บ้านชั้นเดียวราคา 5 แสน สไตล์ลอฟท์ ในสวนพร้อมวิวธรรมชาติสุดสวย

October 7, 2016

บ้านในสวน,บ้านราคา 5 แสน,บ้านชั้นเดียวราคา 5 แสน

มาแล้วครับ บ้านชั้นเดียวราคา 5 แสน ช่างไม้คนเดิม ผมว่าช่างไม้คนนี้เก่งมากเลยครับ ทำวงกบ ทำประตู รวมถึงแต่งไม้ให้หมดทุกอย่างเลยครับ

เด็กผู้หญิงมาให้กำลังใจพ่อทุกวัน ด้านหลังเป็นประตูห้องน้ำครับ ส่วนตอไม้ที่เด็กนั่งอยู่ เป็นตอไม้ที่พ่อไปหาซื้อมาเก่า ๆ แล้วก็ให้คนงานขัดทำสี ทำเป็นโต๊ะครับ

ตรงนี้เป็นส่วนของ counter ที่กำลังจะแปลงร่างครับ

ไม้ที่เห็นเป็นไม้เก่าที่รื้อมาจากบ้านเก่าของน้า ไม้นี้อายุไม่ต่ำกว่า 40 ปีครับ ก่อนหน้านี้ไม้ชุดนี้เป็นตู้โชว์อยู่ครับ

คือไม้ชุดนี้ครับ เป็นไม้มะค่าครับ ไว้กรุผนังครับ

นี่ก็ไม้ชุดเดียวกันครับ

และแล้ว counter ก็แปลงร่างแล้วครับ แต่งตัวให้เรียบร้อย เป็นไม้มะค่าที่รื้อมาจากตู้บ้านเก่าครับ

รูปชุดนี้ถ่ายตอนเย็นก่อนกลับมา กทม. ครับ เป็นรูปที่ยังไม่ได้กรุไม้นะครับ ไม้ที่เห็นเป็นไม้ที่เตรียมกรุ เป็นไม้เก่าที่รื้อมาครับ

เป็นภาพด้านหลังบ้าน ทดสอบเปิดไฟครับ

ทางขึ้นไปด้านบน ด้วยความที่ไม่รู้ แค่อยากให้ทางขึ้นสว่าง เลยติดมันทุกขั้นเลย พอไปเห็นคนอื่น เพิ่งรู้ว่าเค้าติดเว้นกัน ไม่จำเป็นต้องติดมากขนาดนี้ บ้านหลังนี้ไฟเยอะมากครับ แต่ว่าสลับเปิดครับ

ภายในไฟก็ใช้งานได้แล้วครับ บ้านหลังนี้ใช้ warm light เกือบทั้งหมดครับ

ที่เห็นในภาพเห็นเป็นสีขาว ๆ นี่เป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์ครับ แถวนั้นไม่มีหลอดฟลูแบบ warm light ครับ

มีหลอดฮาโลเจนให้เห็นด้วยครับ ติดไฟไปทั่ว ค่าไฟบานเลยครับ

ในส่วนของตัวบันไดนี่ต้องฉาบเก็บงานอีกรอบครับ ผู้รับเหมาเค้าถือเคล็ดว่าต้องทำบันไดเป็นอย่างสุดท้ายครับ

นี่เป็นช่องวางสบู่ ยาสระผม ครับ เดี๋ยวจะทำชั้นมาติดเพิ่มเติมครับ

รูปห้องน้ำไม่ค่อยมีนะครับ นี่ก็เป็นอีกรูปที่เป็นรูปภายในห้องน้ำครับ

ไม้ชนิดนี้เค้าเรียกกันว่าไม้สวอง ผมก็ไม่ค่อยรู้จักครับ แต่เค้าบอกกันว่าทนแดดทนน้ำมากครับ

ภาพนี้ผู้รับเหมากับลังกรุผนังห้องนั่งเล่นในส่วนของชั้นทีวี มีเมียช่างคอยช่วยอยู่ แล้วที่เห็นด้านหลังนี่เป็นช่างสี มาคอยทำสีไม้ให้ครับ ช่างสีนี่เป็นคนรู้จักกันตั้งแต่รุ่นพ่อครับ

ก่อนที่แกจะรับปากมาทำให้ แกบอกว่าต้องทำตามวิธีแกเท่านั้น แกถึงจะทำ แกก็อธิบายให้ฟังถึงขั้นตอนการทำสี

