แม้สภาพภายนอกจะดูไม่ได้ แต่ทว่าโครงสร้างภายในยังคงแข็งแรงดีอยู่ จึงไม่จำเป็นต้องทุบทิ้งแค่รีโนเวทภายในและตกแต่งใหม่ก็ย้ายเข้าไปอยู่ได้แล้ว ถ้าอยากรู้ว่าทำอย่างไรก็ตามไปชม รีโนเวทตึกแถว เก่าราคาประหยัดกันเลย
หลาย ๆ คนเลือกที่จะเก็บโครงสร้างบ้านเก่าไว้ ด้วยเหตุผลที่ว่าวัสดุมีความคงทน แข็งแรง เช่นเดียวกับ คุณ สมาชิกหมายเลข 938988 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ยังคงโครงสร้างตึกแถวเก่าแห่งนี้เอาไว้ แต่สภาพภายในรกร้างจนยากที่จะอยู่ แต่งบประมาณที่มีอยู่ก็ค่อนข้างจำกัด เลยกลายเป็นงานรีโนเวทตึกเก่าในราคาประหยัดหลังนี้
Renovate ตึกแถวเก่า ๆ ให้เหมือนใหม่ ในราคาประหยัด โดย คุณ สมาชิกหมายเลข 938988
ด้วยความที่เราเองก็อยากจะมีบ้านหลังแรกสักหลังแต่งบประมาณก็จำกัด เป็นจังหวะดีที่บ้านข้าง ๆ ประกาศขายตึกแถวราคาแสนประหยัด เรียกได้ว่าเงินแค่นี้จะหาบ้านเป็นของตัวเองสมัยนี้คงไม่ได้แล้ว เรานี่ก็รีบยื่นเรื่องขอกู้เลยจ้า
โชคดีที่เป็นบ้านตึกแถวทำเลทอง ธนาคารเลยปล่อยกู้ง่าย ๆ ซึ่งอายุอานามของตึกแถวแห่งนี้ก็ราว ๆ เกือบ 30 ปี ที่ปล่อยให้คนเช่ามาโดยตลอดจึงไม่ผ่านกระบวนการตกแต่งหรือต่อเติมใด ๆ ทั้งสิ้น เรียกว่าเป็นบ้านตึกแถว (อาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 15 เมตร) แบบ Original Style กันเลยทีเดียว สภาพที่เข้าไปตอนแรกเป็นแบบนี้เลยค่ะ
สภาพที่เห็นคือมีการปัดกวาด ชำระของเก่าทิ้งไปบางส่วนแล้วนะคะ
ขั้นตอนต่อมาคือเรามานั่งคำนวณเงินที่พอมีอยู่ว่าสามารถทำอะไรกับบ้านหลังนี้ได้บ้างภายในงบประมาณอันน้อยนิด เริ่มจากจัดลำดับความสำคัญสิ่งที่ต้องทำก่อน-หลัง สิ่งที่คิดลำดับแรกคือทำยังไงเราถึงจะเข้าอยู่บ้านหลังนี้ได้ ? (แบบอยู่ไป ตกแต่งไป เติมนั่นนิดนี่หน่อยตามงบประมาณที่จัดสรรได้) ก็พบว่ามีรายการที่ต้องแก้ไขเรียกว่าเป็น First Priority สำหรับโครงการรีโนเวทในครั้งนี้คือ
- สั่งทำประตูหน้าบ้านบานใหม่ เนื่องจากบานเก่าถูกสนิมกัดกินจนไม่สามารถเปิด-ปิดได้สะดวก แถมยังล็อกไม่ได้อีกต่างหาก
- ปรับโครงสร้างบ้าน โดยขั้นตอนนี้เราให้ช่างผู้รับเหมามาสำรวจอยู่ 2 เจ้า ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าบ้านหลังนี้อยู่ตัวแล้ว ไม่ทรุดอย่างแน่นอน และโครงสร้างมีความแข็งแรงมาก ด้วยความที่บ้านสมัยก่อนมักจะใช้วัสดุที่มีความหนาแน่น คงทนสูงกว่าสมัยปัจจุบัน ดังนั้นเราจึงวางใจได้ ส่วนปูนเก่า ๆ ที่กร่อนและหลุดร่อนออกมา ก็กะเทาะออกแล้วฉาบใหม่ก็เป็นอันเรียบร้อย
