วันนี้เรามาพบไอเดีย รีโนเวทบ้าน “เละ” ให้เป็นบ้าน “ลอฟท์” ในงบจำกัดรับเศรษฐกิจยุคนี้ โดยไอเดียครั้งนี้เป็นของคุณ สมาชิกหมายเลข 5177000 สมาชิกจากเว็บไซตื pantip.com โดยเจ้าตัวได้แจกแจง อธิบายขั้นตอนรวมถึง สรุปค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดเพื่อใครจะลองนำไปทำตามหรือปรับใช้กับแนวทางของท่านผู้อ่านได้เลย เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปชมกันเลย
รีวิวรีโนเวทบ้าน “เละ” ให้เป็นบ้าน “ลอฟท์” ในงบประมานที่จำกัด BY คุณ สมาชิกหมายเลข 5177000
สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิป ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เฝ้าติดตามการรีโนเวทบ้านจากเวปเพจต่างๆหรือทั้งรายการต่างๆมาหลายรายการ
รู้สึกชื่นชอบและได้ชื่นชมกับบ้านของเพื่อนๆหลายๆท่านที่ได้มาแชร์ในพื้นที่ตรงนี้อยู่หลายครั้ง
……แต่แล้ววันนี้ผมก็ได้มีโอกาสแชร์ประสบการ์การรีโนเวทบ้าน ที่เป็นบ้านของตัวเองบ้าง ข้อมลูที่ผมจะแชร์นี้ผมหวังว่าอาจจะ
เป็นประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดอย่างไร ขออภัย ณ ที่นี้ด้วย
เริ่มจากผมได้ผ่อนบ้านหลังเก่าที่ซื้อให้พ่อแม่และน้องๆเป็นเวลานานและใกล้จะหมดแล้ว ผมจึงคิดหาบ้านหลังใหม่ที่ที่ตัวเองจะสามารถ
ใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างอิสระแต่ต้องอยู่ในภาระหนี้สินที่ตัวผมเองพอรับไหวด้วย แต่ด้วยเนื่องจากสเปกบ้านที่ผมต้องการกับราคาบ้านในท้องตลาด
มันช่างไม่มีความสมดุลกันเลย
โจทย์ความต้องการบ้านของผมคือ
- เป็นบ้านหลังไม่ใหญ่มากนัก แต่ต้องอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง
(เพราะตั้งแต่เด็กผมเติบโตและชินกับบ้านเล็กๆที่อยู่ในตัวเมืองชั้นใน)
- ราคาไม่เกิน 1,7XX,XXX.-
(ที่ต้องเป็นราคานี้เพราะ ถ้าเป็นราคาที่แพงกว่านี้ผมต้องลำบากผ่อนในแต่ล่ะเดือนแน่ๆเพราะด้วยภาระหนี้ที่ผมต้องผ่อนบ้านถึงสองหลัง
แถมในอนาคตอันใกล้ผมอาจจะเปลี่ยนรถใหม่อีก ซึ้งภาระเหล่านี้ผมรับผิดชอบเพียงคนเดียว T__T )
- อาจจะต้องมีร่มไม้มีพื้นที่สีเขียวบ้าง
- ต้องไม่มีค่าส่วนกลางจุกจิกมากจนเกินไป
- ต้องสงบด้วย
“ผมเยอะมั้ย 555555 มันไม่คงไม่มีหรอกโครงการบ้านแบบที่ผมตั้งโจทย์เอาไว้”
