สวัสดีค่ะ วันนี้เรามาพบกันอีกครั้ง โดยสำหรับใครหลายๆ คนที่กำลังจะกู้เงินเพื่อซื้อบ้านหรือตอนนี้กู้ซื้อบ้านไปแล้วเกิดกังวลใจขึ้นมาเพราะหากมีการตัดสินใจซื้อบ้านแบบกู้เงินผ่อนธนาคารระยะยาว แต่อยู่ๆ ไปเกิดปัญหาที่คาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็น ได้งานใหม่เกิดต้องย้าย หรือ การเงินชอต เกิดปัญหาบางอย่างในครอบครัว ผ่อนบ้าน ต่อไม่ไหว หรือ ป่วยเป็นโรคต่างๆ จะแก้ปัญหาและวิธีการรับมือมันอย่างไรดี โดยในวันนี้เราจะมาบอกแนวทางรับมือให้ทราบกันค่ะ
ในกรณีที่ ผ่อนบ้าน ไม่ไหวจะเกิดอะไรขึ้น
กรณีที่ผ่านบ้านไม่ไหวนั้น เมื่อผิดชำระนัด อัตราดอกเบี้ยส่วนใหญ่จะทำการปรับจะทะยานขึ้นเป็น สิบ ยี่สิบเปอร์เซ้นต์และอาจจะบวกค่าปรับต่างๆนาๆ อีกด้วยตามสัญญากู้แต่ละสถาบันการเงินค่ะ และสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามไปอีกข้อหนึ่งคือเมื่อเราลืมเลยจ่ายเงินค่าผ่อนบ้านแต่ละเดือนไม่ครบจำนวนเราก็ควรรีบไปชำระไม่เช่นนั้นก็จะโดนดอกเบี้ยเป็นเท่าตัวโดยที่ธนาคารที่กู้จะไม่โทรมาเเจ้งเราให้ทราบ
นอกจากนี้ เมื่อเราไม่ผ่อนบ้านแล้วหรือจะยอมให้โดยยึดบ้าน แต่ธนาคารส่วนใหญ่จะยังไม่ทำการยึดบ้านโดยทันทีจนทำให้หลายๆคนชะล่าใจแต่พึงระลึกไว้เลยนะค่ะว่าเรากำลังจะซวยกว่าเดิมนั้นก็เพราะว่า ธนาคารจะ ทำการ คิดดอกเบี้ยค่าปรับจะทะยานขึ้นทบเรื่อยไปในแต่ละเดือนชนจนหนี้ท่วมหัวเมื่อไรที่หนี้ท่วมแล้ว ธนาคารจะเริ่มโน็ตติส เตรียมส่งฟ้องศาลยึดบ้าน ไปฟรีๆ เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ก็จะทำให้ไม่สามารถปรับโครงหนี้ได้อย่างแน่นอน การยึดบ้านฟรีก็จะเกิดขึ้นเมื่อธนาคารดำเนินการฟ้องร้อง และเมื่อคดีสิ้นสุดศาลก็จะให้เราทำการชดใช้ แน่นอน เราไม่มีเงินหรอก ถ้ามีคงไม่ขาดส่งศาลก็จะสั่งยึดบ้านและส่งให้กรมบังคับคดีขายทอดตลาด
เมื่อบ้านถูกนำไปขายทอดตลาด เราก็จะต้องไปประมูลบ้านตัวเองกลับถ้าอยากได้บ้านคืน โดยอาจจะไปกู้นอกระบบมาบ้างให้ญาติพี่น้องกู้เงินมาซื้อบ้างเพราะตัวเองกู้ไม่ได้แล้ว อาจจะเยื้อกันหลายปี และธนาคารส่วนใญ่จะไม่รีบจะเอาเงินจนกว่าคิดว่าคุ้มแล้วก็จะยอมปล่อย แต่ถ้าหาก ขายได้ต่ำกว่ายอดหนี้ คุณยังคงต้องชดใช้เพิ่ม ขาดบ้านแล้วอาจหมดตัวต่ออีกหลายปี โดนตามฟ้องยึดทรัพย์หักเงินเดือนต่อไป เพราะเราต้องใช้หนี้ส่วนที่เหลือจนกว่าจะหมด นั้นเองค่ะ
แนวทางสำหรับคนที่ ผ่อนบ้าน 25-30 ปี ที่ดีควรเป็นอย่างไร จากประสบการณ์ตรง !!!