- ซ่อมหลังคาและฝ้าเพดานใหม่ เพราะมีรอยรั่วหลายจุด ทำให้ฝ้าเปื่อยและร่วงลงมา (เดิน ๆ ทีต้องระวังจะหล่นมาโดนหัวนะจ๊ะ)
- ทำห้องน้ำใหม่โดยที่เราจะทุบห้องน้ำเดิมซึ่งเป็นแบบส้วมซึม มีราและแบคทีเรียจำนวนมากเกาะตามผนังและพื้น เราจึงแพลนว่าจะย้ายห้องน้ำไปอยู่หลังบ้าน ซึ่งเดิมเป็นลานซักล้างและเราไม่ค่อยได้ใช้งาน
4.1 ทุบห้องน้ำเดิม
4.2 ย้ายห้องน้ำไปด้านหลัง
4.3 ทุบกำแพงทำเป็นประตูเชื่อมกับข้างบ้าน (ซึ่งเป็นบ้านที่เราอาศัยอยู่ปัจจุบัน)
- ทาสีบ้านใหม่ทั้งหลัง
มาเริ่มที่ลำดับแรกนั่นคือ “ประตูหน้าบ้าน” เรายังคงเลือกประตูเหล็กยืดแบบเดิม แต่เปลี่ยนใหม่ยกเซต เพราะโดยส่วนตัวคิดว่าใช้งานง่ายกว่าประตูม้วน เนื่องจากด้านล่างเราจะทำเป็นที่จอดรถ จึงต้องเลือกประตูที่เปิดได้กว้างพอที่รถจะเข้าได้ มาจบที่ประตูเหล็กยืดราคาโรงงานที่ช่างรับเหมา (ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นช่างประจำหมู่บ้านของเรา) เป็นคนจัดหามาให้ในราคาที่ถูกกว่าไปซื้อตามร้าน (แต่ต้องมาพ่นกันสนิม พ่นสี และติดตั้งเอง)
โครงสร้างบ้านและปูน อย่างที่บอกว่าโครงสร้างนั้นมีความแข็งแรงทนทานอยู่แล้ว จะมีก็แต่ปูนฉาบที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน ช่างจึงเริ่มสกัดปูนที่หลุดร่อนออก แล้วฉาบปูนใหม่ บางจุดเล็ก ๆ ก็ใช้ปูนฉาบบางฉาบปิดรอยร้าว รอยแตก (อันนี้เท่าที่สังเกตช่างเขาทำนะคะ ไม่ได้ทำเอง) ภาพนี้สังเกตดูผนังด้านข้างช่างจะกะเทาะปูนเก่าออกบริเวณที่ปูนหลุดร่อน แล้วเอาปูนกาวมาละเลงก่อนรอบหนึ่งแล้วจึงใช้ปูนฉาบฉาบลงไป
ว่าด้วยเรื่องหลังคาและฝ้าเพดาน งานนี้ตอนแรกจะเหมาช่างมาซ่อมหลังคาให้ แต่พอดีตรงกับวันหยุด มองไป มองมา รื้อฝ้าออกมาก่อนแล้วกัน ไม่น่ายาก ก็จัดแจงปีนบันไดไปปลดฝ้าเพดานลงมาทีละแผ่น
แผ่นแรกก็แทบเผ่นเลย ฝุ่นเยอะมาก ๆ ต้องหาเครื่องป้องกันโดยด่วน (แอบมีกำลังใจอยู่ข้างหลัง อิอิ)
