รัฐลุยโครงการ รถไฟฟ้ารางเบา 10สาย นำร่อง’ราชประสงค์-จุฬาฯ’เชื่อมกทม.ชั้นใน

รถไฟฟ้ารางเบา

กทม.ให้บริษัทลูกกรุงเทพธนาคม ลุยโครงการ รถไฟฟ้ารางเบา เชื่อมพื้นที่เศรษฐกิจกรุงเทพฯชั้นใน 10 เส้นทาง 1.2 แสนล้านบาท ใช้ระบบสัมปทาน นำร่อง 2 เส้น ราชประสงค์จุฬาฯ ยกให้อาร์ทีซี บัส ดำเนินการ ปัญหาวิกฤติจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ ทำให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีแนวคิดพัฒนาขนส่งมวลชนระบบรอง

นอกจากบรรเทาการจราจรบนเส้นทางหลักแล้ว เพื่อให้การลงทุนรถไฟฟ้าของรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการดึงคนที่อยู่ในเส้นทางซึ่งรถไฟฟ้าสายหลักเข้าไม่ถึงให้เข้าสู่ตัวสถานีใหญ่ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยไม่เสียเวลาต่อโดยสารรถประจำทาง จักรยานยนต์รับจ้าง ลดการเดินทางลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว จึงสรุปว่าการเชื่อมต่อโดยระบบรางเหมาะสมที่สุด จึงทำให้เกิดโครงการลงทุนรถไฟฟ้ารางเบา หรือ Tram ในเขตกรุงเทพฯชั้นใน

นำร่อง 2 เส้นทาง

รถไฟฟ้ารางเบา

นายฐาปนา บุณยประวิตร นายกสมาคมการผังเมืองไทย เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า บริษัท รีเจียนนอล ทรานซิท โคเปอร์เรชั่น จำกัด  RTC Bus) สมาคมฯ และ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด บริษัทลูกของ กทม.ร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้ารางเบา หรือ แทรม วางเป้า 10 เส้นทาง มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท ใช้รูปแบบเดียวกับการลงทุนรถไฟฟ้าบีทีเอสโดย กทม.เป็นเจ้าของสัมปทานเบื้องต้นนำร่องลงทุน 2 เส้นทางวงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาทได้แก่ เส้นราชประสงค์และ จุฬาฯพระราม 4

ระยะทางเส้นละประมาณไม่เกิน 10 กิโลเมตร รูปแบบ เป็นรถไฟฟ้ารางเบา ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า บีทีเอส ประมาณ ครึ่งเมตร ขนาดความกว้างของรางมาตรฐาน เหมือนต่างประเทศ 1.435 เมตร ความจุผู้โดยสารรวมนั่ง-ยืน จำนวน 98-100 คนต่อ 1 คัน ( 3ตู้)  2 เส้นทางจำนวน 10 คันจัดทำระบบราง บนถนนพร้อมป้ายสถานี

ภายในรถจะเป็นดิจิตอล มีไวไฟ และระบบบริการสำหรับผู้สูงอายุฯลฯ เหมือนบีทีเอส ทั้งนี้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ส่งเสริมการเดินทาง สีเขียวหรือ กรีน ทรานสปอร์ตเตชั่น ส่งเสริมเชื่อมไปจุดเล็กจุดน้อยได้ ลงบีอาร์ที ขึ้น “แทรม” เข้าสถานทูตสหรัฐฯ เพื่อทำวีซ่า เป็นต้นจากที่ผ่านมารถไฟฟ้าหลักเข้าไม่ถึง แต่กลับมีสถานทูตโรงแรม ในย่านนั้นค่อนข้างมาก มหานครใหญ่ของโลก หลายประเทศ ใช้ระบบรางรูปแบบนี้กทม.ก็เช่นกัน