โดยคุณ สมาชิกหมายเลข 774281
ได้กล่าวว่าจากประสบการณ์ส่วนตัวตอนนี้ผ่อนบ้านได้ 5 ปีกว่า (เตรียมรีไฟแนนซ์รอบที่ 2 ปีหน้า) ผมไม่โปะปิดเงินต้นเพิ่มเลยเพราะภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆ เยอะ และต้องหมุนเงินสดหลักหลายหมื่นทุกเดือน ผ่อนบ้านเดือนละ 27,000 บาท นาน 30 ปี เดิมเงินต้น 4.5 M ตอนนี้เหลืออยู่ 3.7 M (รีไฟแนนซ์รอบก่อนคำนวนแล้วลดไปเกือบ 2 แสนบาท)มีรถอีกคันเพิ่งออกเมื่อเดือนก่อน ราคา 1.5 M ผ่อนเดือนละ 23,000 บาท 5 ปี มีเงินที่ส่งเลี้ยงแม่ทุกเดือน กับค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ รวมค่าบ้านค่ารถก็เดือนละแสนพอดี
ด้วยความที่อยู่บ้านนอก(อำเภอชายแดน) การใช้ชีวิตเลยเป็นแบบธรรมดา กินข้าววันละ 100 บาท ปั่นจักรยานเก่าๆ ไปทำงาน กินเลี้ยงนานๆ ที วันหยุดก็ไปเที่ยวในเมือง ก็เหมือนคนทั่วๆ ไป เงินเก็บมีไม่มากเพราะรายจ่ายเยอะ แต่ไม่ขัดสน ไม่ต้องกู้สวัสดิการเพิ่ม ไม่ค่อยได้ลงทุนอะไร แต่การซื้อบ้านที่ผ่อนอยู่นี่แหละที่คุ้มเหมือนการลงทุนเพราะทำเลดีมาก ใกล้ถนนสายสำคัญ กำลังขยายเป็น 6 เลน (ประเมินราคาเฉพาะที่ดินขึ้นจากตรว.ละ 18,000 เมื่อ 5 ปีก่อน ตอนนี้ 50,000 และมีแนวโน้มขึ้นเรื่อยๆ)
โดยคุณ หูย หนุงหนิง
ได้กล่าวว่า ชีวิตตอนนี้ก็ปกติดีค่ะ ยอดจริง 4700฿เราผ่อน 6000-1หมื่นบาทแล้วแต่ว่าสะดวกจุดไหน เรารีเทนชั่นทุก 3 ปี ผ่อนรถอีก 1 คัน เงินเดือนแม่ ให้หลาน คชจ.ทั่วไป สำรองเก็บ เพราะมีค่าส่วนกลาง ค่าประกันรถ ถ้าบริหารดีๆ รอดค่ะ ก่อนสร้างภาระเราจะดูที่ตัวเองค่ะว่าไหวมั้ยไม่ดูคนอื่นค่ะเอาใจช่วยทุกคนที่สร้างตัวนะคะ
โดยคุณ tigermo555
ได้กล่าวว่า คุณมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร อะไรคือความสุขในชีวิต ถ้าความสุขของคุณอยู่ที่การได้นอนบ้านกว้างๆ ไม่ต้องกังวลว่าข้างห้องจะมีเด็กอ่อนร้องเสียงดัง คนแปลกหน้าเดินมาใกล้ๆตอนจะเปิดประตูเข้าห้อง มีสนามรดน้ำต้นไม้ เลี้ยงหมาสักสองตัววันหยุดนอนแผ่หรา ซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารกิน บ้านเป็นคำตอบได้ครับสมมุติว่า คุณมีบ้านตอนอายุ 35 คุณก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดี 35 ปี ถ้าคุณมีบ้านตอนอายุ 50 คุณก็เหลือเวลาอยู่กับมันอีก 20 ปีพอใจมั้ย