แกบอกว่าก่อนหน้านี้แกเป็นช่างทำสีเฟอร์นิเจอร์อยู่ กทม. รับงานใหญ่ ๆ หลายที่เหมือนกัน แต่ว่าช่วงกลับมาบ้าน แล้วมาจับปลาในคลอง แล้วดันไปเหยียบไม้อะไรไม่รู้ เกิดเป็นแผล แล้วไม่ไปหาหมอ นานไปแผลเริ่มอักเสบหนัก ต้องไปหาหมอ หมอบอกแผลเน่า ต้องรีบส่งมา รพ. ในตัวเมือง ปรากฏว่าต้องตัดขาออก หมอบอกว่าดีนะมาทัน ไม่อย่างนั้นต้องตัดถึงหัวเข่าเลย

นอกเรื่องไปเยอะแล้วครับ มาล่าต่อให้ฟังครับ แกบอกว่า อยู่ดี ๆ จะไปซื้อสีมาทาเฉย ๆ เค้าไม่ทำให้นะ

แกอธิบายวิธีทำของแกให้ฟังดังนี้ครับ

แกบอกว่าอันดับแรก ต้องเอาไม้มาทาน้ำยากันปลวกให้เรียบร้อยก่อนเอาไม้ไปใช้งาน

หลังจากผู้รับเหมาเอาไม้มาเข้าลิ้นต่อกันเรียบร้อยแล้ว เค้าก็จะทำการลงแชล็ค เค้าบอกว่าต้องซื้อมาเป็นเกล็ก แล้วเอาไปแช่กับอะไรผมจำไม่ได้นะครับ เวลาใช้งานก็ตักหน้ามันมาใช้ เอามาทาก่อน

หลังจากนั้นก็ขัด ๆ ๆ ให้ไม้เสมอกัน แกบอกว่าช่างไม้เก่งมาก ทำไม้เรียบเสมอกันทุกแผ่นเลย แต่ผู้รับเหมาที่เข้าลิ้นกรุไม้ให้ไม่ค่อยเก่ง แต่ก็อย่างว่าครับ เค้าอาสาทำให้ บอกเค้าว่าไม่ต้องทำก็ยังไงอยู่ครับ

พอขัดแล้วก็เริ่มลงแล็คเกอร์ชนิดเงาก่อน แต่ผมบอกว่าผมอยากได้สีด้าน ๆ เค้าบอกว่า ต้องลงเงาก่อน!

ผมถามเค้าว่าทำไม เค้าบอกว่าการลงเงาจะทำให้ลายไม้ขึ้น เห็นลายไม้ชัด การจะทำให้มันด้านง่ายนิดเดียว ทามันรอบสุดท้าย ด้านเลย

แกบอกว่าต้องทาแล็คเกอร์ประมาณ 3-4 รอบ การทาทุกครั้ง ก่อนทาต้องเอากระดาษทรายขัดทุกครั้ง เพื่อลบคลื่นแปรงที่ทาไว้ครั้งก่อน ทำให้สีเสมอกัน

ทาครั้งนึงต้องทิ้งไว้อย่างน้อยครึ่งวัน ถึงจะขัดทาได้อีก แต่แกบอกว่าแกจะทิ้งไว้เกือบวัน อาศัยว่าทาผนังนี้ ขัดผนังนั้น

หลังจากทาได้ 3-4 รอบ แกก็จะเอาน้ำยาที่ทาเป็นกึ่งด้านลงอีก 1-2 รอบ แล้วรอบสุดท้ายจะเป็นการทาสีด้านใส

แต่แกบอกว่าประตูหน้าทาแบบนี้ไม่ได้ เพราะจะโดนฝนโดนแดดตลอด แกต้องเคลือบยูริเทน แต่ต้องใช้ยูริเทนเฉพาะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันไอ้ยูริเทนเฉพาะนี่มันเป็นอย่างไร ก็ต้องคอยดูหลังจากที่แกทำเสร็จครับ

ถ้าสังเกตุรูปก่อนหน้านี้ ช่างจะเอาเครื่องมือวางไว้บนประตู โดนช่างสีดุเลยครับ ต้องรีบยกประตูลงจากโต๊ะเลยครับ แกบอกว่าเดี๋ยวเป็นรอยหมด แกบอกว่าแกทารองพื้นไว้ให้จับเพื่อติดประตูไปก่อน

รูปนี้รูปช่างไม้อีกแล้วครับ สงสัยจะเป็นช่างไม้ประจำบ้านแล้วครับ เพราะเสร็จจากหลังนี้ บอกให้ช่างทำวงกบให้ต่อเลยครับ เพราะอีกหลังก็ใช้วงกบขนาดเดียวกันครับ คือ 2.6 เมตร

นี่เป็นภรรยาช่างไม้ กำลังเซาะร่องเอาเนื้อไม้ที่เสีย ๆ ออกไป แล้วทำการเอาไม้กับขี้เลื่อยมาอุดแทน โดยใช้กาวร้อนครับ

เสร็จแล้วครับ โต๊ะไม้ประดู่ จากภาพด้านบนครับ

นี่เป็นผนังหัวเตียงครับ เป็นไม้มะค่า ส่วนพื้นเตียง รอบ ๆ จะเป็นไม้มะค่า ส่วนตรงกลางเป็นไม้สน เนื่องจากไม้มะค่าหมด!!!