กทม.เตรียมให้สัมปทาน

สำหรับขั้นตอน รอจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ แต่จะหารือกทม. ขอเข้าโครงการเร่งด่วนหรือ ฟาสต์แทร็ก ขณะเดียวกัน กทม.อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดการออกใบอนุญาตสัมปทานเดินรถให้กับ RTC  Bus ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่เสนอตัวเข้ารับสัมปทานและเป็นเอกชน รายเดียวกับลงทุน สมาร์ทบัสที่วิ่งให้บริการปัจจุบันที่จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้โครงสร้างราง จะก่อสร้างบนผิวถนนบริเวณกึ่งกลางเมื่อรถไฟฟ้าวิ่งผ่านแล้วรถยนต์สามารถวิ่งทับเส้นทางได้ ประมาณไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 สามารถลงมือก่อสร้างระบบรางได้โดยใช้ระยะเวลา 18 เดือน คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดเดินรถได้ อย่างเร็วปลายปี 2563 อย่างช้าต้นปี 2564 สำหรับ 2 เส้นแรก

ทะลวงเส้นทางผ่านตึกสูง

รถไฟฟ้ารางเบา

ลักษณะเส้นทาง สายราชประสงค์ จุดเริ่มต้นอยู่บริเวณแยกราชประสงค์ ผ่านเพชรบุรี จากนั้นไป จุฬาฯ สาเหตุที่เลือกย่านนี้ เพราะมีคนเข้ามาชุมนุมค่อนข้างมาก ซึ่งรถไฟฟ้ารางเบาจะช่วยส่งคน ส่วนเส้นทางฝั่งพญาไท ผ่านมาบุญครอง จุฬาฯ โรงแรมเอเชียและย่านพาณิชยกรรมโดยรอบโรงแรมเอเชีย เซ็นทรัลชิดลม ออกพระราม 4 และวันแบงค็อก ฯลฯ

ขณะที่เส้นราชดำริ จุดเริ่มต้น วิ่งไปทางประตูน้ำ อ้อมเมือง ผ่านย่านมักกะสัน เข้าซอยนานา จากนั้นวิ่งยาวไปตามถนนสุขุมวิท เมื่อถึงสี่แยกสีลมเลี้ยวขวา วิ่งลงไปถนนราชดำริ ซึ่งจะวิ่งเป็นวงรอบ โดยสายนี้จะมีสถานีอยู่หน้าศูนย์การค้าเกษร ย่านนั้นมีเซ็นทรัล บิ๊กซี ส่วนถนนเพชรบุรี จะมีพันธุ์ทิพย์ แพลทินัม (สาขาแรก) ย่านการค้าปลีกประตูน้ำ วิ่งวนมายังราชปรารภ เข้าราชประสงค์

สำหรับจำนวนรถ จะใช้ 4 คันต่อ 1 เส้นทาง ส่วนอีก 2คัน รอเสริม รวม 10คัน ส่วนระยะเวลา รถไฟฟ้าวิ่งมาถึงสถานี ประมาณ 15 นาทีต่อ 1 คัน ระยะแรก จะทดสอบไปก่อนแต่หาก รถติดมาก จะเพิ่มจำนวนรถ เพื่อรักษาระยะเวลาไม่ให้เกิน 15 นาที และจะลดลงให้เหลือระยะเวลาที่ผู้โดยสารรอรถ เพียง 10-12 นาทีตามลำดับ แต่หากเทียบกับ รถไฟฟ้าเส้นหลัก ระยะเวลาการรอ 7 นาที

สำหรับเส้นราชประสงค์ มีความแออัดมาก กทม.จึงขอให้เอกชนนำรถสมาร์ทบัสมาวิ่งทดแทนรถไฟฟ้าก่อน กลางปีหน้า ระหว่างรอก่อสร้างรางนอกจากนี้ทั้ง 2 เส้นทางยังเชื่อมแอร์พอร์ตลิงค์ เชื่อมไปสุวรรณภูมิ ขึ้นเครื่องบินต่อไปต่างประเทศ ได้สะดวกเรียกว่า สามารถเชื่อมโลกรวมถึงเชื่อม 3 สนามบิน เลี่ยงขวาไปอีอีซี เชื่อมสนามบินอู่ตะเภา หากเลี้ยวขวา ไปดอนเมืองขึ้นเครื่องได้เช่นกัน

