รถไฟฟ้าสายสีเขียวมีสะดุด หลังจากที่ นางสาวรัชนี ตรีพิพัฒน์กุล ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งส่งผลให้การบริหารงานเกิดความสะดุดในส่วนของการแก้ไขทีโออาร์ และ กว่าจะสรรหาประธานคนใหม่นั้นต้องผ่านขั้นตอนหลายๆอย่างซึ่งตาม ต่อไปจนกว่าจะมีการตั้งประธานคนใหม่ เพื่อไม่ให้งานสะดุด แต่ไม่ได้เขียนไว้ในกรณีที่ประธานบอร์ดลาออก จึงเห็นว่า ไม่เหมาะสมหากบอร์ดจะประชุมต่อไป ส่วนบอร์ดที่เหลือจะลาออกหรือไม่เป็นสิทธิส่วนตัว โดยส่วนใหญ่เป็นกรรมการจากผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีบอร์ดในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิ 4 คน
ซึ่งปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้นแน่นอนว่าคือความล่าช้าในการก่อสร้าง และการประมูลยื่นการประกวดราคาในช่วงส่วนต่อขยาย หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ระยะทางประมาณ 18.4 กิโลเมตร มูลค่าโครงการมากกว่า 20,000 ล้านบาท เพราะต้องรอการแต่งตั้งประธานบอร์ดคนใหม่ ซึ่งปัจจุบันก็ล่าช้ากว่าหมายกำหนดการมากว่า 3 เดือนแล้ว ปัญหาในขณะนี้คือการรอการรับรองในการปรับแก้ข้อกำหนดของทีโออาร์ ในการประมูลโครงการดังกล่าว ซึ่งจากมติการประชุมที่ผ่านมา ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงทีโออาร์จากของเดิม และรวมถึงการขายซองประมูลด้วย ซึ่งจากที่ผ่านๆมาที่ใช้ทีโออาร์ในข้อกำหนดเดิมคือเป็นการประมูลนานาชาติ โดยใช้หลักขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) ที่มีการกำหนดคุณสมบัติผู้เข้าร่วมประมูลที่ค่อนข้างเข้มงวดและคุณสมบัติต่างๆค่อนข้างสูง เพื่อให้โครงการออกมาสำเร็จได้ตามเป้าหมาย และ ไม่ให้มีการทิ้งงาน ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวนั้นมีผู้ประกอบการเข้าข่ายสามารถประมูลได้แค่ไม่เกิน 10 ราย ทาง รฟม. และ ไจก้า จึงคิดที่ปรับลดกฎเกณฑ์ดังกล่าวลงมาเพื่อให้มีผู้เข้าประมูลได้มากขึ้น แต่ ยังคงมาตรฐานเดิมไว้ ซึ่งผลตอบรับนั้นมีผู้ที่สามารถเข้าประมูลได้เพิ่มมากขึ้นและให้ความสนใจมากกว่า 30 ราย
นอกจากนี้ยังมีการปรับแก้ไขทีโออาร์ในการประมูลสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงดังกล่าว ในส่วนของการให้คะแนน การกำหนดคุณสมบัติต่างๆ และ ในส่วนของข้อกำหนดรายได้เฉลี่ยจากการก่อสร้างของผู้เสนอราคาย้อนหลัง 3 ปี (Tureover) ในอัตรา 2.5% ของมูลค่าแต่ละสัญญาเหมือนกันทุกสัญญา ซึ่งหากสามารถสร้างได้เร็วเท่าไหร่ประชาชนก็จะได้รับผลประโยชน์และความคล่องตัวในการเดินทางมากยิ่งขึ้น และ ส่วนของภาคอสังหาฯก็จะมีการขยายตัวได้มากยิ่งขึ้น ซึ่ง แม้ว่าการลาออกของประธานบอร์ด จะทำให้กำหนดการต่างๆ ล่าช้าไปบ้างแต่รับรองได้ว่าโครงการนี้ยังดำเนินการต่อไปและจะสามารถเปิดให้ใช้บริการได้ทันตามกำหนดเวลาที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือถ้าจะเลทก็คงไม่เกินกว่าที่ประชาชนจะรอได้ และ หวังว่าการประมูลรวมทั้งการก่อสร้างจะแล้วเสร็จโดยไม่มีปัญหาด้านใดๆมาทำให้สะดุดลงได้อีกในอนาคตด้วย
ข่าวและบทความข้างต้นนี้จัดทำโดย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ดอท พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการส่งข่าวเกี่ยวกับแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการประชาสัมพันธ์ สามารถติดต่อได้ที่ PR@Thailand-Property.com