ห้องนอนเป็นประตูบานสไลด์ครับ วงกบเป็นไม้แดง ส่วนไม้ประตูเป็นไม้สวองครับ เค้าบอกว่าทาเสร็จแล้วจะออกเป็นสีเหลือง ๆ ทอง ๆ ครับ บานประตูจะกว้าง 1 เมตร สูง 2.6 เมตรครับ

มุมนี้เป็นมุมจากห้องนั่งเล่นมองไปเห็นชั้นทีวี ประตูห้องนอน ประตูห้องน้ำ ตามลำดับครับ

ปล. บ้านหลังเล็กนิดเดียว รูปก็ซ้ำ ๆ ไปเรื่อยนะครับ

ในห้องนอนอีกแล้วครับ

ชั้นทีวีในห้องนอนก็เหมือนกับด้านนอกครับ แต่ว่าผนังกรุด้วยไม้ประดูครับ เนื่องจากไม้มะค่ามีน้อย ไม่พอใช้งานครับ เลยต้องใช้ไม่ประดู่แทน ประกอบกับผู้รับเหมาไม่อยู่ ให้ลูกน้องมาทำแทน แต่ช่างสีบอกว่ากรุดีกว่าผู้รับเหมาอีก แต่ว่าดันกรุผิดลาย ต้องกรุแนวตั้ง แต่แกดันไปกรุแนวนอน แต่กรุไปแล้วทำอะไรไม่ได้แล้วครับ

ทดสอบไฟ LED ในหลุมฝ้าครับ

จริง ๆ ภาพก็หมดแล้วนะครับ แต่พยายามหาภาพมาให้ชมกันครับ นี่เป็นภาพบานประตูครับ

ภาพนี้เป็นไม้ที่ก่อนจะถูกนำไปแต่งเพื่อนำไปใช้งานครับ

ประตูหน้ากว้าง 1.3 เมตร สูง 3 เมตร เป็นไม้ประดูครับ บานนี้หนักมาก ตอนยกตั้งประตูต้องใช้คนช่วยกัน 5 คนครับ ใช้บานพับขนาดใหญ่สุด 8 ตัวครับ

ประตูห้องนอนที่ช่างไม้ทำเสร็จใหม่ ๆ เห็นช่างทำก็อึ้งในฝีมือเหมือนกันครับ ใช้แค่กาวอย่างเดียว ทำประตูได้

ช่างสีกำลังโป๊วเก็บรอยต่อของไม้ครับ เสร็จแล้วก็จะขัด แล้วก็ทาน้ำยาเคลือบลงไป แล้วก็ผสมสีมาแต้มตรงที่เป็นรอยเด่น ๆ ให้กลืนไปกับเนื้อไม้ครับ

เอาชั้นทีวีในห้องนอนมาใช้ชมกันอีกครั้งครับ เป็นไม้ประดู่ที่บอกครับ ดันต่อลายผิด ต่อเป็นลายแนวนอนครับ

บานประตูหน้าด้านในครับ

บานประตูจากด้านนอก เวลาเปิดครับ ทีแรกคิดว่าตอนเปิดจะหนัก แต่ก็ไม่หนักอย่างที่คิดครับ

เป็นภาพที่ปิดประตูครับ จะเห็นว่ามีการใส่บานพับไป 8 ตัวครับ

รูปหมดแล้วครับ เดี๋ยวถ้า บ้านชั้นเดียวราคา 5 แสน เสร็จเรียบร้อย ผมจะมารีวิว พร้อมรายละเอียดว่าใช้งบประมาณไปเท่าไหร่อีกครั้งนะครับ ขอบคุณทุก ๆ คนที่เข้ามาเยี่ยมชมนะครับ

ผมสร้างบ้านบนความรู้สึกนึกคิดของผม อาจจะไม่ถูกหลักของการสร้างบ้านเท่าไหร่นักครับ อย่างว่าอ่ะครับ ผมเป็น สถาปนึก นึกอะไรได้ก็ทำไป ไม่ได้มีการวางแผนอะไรมากมาย เรียนรู้กับสิ่งที่ทำ ผิดก็คอยแก้ไข แต่อย่าเอาอย่างผมนะครับ ผมคิดว่าการสร้างบ้านต้องมีการจัดการวางแผนให้ดีครับ

ผมอาจจะโชคดี เจอช่างไม่ค่อยเรื่องมาก ประกอบกับบ้านหลังเล็ก ไม่มีรายละเอียดอะไรให้ต้องจัดการมากมาย

จริง ๆ แล้วบ้านที่กรุงเทพผมก็ประมาณนี้ครับ ส่วนใหญ่เป็นปูน