DotProperty.co.th

ไอเดียการ ผ่อนบ้าน,คอนโด หมดแน่นอนภายใน 10 ปีเท่านั้น

วันนี้เรามีความรู้ดีๆเกี่ยวกับกาาร ผ่อนบ้าน ให้หมดเร็ว ภายใน 10 ปี  โดยบอกเลยว่า มนุษย์เงินเดือน  ก็ทำได้ โดยไอเดียนี้จะพอเป็น guide line ให้คนที่เริ่มคิดจะซื้อบ้าน หรือ คอนโด ตามนโยบายของรัฐ สามารถทำได้อย่างแน่นอนฟันธง

ลดเวลา ผ่อนบ้าน จาก 25-30 ปี เหลือผ่อน 7-10 ปี เลยทีเดียว !!!

โดยวิธีการมีดังนี้ โดย มีสินทรัพย์แรก คือ บ้าน ราคา ประมาณ 4 ล้านบาท เงินเดือนๆละ 50,000 บาท ผ่อนเดือนละ 20,000  บาท หลายๆคนอาจจะยังไม่ทราบว่า เงินเดือน ตั้ง 5 หมื่นผ่อนแค่ 2 หมื่น ชิวๆ แน่นอน  แต่ถ้าคิดอีกทาง  ถ้าต้องผ่อน 20,000 บาท ให้ติดว่า เราต้องผ่อน เป็น “2เท่า” คือ “40,000 บาท”ให้ได้นั้นเท่ากับว่าเราจะเหลือเงินใช้แต่ละเดือนแค่ 1หมื่นบาทเท่านั้น

ถ้ามองแบบนี้ หลายๆท่านอาจจะคิดว่าอย่าผ่อนเลย   สุดท้ายคงไม่ลอดแน่ๆ คิดแบบนั้นก็คือ ผ่อนไปตามนั้น เดือนละ 20,000 บาท ตามทั่วไป มันก็ไปจบที่ผ่อน 25-27 ปี ถึงได้เป็ยเจ้าของจริงๆ (โดยประมาณของดอกเบี้ยลดต้นลดดอกของการผ่อนบ้าน) แต่ถ้ากัดฟันทำตามวิธีนี้ถึงแม้ว่ามันจะดูลำบากแต่ ไม่เกิน 10 ปีบ้านก็จะเป็นของเราแล้ว

หลักการวิธีทำมีดังนี้

หลายๆคนต้องเข้าใจว่า การกู้ซื้อบ้าน คอนโด นั้นโดยปกติ ดอกเบี้ย แพงมากๆ เพราะ เอาดอกเบี้ยมาตรฐานทั่วไป MLR-1% หรือคือ ดอกเบี้ยประมาณ 5-7% ต่อปี อย่าไปสนใจตัวเลขนี้ดูแล้ว งงๆ เพราะเวลาเรา ผ่อนบ้าน มันจะมี 1-3 ปีแรก หลายๆแบบ 0% ปีแรกบ้าง ปีต่อไปลอยตัว  แบบขั้นบันไดบ้าง หรือสมมุติว่าดอกเบี้ย 5-7 % ต่อปีแบบเท่ากันหมด (ซึ่งส่วนใหญ่เราก็ผ่อนกัน เกิน 3 ปีกันอยู่แล้ว แล้วค่อยรีไฟแนนซ์ นี้ก็อีกเรื่องนึง  ถ้ามีโอกาสในอนาคตจะมาเล่าให้ฟัง)

หรือเอาแบบบ้านๆ คือ เวลาบิลเรียกเก็บค่างวดมาที่บ้าน หาก ท่านผ่อน เดือนละ 20,000 บาท ท่านเห็นในบิลเลยว่า…ดอกเบี้ย = 12,000 บาท (หัก) เงินต้น = 8,000 บาท นี้คือค่าผ่อนต่อเดือนนะครับ คราวนี้ ดอกแพงหรือยังครับ?? กู้ไป 4 ล้าน เมื่อไหร่จะหมด?? (4,000,000 – 8,000 = 3,992,000)

โดยวิธีนี้คือการ ผ่อน “2 เท่า” คือ 40,000 บาท เหลือกินใช้ 10,000 บาท วิธีนี้ถ้าคนไม่มีภาระจะดีที่สุด  เพราะหากมีภาระแล้ว อยากใช้วิธีนี้ แนะนำ ดูสินทรัพย์ที่ถูกลงมาหรือหาแนวทางอื่นที่อาจจะช้ากว่าวิธีนี้หน่อยจะดีกว่า