รื้อออกมาจนหมด ใช้เวลาเบ็ดเสร็จแค่ครึ่งวันเท่านั้นเอง ไม่ได้ยากเลยค่ะ แต่เยินมาก เพราะฝุ่นที่สะสมมานานเกือบ ๆ 30 ปี [โกยไปถมที่ได้เลย (เปรียบเปรย)] เรื่องต่อไปที่คิดไว้คือไปซื้อฝ้าใหม่มาใส่ก็คงพอแล้ว แต่พอคุณพ่อมาตรวจดูก็พบว่าหลังคายังอยู่ในสภาพดี (อย่างที่บอกว่าวัสดุก่อสร้างสมัยก่อนมีแต่อย่างหนา อย่างดี อย่างทนทั้งนั้น) มีรูรั่วนิดหน่อย คุณพ่อเลยเอากาวสำหรับอุดรูรั่วมาอุดให้ แค่นี้หลังคาก็ใช้งานได้แล้ว (ไม่ได้ยากอย่างที่คิดไว้เลยเนอะ) ซึ่งหลังจากจัดแจงซ่อมหลังคาแล้วช่างใหญ่ (คุณพ่อของเรานี่เอง) ก็ยังบอกอีกว่า โครงฝ้าทีบาร์ก็หักหลายอัน น่าจะเปลี่ยนใหม่หมดเลย เดี๋ยวจัดการรื้อของเก่าออกแล้วไปซื้อของใหม่มาใส่ก่อน
คิดได้ดังนั้นก็ออกไปจัดหาอุปกรณ์กันเลย
พอรื้อโครงทีบาร์ออกหมดแล้ว ก็ดูโล่งเลย
เบ็ดเสร็จขั้นตอนนี้ใช้เวลา 1 วัน มีคุณพ่อ คุณอา แฟน แล้วก็น้องข้างบ้านมาช่วยกัน เหลือแค่ปรับลวดให้ฝ้าอยู่ในระนาบเดียวกัน มันมืดมองไม่ค่อยชัด คงต้องรอทำตอนกลางวันอีกที (มีแอพพลิเคชั่นในไอโฟนช่วยวัดระดับได้ เป็นตัวช่วยที่ดีจริง ๆ)
ห้องน้ำและห้องครัว งานนี้ทำเองคงไม่รอดแน่ เพราะต้องมีงานทุบ งานก่อ งานฉาบ ก็เลยเหมาช่างเจ้าประจำมาทำให้ “ราคากันเอง คุณภาพถูกใจ” คือดีงามมาก ๆ สภาพดั้งเดิมของห้องครัวด้านหลังบ้าน จะมีห้องน้ำขนาด 1×3 เมตร ที่มีน้ำขังซึมตลอดเวลา (ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะเดินเข้าแล้วต้องรีบเดินออกทันที ไม่สามารถอยู่นานได้จริง ๆ) ส่วนงานที่เราเหมาช่างมีรายการต่อไปนี้
ทุบห้องน้ำเก่า
ก่อห้องน้ำใหม่ (ต้องทุบกำแพงทำเป็นประตู) รวมหลังคาและรางน้ำ
ทุบกำแพงด้านข้างเป็นประตูเชื่อมกับบ้านข้าง ๆ (บ้านที่อาศัยอยู่ปัจจุบัน)
ก่อปูนปิดประตูเดิม ใส่บล็อกแก้วและบล็อกช่องลมระบายอากาศ
ย้ายท่อระบายน้ำ (ตำแหน่งเดิมจะเทพื้นห้องน้ำใหม่)
เบ็ดเสร็จสรุปราคาเหมาแบบโดนใจมาก ๆ รีบตอบตกลงทันทีทันใด
เราวาดภาพคร่าว ๆ ให้ช่างดูเผื่อจะเข้าใจง่ายขึ้นตามนี้เลย ขั้นตอนหลังจากนี้ก็เป็นงานของช่างแล้วแหละ (งานนี้ต้องใจเย็น ๆ เพราะช่างของเราค่อนข้างอินดี้ งานของแกได้รับการการันตีจากเพื่อนบ้านว่าเนี้ยบ แต่จะทำตามอารมณ์ของแก ซึ่งเราเองก็ไม่ได้รีบร้อน ขอให้ออกมาโอเคก็พอแล้ว)
เริ่มต้นช่างก็จะทุบเอาผนังห้องน้ำและกำแพงด้านหลังที่จะทำเป็นประตูเชื่อมไปยังห้องน้ำห้องใหม่
หลังจากนั้นก็ดูดส้วมเอาของเดิมออก ทีแรกจะเปลี่ยนถังใหม่แต่ว่าถังเก่ายังสภาพดีอยู่ แค่ล้างถังใหม่ก็เรียบร้อย
