ภาษีมรดกปรับใหม่ มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ภาษีมรดก
ภาษีมรดก
ภาษีมรดก
ภาษีมรดก

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เผยว่า ทาง ครม. มีมติเห็นชอบ ตามที่กระทรวงได้เสนอเรื่องกฎหมายลำดับรองออกตามความในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีมรดก พ.ศ.2558 และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 40) พ.ศ.2558 อันประกอบด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาในการแจ้งการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับการโอนอสังหาริมทรัพย์โดยทางมรดก ซึ่งออกเป็นร่างพระราชกฤษฎีกาจำนวน 1 ฉบับ และร่างกฎกระทรวงจำนวน 6 ฉบับ รวมเป็นกฎหมายลูกที่ออก 7 ฉบับ

สำหรับ พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดกนั้น จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งครบ 180 วัน หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อ 5 สิงหาคม 2558 โดยกฎหมายลูกทั้ง 7 ฉบับมีสาระสำคัญคือ บุคคลที่ยกเว้นภาษีมรดก เพิ่มเติมจากสามีภรรยา อาทิ มรดกที่บริจาคสำหรับกิจการศาสนา กิจการศึกษา หรือกิจการสาธารณประโยชน์ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ วัดวาอาราม สภากาชาดไทย มูลนิธิหรือสมาคมตามประกาศของกระทรวงการคลัง สถาบันอุดมศึกษาเอกชนและโรงเรียนเอกชน บุคคลหรือองค์กรระหว่างประเทศตามข้อผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศ สหประชาชาติ สถานทูต สถานกงสุล บุคคลในคณะทูต คณะกงสุล

ภาษีมรดก 01
ภาษีมรดก 01

ส่วนทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีนั้น ประกอบด้วย 1.อสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย หลักทรัพย์ที่ออกโดยนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทยหรือจัดตั้งตามกฎหมายไทย 2.เงินฝากหรือเงินสด ที่อยู่ในสถาบันการเงิน ที่อยู่ในประเทศไทย และ3.ยานพาหนะที่จดทะเบียนในประเทศไทย ส่วนทองคำ และผลประโยชน์จากประกันชีวิตนั้นไม่อยู่ในทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีตามกฎหมาย

พร้อมกันนี้ยังมีการกำหนดหลักเกณฑ์การหักภาระที่ถูกรอนสิทธิในการคำนวณมูลค่ามรดกที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้รับมรดกยังไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ เนื่องจากอาจติดสิทธิการเช่าจากเจ้าของเดิม จะให้มีการหักลดมูลค่าสินทรัพย์ที่จะเสียภาษีตามจำนวนปีที่ยังมีผู้เช่า

อย่างไรก็ตาม ผู้รับมรดกส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท ต้องเสียภาษีผู้รับมรดก หากผู้รับเป็นผู้สืบสันดานเสีย 5% และผู้รับเป็นบุคคลภายนอกเสีย 10% นอกจากนี้ กรมสรรพากรให้ผู้รับมรดกสามารถผ่อนการเสียภาษีได้ 5 ปี หากผ่อนไม่เกิน 2 ปี ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย แต่หากเกิน 2 ปี ต้องเสียดอกเบี้ย 0.5% ปี