เมื่อการมีบ้านไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะการซื้อบ้านซักหนึ่งหลังมักตามมาด้วยภาระหนี้ที่ติดตามตัวเราไปอีกยาวนาน ดังนั้นก่อนการ เลือกซื้อบ้าน หลายๆ คนจึงคิดไม่ตกว่าจะเลือกซื้อบ้านแบบไหน ในทำเลใด ระดับราคาเท่านี้จะพอดีหรือมากเกินไป โดยเฉพาะการเลือกว่าจะซื้อบ้านในเมืองหรือบ้านชานเมืองดี โดยทั้งบ้านในเมืองและบ้านชานเมือง ต่างก็มีข้อดีข้อเสียคนละแบบ ดังนั้นการเลือกให้เหมาะกับตัวเองจึงจะเหมาะที่สุด
บ้านชานเมืองกับการเติบโตเทียบเคียงบ้านในเมือง
ปัจจุบันในหลายๆทำเลมีความเป็นเมือง (Urbanization) มากขึ้น โดยเฉพาะในแถบชานเมืองของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เช่นเดียวกับการขยายตัวของที่อยู่อาศัยแบบจัดสรร ที่เริ่มรุกเข้าในทำเลชานเมือง โดยจากรายงาน The Surburb of the Future, Almost Here ของนิตยสาร Times มีการชี้ให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ยุค Millennial เริ่มเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในทำเลชานเมืองมากขึ้น แต่ก็ยังชื่นชอบการใช้ชีวิตแบบในเมืองอยู่ ความนิยมการซื้อบ้านชานเมือง จึงทำให้เกิดแนวคิดใหม่ด้านผังเมืองชื่อ ‘The New Suburbanism’ หรือการยกระดับความเป็นเมืองในทำเลชานเมืองนั่นเอง
จุดเด่นของบ้านชานเมือง
- ราคาถูก – แน่นอนว่าราคาบ้านในทำเลชานเมืองย่อมต่ำกว่าบ้านในทำเลเมือง เนื่องจากราคาที่ดินในย่านชานเมืองยังไม่สูงเท่าในเมือง ประกอบกับยังมีที่ดินเปล่าที่รอการพัฒนาอีกมาก แต่การซื้อบ้านทำเลชานเมืองราคาถูก อาจจะไม่คุ้มเสมอไป ถ้าหากมีระยะทางไกลจากที่ทำงาน
- ค่าครองชีพถูก – เมื่อต้นทุนที่อยู่อาศัยมีราคาต่ำ ดังนั้นต้นทุนในการใช้ชีวิตประจำวันของบ้านชานเมืองจึงถูกกว่าในเมืองเป็นเรื่องธรรมดา
- ขนาดที่ดินใหญ่ – สืบเนื่องมาจากราคาที่ดินของชานเมืองที่ต่ำกว่าในเมือง ดังนั้นบ้านที่มีระดับราคาใกล้เคียงกัน บ้านเดี่ยว ชานเมืองจึงมีขนาดที่ดินใหญ่กว่า สามารถรองรับครอบครัวขนาดใหญ่กว่า
- สงบ เป็นส่วนตัว ไม่วุ่นวาย – ด้วยทำเลที่ประชากรไม่พลุกพล่าน กิจกรรมเชิงพื้นที่ไม่หนาแน่น ทำให้ชานเมืองตอบโจทย์คนรักความสงบเป็นส่วนตัวได้มากกว่า
จุดด้อยของบ้านชานเมือง
- สิ่งอำนวยความสะดวกในทำเลน้อย – เมื่อไม่ใช่ทำเลเมือง แน่นอนว่าสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานย่อมเบาบางกว่ามาก
- เดินทางไกล ใช้ระยะเวลามากกว่า – สิ่งที่คนซื้อบ้านทำเลชานเมืองต้องยอมแลก คือเวลาในการเดินทาง เนื่องจากแหล่งงานและสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนใหญ่ล้วนกระจุกในพื้นที่เมือง จึงต้องใช้ระยะเวลานานและระยะทางไกลเพื่อเข้าถึง
- เติบโตช้า ลงทุนยาก – การเติบโตของระดับราคาบ้านทำเลชานเมืองค่อนข้างช้า นอกจากนั้นหากจะปล่อยเช่าก็จะหาผู้เช่าได้ลำบากมากกว่า
จุดเด่นของบ้านในเมือง
- สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน – เมื่อขึ้นชื่อว่าอยู่ในทำเลเมืองแล้ว ย่อมมีความครบครันของไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายมากกว่า ซึ่งเป็นความนิยมหลักของคนชื่นชอบความเป็นเมือง แต่อย่างไรก็ตามย่อมต้องแลกมาด้วยต้นทุนที่สูงกว่า
- เดินทางสะดวก ต้นทุนค่าเดินทางต่ำ – การมีบ้านทำเลในเมือง นอกจากจะประหยัดเวลาในการเดินทางแล้ว ยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยเช่นกัน เพราะสามารถเลือกได้ว่าจะเดินทางด้วยวิธีไหน เนื่องจากอยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก
- เติบโตเร็ว ลงทุนได้ง่าย – เนื่องจากทำเลเมืองมีการพัฒนาตลอดเวลา พลวัตรของการเปลี่ยนแปลงทำให้ราคาที่ดินในทำเลพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การซื้อบ้านในทำเลเมืองจึงสามารถคาดหวังถึงการเติบโตของราคาหากต้องการขาย รวมถึงการปล่อยเช่า ที่สามารถหาผู้เช่าได้ง่าย หลากหลาย และมีระดับราคาเช่าที่สูง
- มีเวลาเหลือในแต่ละวันมากขึ้น – เมื่อบ้านในเมืองอยู่ใกล้แหล่งงานและสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า อีกทั้งการเดินทางยังหลากหลาย สามารถประหยัดเวลาในแต่วัน และทำให้มีเวลาเหลือได้มากกว่า
จุดด้อยของบ้านในเมือง
- ราคาสูง – ระดับราคาของบ้านย่อมแปรผันตามระดับราคาที่ดิน เนื่องจากที่ดินในเมืองมีให้พัฒนาน้อย การแข่งขันทางด้านราคาจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวในเมือง ที่มักมีระดับราคาสูงมาก ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป
- ขนาดที่ดินเล็ก – สืบเนื่องจากการขาดแคลนที่ดินเพื่อพัฒนาในเมือง ดังนั้นบ้านจึงมีขนาดที่ดินที่เล็กกว่า เพื่อไม่ให้ราคาบ้านสูงมากเกินไปจนจับต้องไม่ได้
- ไม่เหมาะกับครอบครัวใหญ่ – ด้วยขนาดพื้นที่บ้านและที่ดินของบ้านที่เล็ก ทำให้ไม่เหมาะกับการอยู่อาศัยของครอบครัวใหญ่
- ความเป็นส่วนตัวน้อย – ทำเลในเมืองไปที่ไหนก็มีแต่คนจอแจ ดังนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะคาดหวังเรื่องความเป็นส่วนตัวของบ้านในเมือง
สนใจข้อมูลข่าวสารเด่นๆ คอนเทนท์ร้อน ที่เรานำมาเสิร์ฟให้คุณผู้อ่านในทุกๆวันจาก Dotproperty คลิก