ส่วนท่อน้ำทิ้งเราลอกท่อเดิมแล้ววางท่อใหม่ให้ออกมานอกห้องน้ำตรงที่เป็นลานซักล้าง เพราะไม่อยากให้กลิ่นและหนูเข้าไปรบกวนในบ้าน
นอกจากนี้ยังมีการเทคานบริเวณที่จะก่อกำแพงห้องน้ำเพิ่มด้วย เพื่อให้คงทนถาวรและป้องกันการยุบตัวหรือถล่มลงมาอีกด้วย
หลังจากวางท่อแล้วก็เทปูนบริเวณที่จะทำเป็นห้องน้ำ (ขนาดห้องน้ำประมาณ 2×2 เมตร) และเหลือพื้นที่เป็นลานซักล้างอีก 2×2 เมตร
ต่อมาคือก่อกำแพงบริเวณที่เคยเป็นประตูและหน้าต่าง (บล็อกแก้วเราซื้อมาเอง เพราะจะได้เลือกลายที่ชอบได้) ส่วนผนังด้านข้างยังทุบไม่ได้ เพราะประตูบานใหม่ยังไม่มา บ้านยังล็อกไม่ได้ เดี๋ยวขโมยเข้าไปขนของที่บ้านเก่าละแย่เลย
เอาเป็นว่าตัดภาพมาตอนเรียบร้อยกันเลยนะคะ เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นงานของช่าง เราแค่แวะเวียนไปดูนิดหน่อยและมีช่วงไม่อยู่หลายวันเลยไม่ได้เก็บภาพมาให้ดู ระหว่างที่หายไป ช่างก็ดำเนินการตามที่ตกลงกันไว้ ส่วนที่เหมาเพิ่มเติมคือปูพื้นกระเบื้องห้องครัวค่ะ
ภาพ Before-After ค่ะ
ส่วนห้องน้ำก็เพิ่มเติมอ่างล้างหน้ามาอีก (เราชอบแนว ๆ ลอฟท์นิด ๆ ก็จัดเป็นปูนเปลือยขัดมัน หาแบบตามเว็บไซต์ทั่วไปค่ะ)
ปูนขัดมันนี่ช่างขัดให้นะ แต่เราซื้อน้ำยาเคลือบเงามาเคลือบทับอีกที แบบกันน้ำกันเชื้อรา ทำความสะอาดง่ายขึ้น และดูสวยเงาฉ่ำวาวมากขึ้นด้วยแหละ
ก่อนจะว่าด้วยเรื่องการทำสีบ้านใหม่ ขอคั่นด้วยโปรเจคท์พิเศษซึ่งมีผู้สนับสนุนทุนให้ เพราะเห็นว่าไหน ๆ ชั้นล่างก็จะเอาไว้เป็นที่จอดรถ ก็เลยคิดว่าน่าจะเทพื้นให้ดูแข็งแรง หนาแน่นมากขึ้น อาโกก็เลยให้ตังค์มาเทพื้น แหม ๆ เราจะรออะไรล่ะ ก็เลยคุยราคากับช่างเลย การเทพื้นนี่ช่างจะเหมาปูนมาเทให้คำนวณดูแล้ว ถ้าจะให้สูงจากของเดิมซัก 5 เซนติเมตร (แต่ตรงกลางก็เป็นแอ่งลึกอยู่เหมือนกัน) รวม ๆ กับเททางลาดหน้าบ้านให้รถยนต์เข้าได้ง่าย ๆ ก็ประมาณ 8 คิว
ป.ล. ไม่อยากให้สูงมาก ปล่อยให้เพดานสูง ๆ จะรู้สึกโล่งสบายมากกว่าเพดานเตี้ย ๆ อันนี้ความรู้สึกส่วนตัว คือชอบอะไรที่โล่ง ๆ สบาย ๆ ค่ะ อีกอย่างทำเลแถวนี้น้ำไม่ท่วมแน่นอน ไม่จำเป็นต้องยกพื้นให้สูงเลย
ขั้นแรกช่างจะเอาเหล็กเส้นมาวางตีตารางไว้ก่อน (ไม่มีรูป) แล้วก็เชื่อมเหล็กรางประตูหน้าบ้านให้สูงได้ขนาด แล้วยังมีการยกฝาท่อให้สูงได้ระดับเดียวกันอีกด้วย หลังจากนั้นก็เริ่มเทปูน รอจนหมาด ๆ ก็จะโรยผงปูนแล้วขัดให้อีกที ก็เป็นอันเรียบร้อย ดูดีขึ้นมาอีกระดับหนึ่งนะ