ส่วนเรื่องหนี้ระยะยาว ไม่มีเงินสดก็คงต้องกู้แต่ก็ไม่น่ากลัวขนาดนั้น บ้านราคาสูงขึ้นทุกปีคุณซื้อตอนนี้ 5 ล้านบวกดอกก็สิบล้าน หรือถ้ารอซื้อสดอีก 10 ปีข้างหน้าก็ 10 ล้านอยู่ดี ซื้อก่อนได้อยู่ก่อนผมคิดแบบนี้นะ ผมซื้อบ้าน 5 ล้านตอนอายุ 31 สินเชื่อก็ทำประกันชีวิตไว้ เผื่อมีเหตุผิดพลาดเป็นอะไรไปประกันก็ยังช่วย ตั้งแต่เริ่มผ่อนบ้านก็ไม่ได้ซื้อรถใหม่เลย ใช้เวลาอยู่ 8 ปีปิดหนี้บ้านได้บอกตรงๆตอนได้โฉนดมารู้สึกโล่งมาก และได้นิสัยที่ดีอีกอย่างแถมมาคือตอนผ่อนบ้านอยู่ ผมปรับตัวให้เคยชินกับการใช้เงินต่อเดือนประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของเงินที่หาได้ เพราะอีก 50% ผมส่งบ้าน(ผมจ่ายสองเท่าของที่ต้องจ่าย) ถึงตอนนี้ผมจ่ายบ้านหมดแล้ว ผมเก็บเงินต่อเดือนได้เยอะมาก รถก็ยังคงเป็นรถคันเดิมที่ใช้มา 14 ปีแล้วก็ยังคงไม่อยากซื้อใหม่ คงเพราะเคยชินและยังขลาดกลัวการเป็นหนี้อีก ผมว่าการผ่อนสินเชื่อระยะยาวเป็นการสอนการใช้ชีวิตเราอย่างหนึ่งนะ
โดยคุณ กิมจิในไหปลาร้า
ได้กล่าวว่าก็เคยกลัวเรื่องผ่อนบ้าน เหมือนกัน เมื่อก่อนเลือกความสะดวกสบายจึงอยู่คอนโดในกรุงเทพ เพราะใกล้ที่ทำงาน และมองว่าราคาบ้านมันสูงอาจต้องประหยัด(ซึ่งไม่ใช่แนวเรา) แต่พออยู่กลางเมืองไปไม่นานรู้สึกไม่ชอบ. อยากเปลี่ยนที่เปลี่ยนทาง เปลี่ยนวิถีชีวิตดูบ้างจึงคิดซื้อบ้านชานเมือง. อยากอยู่แนวธรรมชาติ. แรงขับเลยมีมากขึ้น ตกลงเลือกดูบ้านหลายมุมเมือง. เลือกโครงการที่ชอบจริง ๆ มองเรื่องราคาที่พอรับได้สุดท้ายก็ได้มา. 1 หลัง เลือกระยะเวลา 20 ปี เราสองคนกับสามีไม่มีลูกการผ่อนบ้านจึงไม่เกิดปัญหาอะไรเลย
ตอนนี้ผ่านมา 15 ปีแล้วค่ะ เหลืออีกนิดเดียวก็สบายแล้ว ไม่ได้โปะนะคะ ผ่อนไปสบาย ๆ มีทำเรื่องปรับลดดอกเบี้ยบ้างเป็นระยะ ที่แบงค์เปิดให้ปรับได้ ความเป็นอยู่ก็ กิน,เที่ยวปกติ ลดเรื่องการท่องเที่ยวลงบ้าง (เมื่อก่อนเราเที่ยวต่างจังหวัดกันทุกเดือนตอนอยู่คอนโด) ไม่ค่อยได้สร้างหนี้อะไรเพิ่ม. มีรถสองคัน ผ่อนหมดแล้ว แต่ก็นะตลอดเวลา. 15 ปีที่ผ่อนบ้านมา เราก็เปลี่ยนรถใหม่มาสองคัน แต่ไม่กระทบการผ่อนบ้าน (เปลี่ยนตามสภาพการใช้) มองว่าถ้าไม่เริ่มก็จะไม่มี อีกอย่างคือราคาบ้านปัจจุบันนี้ก็เขยิบราคาสูงขึ้นมากกว่าเมื่อตอนเราซื้อ เทียบกับจำนวนตารางวานะคะ เรียกว่าถ้าเราซื้อตอนนี้. อาจสูงจนสุดมือสอยก็เป็นได้ค่ะ
โดยคุณ ยัยน่าแกล้งแก้มป่อง
ได้กล่าวว่า การจะมีบ้านสักหลังของคนติดลบต้องทำยังไง?