….ฉะนั้นผมจึงคิดว่าผมควรจะหาบ้านที่เป็นบ้านมือสองที่ใกล้เมืองเพื่ิอทำการรีโนเวทในแบบที่เป็นสไตล์ผม แต่การที่จะหาบ้านมือสอง
ที่ดีๆนั้นยากมากกก เพราะผมก็ไม่มีความรู้เรื่องโครงสร้างเลยไม่รู้ว่าจะตัดสินใจซื้อบ้านยั่งไงดี แต่ผมก็พยายามหาบ้านอยู่เรื่อยๆ
พร้อมกับศึกษาวิธีการเลือกบ้านควบคู่กันไปด้วย
จนมาเจอบ้านหลังหนึ่งบ้านหลังนี้ไม่ใกล้และไม่ไกลจากกลางใจเมืองมากนัก ทำเลที่ตั้งของบ้านอยู่ห่างจากออฟิตย่านเอกมัยมาถึงตัวบ้าน
เพียง 11-12 กิโล “โอเค เรื่องทำเลถือว่าพอได้อยู่” พอผมเข้าไปดูบ้านก็ได้สังเกตอยู่หนึ่งอย่างคือบ้านสมัยก่อนนั้นจะเป็นทรงยาวและ
ค่อนข้างมืดแต่ดูๆไปก็ไม่ค่อยติดขัดอะไร เพราะด้วยสภาพของตัวอาคารที่ไม่เก่าจนเกินไปแต่อาจจะมีทรุดบ้างอะไรบ้างเล็กน้อยมันก็เป็นเรื่องปกติ
เพราะหลังนี้เป็นทาวน์เฮ้าส์เก่าอายุ23-24ปีพอดิบพอดี แต่สภาพรวมๆยังแข็งแรงอยู่มากเพราะก่อด้วยอิฐมอญทั้งหลัง
แต่ที่สำคัญราคาเป็นน่าสนใจสำหรับผมมากเพราะราคานั้นอยู่ที่ 1,4XX,XXX ซึ่งราคานี้เป็นราคาที่ผมรับได้และถ้าเปรียบเทียบกับ
ทำเลบ้านโครงการใหม่ๆในย่านนี้แล้ว โครงการใหม่ๆน่าจะอยู่ประมาน 2,XXX,XXX++ หรืออาจจะมากกว่านั้นถ้าอีก 3-4 ปี
รถไฟฟ้าสายสีเหลืองสร้างเสร็จ แล้วอีกอย่างถ้าเป็นบ้านใหม่ราคานี้คงได้แค่ตัวบ้านเปล่าๆในพื้นที่ 16-17 ตารางวาเท่านั้น
แต่ในขณะเดียวกันผมกับได้บ้านหลังนี้ในพื้นที่ 22 ตารางวา (เดิมทีบ้านหลังนี้มี 16 ตารางวาแต่เพราะเจ้าของเดิมได้ซื้อที่ดินเพิ่มออก
ไปหลังบ้านอีก 6 ตารางวาจึงกลายเป็น 22 ตารางวา
หลังจาการทำสัญญาซื้อขายและทำเรื่องโอนต่างๆนานาจากกรมที่ดินเสร็จสินแล้ว ผมก็เข้ามาสำรวจสภาพของตัวบ้านโดยละเอียด
บ้านที่พอเจ้าของเก่าได้ขนของออกไปหมดแล้ว ก็เหลืออารยธรรมมากมายอย่างที่เห็น มีทั้งรอยลอกร่อนมากมาย
มีรอยพื้นที่ผุนิดหน่อยพอสมควร และมีฝ้าที่ผุพัง แต่ซึ่งนั้นถือว่าไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมเลย เพราะภาพบ้านในหัวออกผมมันเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ว่าผมจะ รื้อถอน จะเพิ่ม จะเติมตรงไหน แล้วอีกอย่างรวมๆแล้วการผุพังทั้งหมดก็ไม่มีปัญหากับงานโครงสร้างเท่าไร
ก็ถือว่าโอเคไปอีกหนึ่งอย่างล่ะ