 

คิวต่อไปอนุสาวราย์-ราชวาถี

รถไฟฟ้ารางเบานายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ระบุ ว่ารถไฟฟ้าทั้งบีทีเอสรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ทีและแอร์พอร์ตลิงค์ และ อีก 12 สายใหม่เป็นเส้นผ่าเมืองและเป็นรูปแบบดาวกระจายแต่พื้นที่ด้านในต้องใช้รถไฟฟ้ารางวิ่งวนเป็นวงรอบในพื้นที่ระยะทางแต่ละเส้นไม่เกิน 10 กิโลเมตรเคลื่อนรับส่งคนแต่ละจุดเน้นชุมชนใหญ่เพื่อป้อนสถานีหลักของรถไฟฟ้าบีทีเอสเอ็มอาร์ที

นอกจาก 2 เส้นทาง ในเขตกรุงเทพฯชั้นในแล้วเส้นในอนาคตที่มองกันอยู่ และยังเดินทางลำบากแม้จะอยู่ใจกลางเมือง คือ เส้นสุขุมวิท วนรอบย่านอโศก วิ่งไปแอร์พอร์ตลิงก์ ไปราชปรารภ และ เชื่อมที่ เพชรบุรี ทะลุประตูน้ำ เพราะทำเลนี้ ยังไม่มีรถไฟผ่าน ทำให้พื้นที่เงียบเหงา และ คนต้องรอรถโดยสารเป้นเวลานาน จึงต้องพึ่งพาจักรยานยนต์รับจ้าง แท็กซี่ ตุ๊กฯลฯ

อีกทำเลที่น่าสนใจ ที่ อนาคตต้องเดินหน้าต่อ ได้แก่ ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ วิ่งวนเป็นวงรอบไปยังถนนราชวิถี และ วนกลับมา ที่อนุสาวรีย์ชัยฯอีกครั้ง เป็นวงรอบ กวาดคนเข้ามาเชื่อมกับรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อเดินทางต่อ อย่างไรก็ดี ในฐานะที่ร่วมเสนอโครงการดังกล่าวไป ต้องดูว่าต้องประมูลหรือไม่ แต่หากผ่านกทม.แล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร  (สนข.) และสามารถก่อสร้างได้เลย

กทม.หนุนเต็มสูบ

05

นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธุ์ รองผู้ว่ากทม.ระบุว่า โครงการ รถไฟฟ้ามวลเบา หรือไวร์เลส แทรม รุ่นเก่าประเทศในแถบยุโรปใช้จะเป็นรุ่นแตะสายไฟ แต่รุ่นที่จะนำมาใช้ในเขตกรุงเทพมหานคร จะเป็นรุ่นใหม่เหมือนรถวิ่งตามสนามบินเป็นล้อเหล็ก แต่วิ่งบนรางแทน มีความทันสมัยเหมือนรถไฟฟ้าโมโนเรล และสามารถวิ่งเข้าสถานีชาร์จ ใช้เวลาเพียง 13-14 วินาที

ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเป็นระบบขนส่งรองเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายหลัก บริเวณสถานีสำคัญๆ ซึ่งที่ผ่านมาทางบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของกทม ร่วมกับทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเอกชนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เชื่อมแอร์พอร์ตลิงค์เชื่อมไปสุวรรณภูมิ ขึ้นเครื่องบินต่อไปต่างประเทศ ได้สะดวกเรียกว่า สามารถเชื่อมโลกรวมถึงเชื่อม 3 สนามบิน

ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

 

สนใจข้อมูลข่าวสารเด่นๆ คอนเทนท์ร้อน ที่เรานำมาเสิร์ฟให้คุณผู้อ่านในทุกๆวันจาก Dotproperty คลิ๊ก