- ระหว่างเรียน ทำธุรกิจเสริมขายของจากแคตตาลอก รับจ๊อบงานต่างๆ ทำงานช่วงปิดเทอม นำเงินเก็บไปซื้อทองบ้าง สลากบ้าง บางส่วนช่วยที่บ้านใช้หนี้สิน
- เรียนจบทำงานหลัก รับงานรองเป็นเซลล์ ขายของในเน็ต รับงานจ๊อบเสริมบ้างถ้าเวลาเหลือ เงินส่วนใหญ่ตอนนี้ให้เงินเดือนพ่อแม่ ส่งน้องเรียน เหลือเก็บไม่มาก ใช้หนี้ที่บ้าน
- เก็บเงินได้ล้านแรก ตอนอายุ 28 ปี กู้ซื้อบ้านราคา 3 ล้าน ดานน์ 3 แสน 5 แสนต่อเติม+เฟอร์ 2 แสนค่าดำเนินการซื้อบ้าน ผ่อนเดือนละหมื่นกว่าๆ ยังเก็บเงิน ทำงานหลัก+ฟรีแลนซ์ ไว้โปะ ปีละ 5 แสน
- เข้าสู่การผ่อนบ้านปีที่ 4 รีไฟแนนซ์ครั้งแรก หนี้ของครอบครัวชดใช้หมดแล้วสบายขึ้นมาก ยอดเหลือ 1.2ล้าน กู้เพิ่มอีก 1.5 ล้านซื้อที่ดิน ให้พ่อแม่อยู่ยามเกษียญ บ้านเก่าพ่อแม่พังแล้ว กำลังเก็บเงินได้อีกก้อนคิดว่าจะไปซื้อสลากก่อนจะไม่โปะเพราะเพิ่งรีไป คนส่วนใหญ่คงไม่ผ่อนบ้าน 30 ปี เพราะเสียดายดอกเบี้ย
โดยคุณ สมาชิกหมายเลข 704185
ได้กล่าวว่า เราแค่รู้สึกว่าคนที่คิดว่าเป็นหนี้ไปอีก 25-30 ปี มันเป็นการคิดไปเองมั้งคะ แล้วก็ขาดการวางแผนการเงินที่ดี เราคิดว่า(คิดเอาเอง) ว่ามีคนส่วนน้อยที่ผ่อนบ้านถึง 30 ปีจริงๆ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น แสดงว่าคุณซื้อบ้านในราคาเกือบ 2 เท่าของราคามัน(ไม่พูดถึงว่า 30 ปีต่อมาราคาบ้านขึ้นหรือลง) ซึ่งสำหรับมันแปลว่าคุณวางแผนการเงินล้มเหลว
ปกติส่วนตัวเราวางแผนการเงินตลอด รถซื้อเงินสด (ก็จะคิดว่ารถกี่ปีควรจะได้เวลาเปลี่ยน ถ้าเปลี่ยนจะเอารุ่นไหน ยี่ห้อไหน ณ วันนั้นรถคันปัจจุบันจะขายได้เท่าไหร่ จะต้องจ่ายเพิ่มเท่าไหร่ก็คำนวณแล้วก็หารไปได้ตัวเลขเท่าไหร่ก็แบ่งเก็บไปเรื่อยๆ ปกติเก็บในกองทุนความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนไม่น่าเกลียด บางทีถึงวันนั้นดันไม่อยากเปลี่ยนรถ เอาเงินไปลงทุนคอนโดแทนก็มี) คอนโด/บ้าน วางแผนผ่อนไม่เกิน 7 ปี
ทั้งนี้การเลือกเราดูจากงบประมาณ เช่นถ้ากู้ได้ 10 ล้าน เราจะซื้อที่ราคาประมาณไม่เกิน 6 ล้าน และดาวน์อย่างต่ำ 25% เวลาผ่อนก็ผ่อนเกินขั้นต่ำอย่างน้อย 1 เท่าทุกเดือน มีโบนัสก็โปะไปเรื่อยๆ เขียนเป็นแผนไปว่าจะจบได้ภายในกี่ปี สำหรับเราเองถือว่าเลข 7 เป็น cycle ของการเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นจะปิดทุกอย่างภายใน 7 ปี ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากการวางแผนล่วงหน้า และทำให้ได้ตามเป้าทั้งเรื่องการเงินและอาชีพการงาน (เป็นมนุษย์เงินเดือน) ชีวิตส่วนตัว ปกติดี สบายๆ เพราะเอาค่าเช่ามาผ่อน + อีกอย่างน้อย 1 เท่าก็จัดสรรไว้แล้ว เหลือเงิน กิน ช้อป เที่ยว