พอเดินมาหลังบ้าน เอาจริงๆแล้วแอบกลัวนะ เพราะไฟมีน้อยมากแถมยังมีต้นขนุนต้นใหญตั้งตระหง่านอยู่หลังบ้านในมุมมืด
(แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมานะ เพราะกลัวจะถ่ายติดอะไรมา 555) แต่ชอบอย่างคือหลังบ้านมีเพดานที่สูงจึงทำให้อากาศในบ้านไม่ร้อนจนเกินไป
แต่เหตุผลหลักๆที่ตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้เพราะมีพื้นที่ outdoor ไว้พักผ่อนได้ด้วย ถัดมาก็คือชั้นสองขึ้นมาตกใจเลย
ไม่ได้เจอผีนะ แต่เพราะเจอห้องนอนสีเขียวสดจนจะเป็นสีเขียวสะท้อนแสงอยู่แล้ว
คือพี่เจ้าของห้องเก่าเค้าคงชอบธรรมชาติอยู่ไม่น้อย อิอิ แต่ดีที่เจ้าของเก่าเค้าแถมแอร์ให้หนึ่งเครื่องถ้าได้ล้างแอร์หน่อยสภาพน่าจะ
ใช้ได้ดีอยู่ ถัดมาอีกหนึ่งห้องนอนก้อไม่แผ้กันเจ้าของห้องน่าจะชอบทะเลมากเพราะสีของห้องมาเป็นสีฟ้ามาเชียว จริงๆแล้วห้องนี้
ลมผ่านได้ดีกว่าห้องที่เขียวซะอีกผมคิดว่าจะทำห้องนี้เป็นห้องพระเพราะทิศทางดูแล้วน่าจะพอได้อยู่
ถัดมาเป็นห้องน้ำก็ถือว่าถูกการใช้งานมาหนักเหมือนกันโทรมไปตามสภาพปกติของบ้านเก่ากระเบื้องก็หมดสภาพไปแล้วเหมือนกัน
….เอาล่ะหลังสำรวจรอบแรกเสร็จ ผมก็ทำการวัดพื้นที่เพื่อทำแบบทั้นที
ผมเริ่มจากเขียนแบบแปลนบ้านอย่างง่ายๆ เพื่อพอสื่อสารให้ช่างได้เข้าใจ ผมอาจจะเขีบนแบบไม่ได้ละเอียดมากอาจจะมั่วๆไปนิด
เพราะผมเองก็ไม้ได้จบทางทางนี้มาโดยตรงแต่แค่อาศัยว่าผมทำ graphic ได้ และก็อาศัยจากการดูใน google บ้างไรบ้าง
ในขณะที่ผมทำแบบแปลนอยู่นั้น ไอเดียเริ่มมาผมก็ได้หาแบบบ้านมาเป็นตัวอย่างมากมาย ชอบทุกสไตล์และอย่างทำไปซะทุกแบบ
แต่เหนือสิ่งอื่นใดไม่ได้อยู่ที่ไอเดียเพียงอย่างเดียว มันอยู่ที่งบประมานของเราด้วย…หลังจากผมได้ทำธุระเรื่องเงินๆทองๆ เช่น
ค่าทำเนียมโอนต่างๆนานาแล้ว ผมเหลือเงินอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งความจริงแล้ว เงินจำนวนนี้ไม่ได้เป็นจำนวนที่มากมายเลย
เมื่อเปรียบเทียบกับการรีโนเวทบ้านและซื่อของเข้าบ้านเริ่มต้นชีวิตใหม่ ผมต้องมีเกือบทุกอย่างเพื่อจะดำรงชีวิตอยู่ได้
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ จานชาม ฯลฯ หลังจากคำนวนค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว
