลงทุนโครงการไปแล้ว 12 โครงการ มูลค่าโครงการกว่า 40,000 ล้านบาท ในปี 2561 จะลงทุน 2 โครงการ เปิดขายแล้ว 1 โครงการ คือ เดอะไลน์ วงศ์สว่าง เป็นคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จก่อนขาย จำนวน 1,287 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,600 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 1.99 ล้านบาท อีก 1 โครงการจะเปิดขายในไตรมาสที่ 3 อยู่ทำเลสะพานใหม่แนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต คาดว่าจะเป็นแบรนด์เดอะไลน์

 

ตุนที่สายใหม่ขึ้น 13 โปรเจ็กต์

นางสาววรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการทั่วไป บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้งส์ กรุ๊ป กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ซื้อที่ดินพร้อมจะลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเป็นโปรเจ็กต์ร่วมทุนบีทีเอส-แสนสิริ ล่าสุดเหลือประมาณ 13 โครงการ โดยที่ดินเตรียมพัฒนาเฉลี่ย 3 ไร่ต่อโครงการ ขนาดมูลค่าโครงการขึ้นอยู่กับทำเล หากเป็นโครงการขนาดเล็กจะอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท และขนาดใหญ่อยู่ที่ 7,000 ล้านบาท ซึ่งในปี 2561 มีแผนลงทุนพัฒนา 2 โครงการ ล่าสุดเปิดขายโครงการเดอะเบส วงศ์สว่าง มียอดแล้ว 30% อีกโครงการจะอยู่สะพานใหม่เปิดขายไตรมาส 3 ระดับราคาเจาะลูกค้าระดับซีบวก-บีลบ ทั้งนี้หากประเมินแล้วตลาดยังดีต่อเนื่อง อาจจะมากกว่านั้นก็ได้

“เรามีที่ดินเตรียมไว้หมดแล้ว เกาะแนวรถไฟฟ้าสายใหม่ทุกสายทุกสี ทั้งสีเขียวต่อขยาย สีส้ม สีชมพู สีเหลือง และสีน้ำเงินต่อขยาย รัศมีใกล้สถานีรถไฟฟ้า จะทยอยพัฒนาไปเรื่อย ๆ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 5-6 ปีกว่าจะครบตามเป้าหมาย 25 โครงการ เพราะต้องรอรถไฟฟ้าสร้างเสร็จเปิดใช้บริการ”

 

ปีหน้าขึ้นเดอะไลน์พหลโยธิน

นางสาววรางคณากล่าวอีกว่า สำหรับแผนการลงทุนในปี 2562 คาดว่าจะพัฒนาโครงการเดอะไลน์ พหลโยธิน พาร์ค เป็นคอนโดฯในแนวรถสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ติดกับคอนโดฯแอ็บสแตร็กส์ ที่ซื้ออาคารเก่าของแนเชอรัลพาร์ค (N-PARK) จำนวน 3 ตึก พื้นที่ 21 ไร่มาพัฒนา ซึ่งเปิดขายตึกแรกไปแล้ว อีก 2 ตึกที่เหลือจะทุบและดีไซน์โครงการใหม่ให้ทันสมัย

รวมถึงอาจจะเห็นข้อสรุปความร่วมมือระหว่างแสนสิริกับบีทีเอสจะพัฒนาที่อยู่อาศัยบนที่ดิน 48 ไร่ฝั่งตรงแดนเนรมิตเดิม ซึ่งบีทีเอสร่วมกับ บมจ.แกรนด์ คาแนล แลนด์ (จีแลนด์) สัดส่วน 50:50 จัดตั้ง บจ.เบย์วอเตอร์ ประมูลซื้อที่ดินจากกรมบังคับคดี ที่เคยเป็นที่ตั้งโครงการบางกอกโดม

“ทางคุณคีรีได้หารือกับแสนสิริด้วย นำผังที่ดินมาให้ดู คงจะพัฒนาเป็นหลายส่วน เพราะที่ดินแปลงใหญ่ ยังไม่สรุปจะร่วมกันรูปแบบไหน ตอนนี้ที่ดินตรงนี้ยังไม่ได้อยู่ในข้อตกลง 5 ปีที่ร่วมกัน แต่หากมีข้อสรุปชัดเจนจะนำเข้ามาอยู่ในแผนด้วย”

บีทีเอส

ผุดมิกซ์ยูสรับสายสีชมพู

นางสาววรางคณากล่าวอีกว่า ส่วนที่ดินในเมืองทองธานีที่แสนสิริกับบีทีเอสไปซื้อนั้น เนื่องจากมองเห็นศักยภาพของทำเล เพราะจะมีขยายแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพูเข้าอีก 2 สถานี ขณะนี้กำลังศึกษาการลงทุนหลายโปรดักต์ คาดว่าจะเป็นโครงการขนาดใหญ่ในรูปแบบมิกซ์ยูสรับกับรถไฟฟ้า เนื่องจากที่ดินที่ซื้อมามีขนาดใหญ่ ซึ่งรูปแบบโครงการที่เหมาะสมจะชัดเจนน่าจะใกล้กับที่รถไฟฟ้าสร้างเสร็จ