มาดู Before กับ After ที่พื้นกันค่ะ
การทาสีบ้าน เรียกว่าเป็น “ขั้นตอนการเนรมิตความใหม่ได้ทันทีที่ทา” กันเลยทีเดียว ต้องบอกก่อนเลยว่าผู้เช่าบ้านก่อนหน้านี้มีเด็ก ๆ อยู่ 3-4 คน เป็นมือวางด้านการวาดรูปแบบฉมัง ชนิดที่ไม่มีพื้นที่ว่าง ๆ หลงเหลือกันเลยทีเดียว คือแบบว่าไม่มีการถูกปิดกั้นจินตนาการ สังเกตดูที่กำแพงก่อนการทาสีค่ะ
ขั้นตอนแรกเราก็ทำการล้างเอาคราบฝุ่น คราบมันออกกันเสียก่อน เราใช้น้ำธรรมดากับแปรงขัด ๆ ถู ๆ ราดน้ำเอาเศษฝุ่นออก นอกจากรอยขีดเขียนก็ยังมีผนังปรุ ๆ พรุน ๆ และร่องรอยตะปูอีกเป็นจำนวนมาก เราก็ต้องมาถอนตะปูแล้วเอาปูนยาร่องให้เรียบร้อย ทิ้งไว้ให้แห้ง
หลังจากนั้นก็เป็นการทาสีรองพื้น สีรองพื้นเราเลือกเป็นสีน้ำมันรองพื้นปูนเก่าอายุมากกว่า 15 ปีขึ้นไปค่ะ คนขายบอกว่าสีน้ำมันจะติดแน่นทนนานมากกว่าสีน้ำ เราจึงเลือกสีน้ำมัน แต่ข้อเสียคือกลิ่นเหม็นมาก ๆ ปวดหัวกันเลยทีเดียว เราเลยใช้ทารองพื้นภายนอกเป็นส่วนใหญ่ เพราะคงต้องกรำแดดกรำฝนมากกว่าภายใน กระป๋องที่ 2 เรามาเลือกเป็นสีน้ำรองพื้น สำหรับปูนเก่าเช่นเคย ใช้ทาภายใน ทิ้งไว้ให้แห้ง (ก็ทิ้งไว้เป็นสัปดาห์แหละค่ะ เพราะกว่าจะว่างมาทาอีกทีก็สัปดาห์หน้าเลย ซึ่งจริง ๆ แล้วทิ้งไว้แค่ประมาณ 6-24 ชั่วโมงก็ทาสีจริงได้เลย เพื่อจะไม่ทิ้งช่วงให้ฝุ่นมาเกาะอีกรอบนั่นเอง) ส่วนสีรองพื้นทารอบเดียวก็พอแล้วนะคะ สีจริงค่อยทา 2 รอบ
ภาพ Before กับ After หลังลงรองพื้นเรียบร้อย จากนั้นก็ทาสีจริง ซึ่งยังคงคอนเซ็ปต์ขาวเนียนใส ส่วนของวงกบหน้าต่าง ตอนแรกจะเปลี่ยนเป็นหน้าต่างบานเลื่อน
แต่เพื่อประหยัดงบด้วย คุณพ่อบอกด้วยว่าวงกบไม้ยังแข็งแรงไม่มีเปื่อย ไม่มีปลวก หรือมอดเลย จะทิ้งก็เสียดายมาก เราก็เลยใช้กระจกหน้าต่างแบบเดิม แค่ซ่อมแซมนิดหน่อย ประหยัดได้เยอะมาก ๆ ๆ เลย แค่เราทาสีไม้โอ๊กก็ดูเหมือนใหม่ตัดกับผนังและเหล็กดัดสีขาวได้อย่างลงตัว (คิดเอาเอง อิอิ)
ส่วนพื้นก็จ้างช่างปูกระเบื้องให้ เลือกเป็นกระเบื้องลายไม้ ดูนุ่มนวล
สำหรับห้องนอน ด้านข้างบันไดที่เห็นตามภาพใช้เหล็กกล่องกั้น แล้วปิดด้วย Smart Board 2 ฝั่ง หลังจากนั้นใช้ปูนกาวสำหรับยาแนวรอยต่อสำหรับยิปซั่มกลบริ้วรอย แล้วทาสีรองพื้น 1 รอบ และตามด้วยสีจริงอีก 2 รอบ ถ้าสังเกตจะเห็นว่ามีการก่อกำแพงปิดทับหน้าต่างไป 1 บานที่ฝั่งห้องนอน เพราะบานหน้าต่างมันคร่อมราวบันไดอยู่ เบ็ดเสร็จจะได้ห้องนอนขนาด 3×4 เมตรค่ะ