สรุปคือผมต้องทำยั่งไงก็ได้ให้ผมได้ทั้งรีโนเวทบ้าน และมีเฟอร์นิเจอร์หลักๆเข้าบ้าน ในราคาประมาน 250,000.-หรือบวกลบเกินมาได้นิดหน่อย
…โอแม่เจ้าาาา!! เครียดเลยงานน หลังจากฟุ้งซ่านความคิดมามากพอแล้วผมก็ต้องหาข้อมลูเรื่องวัสดุให้เหมาะสมกับงบประมานที่มีอยู่ โดยปรึกษากับเพื่อนๆที่เป็น
interior Designer กับ Contractor Onsite อยู่บ้างว่า ที่ผมฟุ้งซ่านมามากมายนั้นจะทำออกมาได้จริงตามจำนวนเงินที่ผมมีได้มั้ย
…เมื่อได้ข้อมลูและไอเดียที่นิ่งแล้ว ผมก็รู้แล้วว่าตัวเองชอบบ้านสไตล์ studio ที่มีความเป็น scandinavian loft 5555(และเดี๋ยวมีดูกันว่าจะ ลอฟท์ หรือจะ เละ! อิอิ)
เริ่มจากผมใช้วิชา graphic ของตัวเองในการรีทัชรูปแบบที่ผมอยากจะทำออกมาดูก่อนว่ามันพอจะเข้ากันหรือป่าว
และขั้นตอนต่อไปคือผมต้องเสาะหา วัสดุก่อสร้าง, อุปกรณ์การตกแต่ง, เฟอร์นิเจอร์, เพื่อมาคำนวนงบประมานเรื่องการทำบ้าน
ด้วยตัวเองเสร็จแล้วก็ทำ brief งาน เพื่อเครียร์กับผู้รับเหมาหลังจากนั้นก็ต้องหาผู้รับเหมาที่ให้ตรงกับราคาที่วางไว้
อันนี้คือ brief งานช่าง
แบบที่คุยกันช่างกับหน้างานจริงอาจจะไม่ตรงกัน เพราะอาจจะมีเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยต่างๆ
ถึงขั้นตอนนี้ผมรู้แล้วว่าด้วยงบประมานที่จำกัด หลังจากผมว่าจ้างผู้รับเหมาเสร็จแล้วงานที่เหลือผมต้องลุยเองทั้งหมด
คิดแล้วก็อยากจะร้องไห้ แต่คิดอีกทีก็น่าสนุกดีเหมือนกัน 555
เมื่อหาผู้รับเหมาได้แล้ว (*ผู้รับเหมารายนี้เพื่อนหามาให้และผมรู้จักกันเป็นอย่างดี สามารถทำงานในราคามิตรภาพได้) และตกลง
ราคาค่าแรงกันแล้ว ผมก็พาผู้รับเหมาเข้าไปดูบ้าน แล้ววันรุ่งขึ้นเค้าก็ลุยงานทันที
…เริ่มจากเค้าจะแบ่งทีมช่างเป็นสองทีม ทีมหนึ่งอยู่ที่บ้านเพื่อทำงานรื้อถอน และส่วนอีกทีมหนึ่งจะพาผมไปซื้อวัสดุก่อสร้าง
รายการยาวเป็นหางว่าวเลยงานนี้
หลังจากรื้อถอนเสร็จช่างก็ดูระบบน้ำภายในบ้านกับระบบไฟฟ้าให้ ระบบไฟฟ้าไม่มีปัญหา แต่ระบบน้ำช่างบอกมีการอุตตันที่ท่อน้ำทิ้งหลัก
ผมจึงวานให้ช่างแก้ปัญหาทันที แล้วก็ให้ช่างเช็คท่อน้ำทิ้งจากชั้นสองว่าอย่าให้มีน้ำซึ่มโดยเด็ดขาดเพราะว่า
ผมจะทำการเปลือยเผดานชั้น1ทั้งหมด
เมื่อจัดการกับระบบน้ำเสร็จช่างก็ทำการพ่นสีน้ำพลาสติกเพื่อรองพื้นเพดานไปหนึ่งรอบ และในขณะเดียวกันหัวหน้าช่างก็แบ่งทีมออกเพื่อ