“ตอนนี้เราซื้อเก็บเป็นแลนด์แบงก์ไว้ ซึ้อต่อจากเจ้าของที่ดิน ไม่ได้ซื้อกับบีแลนด์ เป็นบุคคลธรรมดา มูลค่าคาดว่าไม่น่าจะถึง 1,000 ล้านบาท อนาคตที่ดินบริเวณนี้จะมีมูลค่าเพิ่มเมื่อรถไฟฟ้าสร้างเสร็จ”

รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ดินที่แสนสิริและบีทีเอสซื้อในเมืองทองธานีมีประมาณ 20-30 ไร่ เป็นที่ดินของตลาดมะลิประมาณ 5 ไร่ ที่เหลือเป็นที่ดินข้างเคียง ติดกับสนามฟุตบอลของสยามสปอร์ต ราคาที่ดินเฉลี่ยอยู่ที่ 700,000-100,000 บาท/ตร.ว. ล่าสุดแสนสิริยังเข้าไปซื้อที่ดินตรงถนนผังเมือง เยื้องมาทางสถานีศูนย์วัฒนธรรมเพื่อพัฒนาโครงการร่วมกับบีทีเอส รับกับจุดตัดรถไฟฟ้าสายสีส้มและสายสีน้ำเงิน

นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า การซื้อที่ดินทางแสนสิริจะเป็นผู้ดำเนินการ โดยจะลงทุนคนละ 50:50 ใน 25 โครงการ คิดเป็นมูลค่าที่ดินประมาณ 20,000 ล้านบาท ที่จะซื้อมาพัฒนาโครงการ ขณะนี้ซื้อเก็บไว้หมดแล้วใกล้สถานีรถไฟฟ้า ล่าสุดเป็นที่ดินในเมืองทองธานีจะพัฒนาโครงการรับรถไฟฟ้าสายสีชมพู

“ธุรกิจอสังหาฯหลังจากโอนไปอยู่ในยูซิตี้ที่เราถือหุ้นอยู่ 36% นอกจากโปรเจ็กต์ร่วมทุนกับแสนสิริ ยังไม่มีการลงทุนใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน 10 ไร่ติดถนนพหลโยธิน ใกล้กับสถานีบีทีเอสหมอชิต กำลังศึกษารูปแบบโครงการพัฒนาอยู่ แนวโน้มจะพัฒนาเป็นออฟฟิศบิลดิ้ง เพราะยูซิตี้จะเน้นลงทุนอสังหาฯเพื่อให้เช่า บริการ และโรงแรม เป็นหลัก ส่วนอสังหาฯขายขาดจะร่วมกับแสนสิริ”

 

เปิดแนวต่อขยายชมพู-เหลือง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับข้อเสนอของบีทีเอสสร้างส่วนต่อขยายสายสีชมพูอีก 2.8 กม. จากสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี วงเงิน 3,750 ล้านบาท โดยบีแลนด์ลงทุน 1,250 ล้านบาท และบีทีเอสลงทุน 2,500 ล้านบาท มี 2 สถานี คือ สถานีตั้งอยู่บริเวณอาคารอิมแพ็คชาเลนเจอร์ และสถานีริมทะเลสาบเมืองทองธานี เพื่อรับคนอยู่อาศัย 1.5 แสนคน และผู้เข้า-ออกงานอีเวนต์ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี อีก 15 ล้านคน ขณะที่บีแลนด์มีแผนจะนำที่ดินผืนสุดท้าย 800 ไร่ ในเมืองทองธานีมาพัฒนาต่อยอดธุรกิจ จะปรับผังการพัฒนาที่ดิน 200 ไร่ ติดทะเลสาบใหม่ มีทั้งที่อยู่อาศัย คอมเพล็กซ์และสวนสนุก พร้อมลงทุนสร้างทางเดินเชื่อมสถานีกับพื้นที่ต่าง ๆ ด้วย

ขณะที่สายสีเหลืองจะต่อขยายอีก 2.6 กม. จากแยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว สร้างบนถนนรัชดาภิเษก ผ่านศาลอาญา เชื่อมสีเขียว (หมอชิต-คูคต) ที่สถานีพหลโยธิน 24 เงินลงทุน 3,000 ล้านบาท มี 2 สถานีที่หน้าจันทรเกษมกับสถานีพหลโยธิน 24 อนาคตที่จะเป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสองสายคือ สีเขียว กับสีเหลือง โดยบริเวณนี้บีทีเอสมีที่ดิน 48 ไร่ ห่างจากสถานี 200 เมตร ตรงข้ามกับแดนเนรมิต จะพัฒนาเป็นคอมเพล็กซ์ 20,000 ล้านบาท รวมถึงจะซื้อที่ดินด้านหลังอาคารจอดรถแล้วสถานีลาดพร้าวสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงโครงการสายสีเหลืองพร้อมกับรับสัทธิบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์และพื้นที่โดยรอบ

 

ที่มา  prachachat.net

 

สนใจข้อมูลข่าวสารเด่นๆ คอนเทนท์ร้อน ที่เราหามาเสริฟให้คุณผู้อ่านในทุกๆวันจาก Dotproperty คลิ๊ก …