วิธีคือ โดยทั่วไป Bank มักจะให้หักค่างวดจาก บัญชีธนาคารของ Bank นั้นๆเลย เงิน  20,000 บาทแรก (ดอก12,000 + หักต้น 8,000) โดยเราสามารถจ่ายเพิ่มอีก เท่านึง  20,000 บาทหลัง คือการ หักเงินต้น 100% หรือ หักไปเลย อีก 20,000 ได้โดยการไปจ่ายที่เคาเตอร์ธนาคารที่กู้ โดย ควรไปจ่ายเพิ่มอีก เท่านึงตอน ต้นเดือน เพราะโดยปกติ ธนาคารจะเรียกเก็บค่างวดจากการหักบัญชีเรา ตอนสิ้นเดือน (ส่วนใหญ่วันที่ 30 ของทุกเดือน)

นั้นก็เพราะว่า ถ้าเราจ่ายวันที่ 1 ของเดือนนั้น แบงค์จะแอบคิดดอกเบี้ย 1 วัน ประมาณนี้ (500 บาท) หักเงินต้น (19,500 บาท)  ฟังแล้วอย่าตกใจเพราะ ตอนแบงค์หักเงินจากบัญชีเรา วันที่ 30 ที่หักค่างวดปกติ ดอกเบี้ยก็จะคิดแค่ 29 วัน ไม่นับวันที่ 1 ที่เราจ่ายแล้ว จากนั้น ครบ 3 ปี เราค่อยไปรีไฟแนนซ์กับ แบงค์อื่นที่เราจ่ายดอกเบี้ยน้อยกว่า เพราะจะมีโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์ที่ ดีกว่า เพราะครบ 3 ปี  เราจะไม่ได้โปรจากแบงค์เดิมแล้ว ปีที่ 4 ทุกแบงค์จะคิดดอกเบี้ยลอยตัว ดังนั้นควรไปรีไฟแนนซ์ เพื่อ โปรดอกเบี้ยที่ถูกลง

แต่ไม่ควรทำก่อน 3 ปีเพราะจะโดนค่าปรับได้และเหมือทำตามวิธีที่ว่ามานี้ นั้นก็หมายความว่า ท่านจะสามารถหักเงินต้น เดือนนั้น ได้ถึง 8,000 + 20,000 บาท หรือ “3.5 เท่า” ของการหักโดยปกติ !!! (4,000,000 – 28,000 = 3,972,000)

จากด้านบนเงินต้นที่กู้ Bank มา ลดลงเร็วเยอะขึ้น มาจากที่เราได้จ่ายดอกเบี้ยสำหรับ ค่างวด 20,000 บาทแรกแล้ว เมื่อทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ พอสิ้นปีได้ โบนัส หรือ ถูกหวย ได้เงินพิเศษมา เดือนนั้น ก็จ่ายเพิ่มหนักหน่อย แต่.. บางครั้งเราก็จำเป็นใช้เงิน ท่านก็สามารถลดเงินค่างวดพิเศษลงได้ หรือไม่จ่ายเพิ่มเดือนนั้น

แต่อย่าทำบ่อยนะครับ ถ้ามีครั้งแรก…ย่อมมีครั้งที่ 2 เสมอ ไม่นาน พอผ่านไปซัก 3 ปี ผมกล้าพูดได้เลย เงินต้นที่ท่านกู้จะลดลงไปมากๆ ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทแน่นอน ดังนั้น หนี้จาก “4ล้าน ก็จะเหลือไม่ถึง 3 ล้าน ประมาณ 2ล้านปลายๆ ถ้าผ่อนแบบปกติ ครบ 3 ปี เงินต้นจะลด ไปแค่ 1 แสนบาท เอง  หากท่านมีวินัย โปะไปเรื่อยๆ หนี้สินก็จะหมด ภายใน 5-7 ปี แล้วท่านก็จะปลอดหนี้แล้ว ถ้าไม่สร้างหนี้

สนใจข้อมูลข่าวสารเด่นๆ คอนเทนท์ร้อน ที่เรานำมาเสิร์ฟให้คุณผู้อ่านในทุกๆวันจาก Dotproperty คลิ๊ก