ปูกระเบื้องและเปลี่ยนสุขภัณฑ์
และวันต่อมาช่างก็ได้ทำการเปลี่ยนหน้าต่างชั้น1 หลังจากนั้นขั้นตอนต่อไปคือให้ช่างไฟเข้ามาดูงานแล้วทำการเดินท่อไฟทั้งที
หลังจากที่ช่างไฟเดินท่อไปครึ่งหนึ่ง ตอนแรกผมคิดว่าจะโชว์ท่อ EMT แต่ผมก็เห็นภาพในหัวแล้วว่า ต้องไม่เป็นอย่างที่คิดแน่ๆ
เลยบอกช่างสีว่าอาจจะต้องเก็บสีดำทับอีกหนึ่งรอบ ช่างก็ใจดีที่ทำให้
สองวันถัดมาหลังจากที่ช่างไฟเดินไฟเรียบร้อยแล้ว ทางทีมทำเคานเตอร์ครัวก็เข้ามา สำหรับเคานเตอร์ครัวตอนแรกตามแบบในใบงานที่สั่งช่าง
ผมจะทำแค่เคานเตอร์ปูนขัดมัน แต่ช่างบอกว่า “กระเบื้องเหลือจากการปูห้องน้ำตั้งเยอะ ทำไมไม่เอามาใช้ปูเคานเตอร์ครัวล่ะ เพราะ
ในระยะยาวมันจะทนและทำความสะอาดง่ายกว่า”
…ผมก็พยายามนึกภาพตามว่าจะออกมาเป็นยั่งไง สรุปคือผมเชื่อช่าง555 เพราะไม่ได้เสีย design มากมายอะไร
และอีกอย่างก็ทำความสะอาดง่ายด้วย
ตอนเย็นๆในวันเดียวกันนั้นหัวหน้าผู้รับเหมาก็เลี้ยงเหล้าผมและคนงาน ก็อย่างว่าแหล่ะพอเริ่มเมาเราก็เริ่มคุยภาษาเดียวกันมากขึ้น
พอผมเมาได้ที่ผมก็เริ่มสาธยายไอเดียฟุ้งซ่านของผมให้หัวหน้าช่างฟังว่าจะทำอะไรเองบาง หนึ่งในนั้นผมพูดเรื่องทำผนังอิฐ ด้วยอาการ
เมาและคุยกันถูกคอหัวหน้าช่างเลยก็บอกว่า “แกจะทำเองให้มันเหนื่อยทำไมว่ะ คนของพี่เยอะแยะ” ผมได้ยินแบบนั้นถึงกับส่างเมา
แล้วตอกกลับไปว่า “เฮ้ยพูดจิงดิพี่ี เอาจิงนะ 555” (จริงๆก็เกรงใจเหมือนกันเพราะมันไม่ได้อยู่ใน brief งานที่ตกลงกันเอาไว้)
แต่พูดยังไม่ทันขาดคำ ช่างที่เป็นคนทำเคานเตอร์ปูนเลยลุกขึ้นเพื่อทำให้ดูเป็นตัวอย่างได้ครึ่งผนัง
แล้วก็ถามผมว่า “คุณจะทำแบบนี้ใช่มั้ย” ผมก็บอกว่าใช่ๆลุง สวยๆๆ วันรุ่งขึ้นหัวหน้าช่างเลยจัดให้3ผนังงามๆให้เลย 555
พอผนังอิฐเสร็จลงแล้ว ก็ถึงเวลาทำประตูเหล็กฉีก ผมได้มีแบบคร่าวๆให้ช่างดูว่าผมอยากได้ประมานไหนบ้าง โจทย์คือผมจะใช้โครงเหล็ก
ประตูอันเก่าแต่แค่ตัดลายเหล็กดัดอันเก่าออก แล้วเชื่อมเหล็กฉีกเข้าไปแทนที่หลังจากนั้นก็ให้ช่างพ่นสีให้เรียบร้อย
*มีโครงประตูบ้างส่วนที่ผุพังมาและมี งานราวกั้นที่ชั้นสองที่ต้องซื้อเหล็กกล่องมาทำโครงใหม่