ด้านบนเรียบร้อยแล้ว มาต่อกันที่ด้านล่างเลยค่ะ ด้านล่างก็ทาเช่นเดียวกับด้านบนจะมี 2 ส่วนคือที่ตัวบ้านกับในห้องครัว รอบนี้ระดมพลมายกครัว เอ้า ! เฮ ๆ ๆ
ต่อกันด้วยเรื่องระบบไฟฟ้า ช่างของเราไม่ใช่ใครอื่นไกล คุณพ่อของเรานี่เอง อันดับแรกเราต้องเขียนแปลนให้ช่างดูก่อนว่าจะวางตำแหน่งไฟและปลั๊กไฟไว้ตรงไหนบ้าง เพื่อจะได้คำนวณสายไฟและอุปกรณ์ได้ถูก
ของจริงมีการปรับจากในแปลนนิดหน่อย จัดแจงไปซื้ออุปกรณ์ อันนี้เอาที่เราสะดวกเลย ไม่ว่าจะเป็นตัว เบรกเกอร์กลาง สวิตช์ไฟ สายไฟ หลอดไฟ ด้านบนเป็นดาวน์ไลท์ ส่วนด้านล่างเป็นไฟนีออน ไฟบันไดก็ใช้สวิตช์แบบ 2 ทาง ปิด-เปิดได้ทั้งด้านล่างและด้านบน บ้านมีสีขาวอยู่แล้วยิ่งทำให้รู้สึกถึงความสว่างมากยิ่งขึ้น
ราคารวมจากการรีโนเวทบ้านในครั้งนี้รวมกับราคาตัวบ้าน อยู่ที่ราวๆ 8XX,XXX บาทเท่านั้น แต่ก็ยังมีอีกหลายรายการที่ต้องรอการจัดสรรงบประมาณ ทั้งเฟอร์นิเจอร์ กันสาดหน้าบ้าน และการตกแต่งภายในอีกนิดหน่อย แต่แค่นี้ก็เข้าอยู่ได้สบาย ๆ แถมได้ที่นอนให้รถอีกคันหนึ่ง เป็นความเหน็ดเหนื่อยที่น่าภูมิใจไม่น้อยเลยนะคะ ถึงแม้ว่าตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนยังไงดี ความรู้ก็พอมีจากการค้นหาทางอินเทอร์เน็ตเสียส่วนใหญ่ ถูกบ้างผิดบ้าง แต่สุดท้ายก็เป็นรูปเป็นร่างให้ได้อยู่อาศัย อาจจะไม่ได้ดีเด่น เลิศหรูอะไร แต่มันก็พอเพียงสำหรับเรา แค่นี้ก็พอแล้วเนอะ
คิดว่าคงเป็นไอเดียสำหรับเพื่อน ๆ อีกหลายคนที่จำกัดงบประมาณในการจะมีบ้านสักหลังหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป ขึ้นอยู่กับโอกาส เวลา ความพร้อม และการวางแผน สำหรับเราแล้วอาจจะไม่ได้มีต้นทุนที่มากมาย แต่เราก็สร้างมูลค่าของสิ่งที่เรามีได้อย่างมหาศาลเพียงแค่ใจเราคิดและลงมือทำ
ขอให้เพื่อน ๆ ทุกคนที่มาเยี่ยมชมได้สมหวังกับความฝันของตัวเองนะคะ ^^
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ สมาชิกหมายเลข 938988 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอมและ kapook.com
สำหรับท่านใดที่สนใจอยากซื้อ ขายบ้าน คอนโด หรือ ทาวน์เฮ้าส์ มือ1 มือ 2 สามารถเข้าดูได้เลยที่ https://www.dotproperty.co.th