สาเหตุที่กลุ่มผู้ซื้อบ้านในโครงการ บ้านล้านหลัง ส่วนใหญ่ที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อ ธอส. แจงว่า ต้องเข้าใจถึงความสามารถของลูกค้ากลุ่มนี้ต่างจากกลุ่มที่ผ่าน นั้นก็เพราะว่าการจะได้สินเชื่อแบบเต็มเพดานมีความเป็นไปได้ยาก ทำให้มียอดการปฏิเสธสินเชื่อ (รีเจกต์เรต) สูง ทั้งนี้ ปัญหาของลูกค้ากลุ่ม ผู้มีรายได้น้อย-ปานกลาง รวมถึงกลุ่มที่ไม่มีเงินออม เพื่อนำมาใช้เป็นฐานข้อมูลในการวิเคราะห์สินเชื่อ และกลุ่มที่ไม่มีเงินวางดาวน์ ทำให้ ธอส.จำเป็นต้องปฏิเสธสินเชื่อในกลุ่มที่ศักยภาพไม่เข้าเกณฑ์ เพราะจะไปกระทบต่องบการเงินของ ธอส. นั้นเอง
ธอส. ระดมมาตรการช่วยลูกค้ากู้ซื้อ บ้านล้านหลัง
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการ บ้านล้านหลัง ซึ่งธนาคารเปิดรับคำขอกู้ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.62 ล่าสุด มีลูกค้าประชาชนยื่นคำขอกู้รวมแล้ว 7,300 ราย จากวงเงินกู้ 5,200 ล้านบาท และมีผู้ที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้ว 6,300 ราย วงเงินกู้ 4,300 ล้านบาท โดยปัจจุบัน ธนาคารยังคงเร่งติดตาม ให้ผู้ที่มาจองสิทธิสินเชื่อ ซึ่งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.61 มี ทั้งสิ้น 127,000 รายเข้ามาติดต่อขอรับคำปรึกษา กับเจ้าหน้าที่หรือยื่นกู้กับธนาคารให้ครบทุกรายภายในเดือน ก.ค.62 เพื่อไม่ให้เสียสิทธิการเข้าถึงสินเชื่อของโครงการบ้านล้านหลังที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยเพียง 3% ต่อปี คงที่นานสูงสุด 5 ปี สำหรับผู้มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท และฟรีค่าธรรมเนียมถึง 4 ประเภท
โดย ธอส.เตรียมจะเปิดจองสิทธิสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลัง เฟส 2 ภายในเดือน ก.ย.62 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการรวบรวมและแนะนำผู้ประกอบการ อสังหาฯที่มีแผนก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยราคา ไม่เกิน 1 ล้านบาท มาเข้าร่วมโครงการให้ได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 หน่วยต่อปี และเตรียมจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยมุ่งเน้นส่งเสริมกลุ่มผู้ที่เลี้ยงดูบุพการี ผู้มีรายได้น้อย และคนวัยทำงานหรือกำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัวได้มีบ้านเป็นของตนเอง และอาจขยายระยะการผ่อนชำระให้นานสูงสุดถึง 50 ปี เพื่อลดภาระในการผ่อนรายเดือนให้กับผู้กู้ต่อไป
ออกสลาก ‘วิมานเมฆ’ หาแหล่งเงินปล่อยกู้ ดบ.ต่ำ
ทั้งนี้ เพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัย ของกลุ่มผู้มีรายได้น้อย-ปานกลาง ธอส. เตรียม ออกสลากออมทรัพย์ ธอส. จำนวน 3 ชุดมูลค่ารวม 107,000 ล้านบาท โดยเงินที่ได้จากการออกสลากจะนำไปปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้มีรายได้น้อยปานกลางในโครงการบ้านล้านหลัง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอ พระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 ได้รับการประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2562 ซึ่งจะทำให้ธนาคารสามารถขยายขอบเขตการทำธุรกิจได้มากขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำกฎกระทรวงเพื่อให้ดำเนินการในเรื่อง ที่เกี่ยวข้องได้
โดยเฉพาะ การจำหน่ายสลาก ออมทรัพย์ ธอส. โดยธนาคารได้เตรียมการออกสลากจำนวน 3 ชุด โดยชุดแรกที่จะเริ่มจำหน่ายได้แก่สลาก Premium ชุดวิมานเมฆ หน่วยละ 1 ล้านบาท จำนวน 27,000 ล้านบาท ออกรางวัล ทุกวันที่ 16 ของเดือน จำนวน 27 รางวัล/เดือน รางวัลละ 200,000 บาท อายุสลาก 3 ปี ทำให้ผู้ถือสลากมีโอกาสลุ้นรางวัลถึง 972 รางวัล ทำให้มีโอกาส ในการถูกรางวัลสูงถึง 0.1% หรือ 1 ต่อ 27,000 และเมื่อฝากครบ 3 ปี จะให้ผลตอบแทนหน้าสลาก สูงถึง 1.4% ต่อปี เทียบเท่ากับเงินฝากประจำหากถูกรางวัลเพียง 1 ครั้ง ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 8.07% ต่อปี และยังสามารถถือสลากต่อเพื่อมอบเป็นมรดกได้ ทั้งนี้ จะมีการสุ่มจากบัญชี ที่เปิดไว้ในธนาคาร
“คาดว่าจะสามารถออกรางวัลครั้งแรกได้ในเดือนกันยายนนี้ ส่วนสลากอีก 2 ชุด คือ ราคาหน่วยละ 10 ล้านบาท จำหน่ายจำนวน 30,000 ล้านบาท และราคาหน่วยละ 500 บาท จำหน่ายอีกจำนวน50,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนหลังจากจำหน่ายสลากออมทรัพย์ชุดวิมานเมฆแล้ว”
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
รัฐ จ่อหารือธปท. ปลดล็อกมาตรการแอลทีวีกู้บ้าน
คนซื้อบ้านมือสอง ตรวจสอบให้ดี กับปัญหาจาก ผู้เช่า เก่าที่น่าปวดหัว