ในขณะเดียวกันทางช่างมีลามิเนตลายไม้เหลืออยู่ ช่างเลยจัดการแปะทับที่ประตูอันเก่าที่มันเริ่มผุพังให้ผมด้วย
*จริงๆแล้วงานนี้น่าจะเป็นงานที่ถนัดของช่างที่นี้อยู่แล้ว เพราะช่างส่วนใหญ่มากจากสายงานเฟอรนิเจอร์ทั้งนั้น (งานนี้ก็เลยฟรีจ้า55)
ถึงตอนนี้ก็เริ่มใกล้เป็นรูปเป็นร่างแล้ว มีช่างก็ใจดีทาสีรองพื้นห้องนอนให้ผมด้วย เพราะช่างบอกว่าถ้าจะเปลี่ยนเขียวเป็นขาว
ผมจะต้องทาเหนื่อยหลายรอบมากช่างจึงขูดสีและทารองพื้นให้ผมก่อน ถือว่าน้ำใจงามมากๆ 55
สรุปงานที่ช่างทำให้นะ
- รื้อถอนฝ้าชั้น 1 และพื้นปาเก้ที่อยู่ที่บันได(ราวบันได)และที่ห้องนอนทั้งสองห้อง รวมถึงทางเดินที่ชั้น 2
- นำขยะจากการรื้อถอนไปทิ้ง
- เช็คระบบน้ำให้
- ทำสีที่ฝ้าชั้น 1
- ปูกระเบื้องน้ำทั้งสองห้อง พร้อมเปลี่ยนสุขภัณฑ์
- เดินไฟฟ้าด้วยท่อ EMT ทั้ง2ชั้น พร้อมติดตั้งโคมไฟต่างๆและต่อสวิทไฟ รวมทั้งหมดประมาน 23 จุด
- ติดตั้งเครื่องดูดอากาศและพัดลมดูดอากาศ ติดตั้งปั้มน้ำ ติดตั้งหน้าต่างบานเลื่อนทั้ง บานเล็ก และบานใหญ่
- ทำเคานเตอร์ครัวพร้อมติดตั้งซิ้งค์ล้างมือและเดินท่อน้ำและติดตั้งเตาแก็ส
- แปะผนังอิฐพื้นที่ประมาน 50 ตารางเมตร(โดยประมาน)
- ซ่อมประตู2บาน และเปลี่ยนประตูห้องน้ำให้พร้อมเปลี่ยนลูกบิดใหม่
- ทำประตูเหล็กฉีก 3 บาน และทำราวเหล็กฉีกที่ทางเดินชั้น 2 (พร้อมติดตั้ง)
* อันนี้งานเกือบทั้งหมดยังไม่ได้เก็บละเอียดนะเพราะงานละเอียดผมบอกช่างว่าที่เหลือผมจะเป็นคนเก็บงานเอง
…ถึงงานช่างจะจบ แต่สำหรับผมแล้วงานมันเพิ่งจะเริ่ม 555
ผมที่ใช้เวลาวันเสาร์และอาทิตส่วนมากในการทำงานแต่อาจจะมีหลังเลิกงานบ้างวันบางที่จะเข้ามาเก็บงานต่อ
แต่ทั้งนี้ผมก็ไม่ได้ทำคนเดียวนะจะมี อาทิตย์ล่ะ 1 วันที่ พ่อ แม่ และแฟนผมต่างก็มารุมช่วยผมทำบ้านเหมือนกัน
……ผมไม่รอช้าเพราะผมรู้ว่าครั้งนี้จะไม่ได้รวดเร็วเหมือนช่างทำแน่ๆ
ผมจึงเริ่มจากมาทำผนังอิฐอีกหนึ่งผนังให้มันจบ
ในเวลาเดียวกันนั้นผมก็จ้างช่างปูนมาเก็บงานพื้นที่ขั้นบันไดให้พื้นมันเรียบ เพื่อที่ผมจะทำปูนลอฟท์ขัดมันที่พื้นบันได
บันไดที่ผมคิดไว้ อยากได้ประมานนี้
ในวันถัดมาผมก็ได้เริ่มเก็บงานตกแต่งซะที โดยผมจะเริ่มจากการขูดและขัดสี, โป้วผนังให้เรียบและทำความสะอาดผนังทั้ง2ชั้นก่อน
หลังจากนั้นผมก็จะเริ่มทำจากชั้นสองแล้วไล่ลงมาชั้นล่าง โดยงานแรกจะเป็นการทาสีในห้องนอนก่อน