โดยคุณ anegi
ได้กล่าวว่าหลักการเราคือ ค่อยเป็นค่อยไปค่ะ เราผ่อนคอนโดอยู่ จำนวนเงินที่ผ่อน ณ ตอนซื้อก็ถือว่าไม่ลำบาก ตอนนี้เงินเดือนเยอะขึ้นก็ผ่อนสบายขึ้น มีเงินใช้ฟุ่มเฟือยหรือ เที่ยว ตปท. ได้บ้าง ทุกอย่างเราสร้างเองค่ะ พ่อแม่ไม่ได้รวย กว่าจะมีเงินซื้อคอนโดก็ 30 นิดๆ แล้ว ผ่อนนานเป็นปกติของคนทั่วไปที่ไม่ได้รวย ดังนั้นก่อนซื้อเราเลยวางแผนการเงินก่อน
- ขั้นแรกคือคิดว่าไหวที่เงินผ่อนประมาณเท่าไรต่อเดือน ถ้าคอนโดที่เล็งไว้แพงกว่า เราจะเก็บเงินดาวน์ให้ได้ก่อน
- หาบ้านที่เหมาะสม ไม่เป็นภาระเกินไป เราถือคติว่าถ้าเรามีเงินเพิ่ม เราค่อยย้ายบ้านก็ได้
- มีเงินเก็บส่วนนึงเผื่อๆ ไว้ ในแต่ละเดือนก็ค่อยๆ เก็บเพิ่ม+ลงทุนไป เพราะเราคิดว่าถ้าเราทำให้ตัวเองมีเงินมากขึ้น บ้านมันจะขึ้นไปแค่ไหน เราก็มีเงินซื้อ (ฝันจะเป็นจริงไหม ก็ต้องลองดู อิอิ)
- ความเสี่ยงตกงานเกิดได้กับทุกคน ดังนั้นเราจะคิดเสมอว่าเราต้องพัฒนาตัวเอง ทำให้ตัวเองมีทางเลือกเสมอค่ะ
- อื่นๆ ก็ซื้อประกันไว้บ้าง นอกเหนือจากที่ บ. มีให้ ถ้าเกิดเหตุอะไร ก็คิดว่าพอไหวอยู่
ที่คนผ่อนบ้านแล้วเหนื่อย ส่วนใหญ่คือซื้อแพงเกินตัวหรือใจร้อนไม่คิดให้ดีก่อน อนาคตไม่แน่นอนก็จริง แต่ถ้า จขกท. คิดรอบคอบแล้ว วางแผนการเงินมาดีแล้ว เราว่าซื้อบ้านเพื่อครอบครัวก็ไม่น่ากลัวหรอกค่ะ
ทางออกฉุกเฉิน เมื่อ ผ่อนบ้านไม่ไหว มีวิธีอะไรบ้างไปดู ได้ที่ลิงค์นี้เลย
เป็นยังไงบ้างคะ สำหรับแนวทางจากประสบการณ์ตรงจากคนที่ผ่อนบ้าน 25-30 ปีให้รอดในยุคนี้ สำหรับท่านไหนที่กำลังลังเลอยู่ลองอ่านแน่ทางของเพื่อนๆหลายๆท่านที่ได้ทำมาแชร์ให้ฟังกันดูนะค่ะอาจจะพบแนวทางการแก้ปัญหาและทางออกค่ะ จำไว้เสมอค่ะว่าไม่มีอะไรน่ากลัวถ้าเราพยายามและใช้ชีวิตบนความไม่ประมาทนะคะ แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ
ขอขอบคุณแนวทางจากประสบการณ์ตรงดีจากเหล่า สมาชิกจากเว็บไซต์ pantip ทุกๆ ท่านนะคะ
ลงประกาศฟรี !!! ไม่มีค่าใช้จ่ายลงประกาศเลย คลิ๊ก …
ขายคอนโดมือสอง บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ที่ดิน กับ Dot Property ขายง่าย ขายไว หรือต้องการซื้อ-เช่า !!! คอนโดมือสอง บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ที่ดินทั่วไทยมากกว่า 300,000 รายการคลิ๊กที่นี่