และผนังอิฐ
บันไดที่ผมคิดไว้ อยากได้ประมานนี้
ในวันถัดมาผมก็ได้เริ่มเก็บงานตกแต่งซะที โดยผมจะเริ่มจากการขูดและขัดสี, โป้วผนังให้เรียบและทำความสะอาดผนังทั้ง2ชั้นก่อน
หลังจากนั้นผมก็จะเริ่มทำจากชั้นสองแล้วไล่ลงมาชั้นล่าง โดยงานแรกจะเป็นการทาสีในห้องนอนก่อน
และผนังอิฐ
เสร็จแล้วขั้นตอนต่อไปคือการทำผนังปูนลอฟท์ ผมเลือกใช้ยี่ห้อนี้ผมว่าน่าจะใช้ง่าย แล้วก็ texture ที่ได้จะออกมาไม่จัดจ้านมาก
texture จะออกเคลีนๆมากกว่า “ไม่พูดมากนะ ไม่ได้เจ็บคอ แต่แค่ไม่ได้ค่าโฆษณา 555”เทคนิคของผมคือการทารองพื้นด้วย
สีเทาบางๆก่อนนะ หลังจากนั้นผมก็ละเลงผนังลอฟท์ทันที
งานนี้แม่ผมยังต้องขอลองทำเลย555
หลังจากทำเสร็จแล้วก็จะได้ texture ประมานนี้
เสร็จแล้วก็ทำที่พื้น แล้วก็ทำที่บันไดตามลำดับ เมื่อแห้งแล้วก็ลงยูรีเทนเคลือบ
พอยูรีเทนแห้งแล้วหลังจากนั้นผมก็จะยกอุปกรณ์ทั้งหมดลงมาทำที่ชั้น 1
สำหรับงานที่ชั้น1นั้น เริ่มจากจากการเก็บงานปูนในลายละเอียดต่างๆ เช่นขอบหน้าต่างที่ช่างยังทำไม่เรียบร้อย หรือ
ทำความสะอาดเศษหินดินทราย ต่างๆนานา ฯลฯ เสร็จแล้วผมก็เริ่มทาสีอิฐก่อนอันดับแรก เทคนิคการทาคือ
รอบแรกผมจะใช้สีผสมน้ำให้บางที่สุดแล้วทารองพื้นทั้งหมดเพื่อให้ทาลงไปแล้วให้เห็นเนื้ออิฐเดิม และรอบสองผมก็ผสมให้เข้มขึ้นโดยทาช่องเว้นช่อง
ตามที่เราชอบ ส่วนรอบสามให้ผสมสีให้ทืบที่สุดเพื่อทาทืบให้ส่วนที่เราต้องการให้ทืบ (อันนี้ลายของสีอิฐ ขึ้นอยู่กับทีแปรงฟิลของเจ้าของบ้านเลย)
สำหรับแฟนผมแล้วต้องปีนป่ายสูงแค่ไหนนางก็ไม่กลัว นางกลัวจะไม่มีบ้านอยู่มากกว่า 55
หลังจากนั้นผมก็ทำผนังปูนล๊อฟท์ตามลำดับ เทคนิคคิอเอาเทปกาวแปะในส่วนตามมุมหรือส่วนที่เราไม่ต้องการให้ปูนล๊อฟท์เลอะไปยังพื้นที่รอบๆ
หลังจากนั้นก็ค่อยดึงออกแล้วเก็บสี
ส่วนอันนี้เป็นกำแพงอิฐ ที่ผมทำการจบกำแพงอิฐด้วยการใช้ปูนค่อยๆฉาบให้เป็นเหมือนรอยกำแพงเก่าที่กำลังจะแตก
ระหว่างนั้นโซฟาที่สั่งทำกับฟูกนอนก็มาส่งตามกำหนด ซึ้งผมยังทำงานไม่เสร็จเลย เลยจำเป็นต้องเอาของกองไว้ตรงนั้นก่อน
*ตอนแรกคิดว่าจะง่ายๆน่าจะทำงานไม่นานแต่เอาเข้าจริงแล้วไม่ง่ายเลยนะ มีต้องเก็บงานจุกจิกมากมาย ด้วยความที่ผมไม่ใช่ช่างผมจึงใช้เวลาไปกว่าเดือนครึ่งถึงจะเก็บงานช่างได้สำเร็จ ….ต้องกราบขอบคุณ
พ่อ, แม่และขอบใจแฟนของผมด้วย ถ้าไม่มีกำลังเสริมเหล่านี้ผมก็แย่เหมือนกัน .เมื่อเก็บทั้งสีขาว ทั้งเก็บงานปูนลอฟท์ และงานจุกจิงทั้งหมดทั้งมวนเกือบเสร็จแล้วผมก็เรียกช่างปูกระเบี้ยงยางมาปูให้
ช่างปูให้เร็วมากทั้งสองชั้นพร้อมติดบัวยางใช้เวลาครึ่งวันก็เสร็จแล้ว (ตอนแรกจะปูเองแล้ว
แต่เวลาในขณะนั้นร่างกายผมเพลียมาก เลยจ้างดีกว่า 55)
สักพักก็มีเฟอร์นิเจอร์มาส่งชิ้นแรกผมเลยทำการประกอบทันทีเฟอร์นิเจอร์ต่างๆส่วนใหญ่ผมก็สั่งเพื่อมาประกอบ
ประกอบเสร็จแล้ว 1 ตัว อันนี้ได้มาจาก homepro
ถึงตอนนี้งานก่อสร้างภายในทั้งหมดก็ใกล้จะเสร็จแล้ว ในวันต่อมาผมก็เลยไปช้อปปิ้งของเข้าบ้านอีกรอบ ครั้งนี้ผมได้ชุดผ้าม่านสำเร็จรูปจากอีเกียมา
เลยทำการติดตั้งทั้งข้างล่างมุมนั่งเล่นและห้องนอน
…..ระหว่างรอเฟอร์นิเจอร์ที่เหลือมาส่ง ผมก็ออกมาทำสวนหลังบ้าน
ดูจากสภาพเดิมก่อนนะ เป็นสภาพที่ถูกปูกระเบื้องไว้ก่อนแล้วแล้วถูกทำพื้นลาดไว้เพื่อระบายน้ำไว้ก่อนแล้ว
มีต้นขนุนและวัชพืชรกร้างอยู่ใต้ต้นขนุนด้วย
แล้วมาดูสวนที่ผมอยากได้
ผมอยากประมานนี้ก็พอ เป็นสวนหินที่ดูแลง่ายและดูอบอุ่น
เริ่มกันเลย…
โดยพื้นที่หลังบ้านผมเริ่มจากกำหนดเขตพื้นที่ซักล้างกับพื้นของสวนหย่อมก่อน หลังจากนั้นก็ก่ออิฐขึ้นมาและทำช่องเพื่อทางระบายน้ำ
เสร็จแล้วผมก็นำอิฐมวลเบามาก่อที่ริมกำแพงทั้งสองข้างเพื่อเป็นกระถางต้นไม้เพื่อปลูกไม้พุ่มริมรั้ว ขั้นตอนต่อไปผมก็ออกไปซื้อ
ดิน ต้นไม้ หินศิลาแลง หินปูสนาม ผ้าสแลม
ซื้อเสร็จก็เริ่มจากผมทาสีกำแพงก่อนผมเลือกทาสีเทา กะว่าจะทาให้เป็นอารมณ์ลอฟท์ แต่กลับออกมาเละๆแบบนี้ 555ขั้นตอนต่อไปคือถมพื้นด้วยดินก่อนตามแนวที่ก่ออิฐไว้แล้วก็ปูผ้าสแลมบนดินเพื่ิอ
เวลาปูหินแล้วไม่ให้หินจมลงดินในตอนหน้าฝน หลังจากนั้นก็วางศิลาแลง แล้วปูหินก่อสร้างไปตามร่องเพื่อให้ได้ระดับ
หลังจากนั้นก็ปูหินสนามสีขาวมาทับหน้าอีกที พอเสร็จแล้วขั้นตอนต่อไปคือลงดินเพื่อปลูกต้นไม้และจัดแต่งให้สวยงามตามลำดับ
เมื่อเสร็จแล้วจะเป็นแบบนี้
ถึงขั้นตอนนี้ผมขออนุญาติพาเพื่อนๆไปถึงตอนที่งานเสร็จเกือบจะสมบูรณ์เลยนะ เนื่องด้วยว่าถึงขั้นตอนนี้ผมตอนที่ทำก็คนเดียว
ไม่ได้มีเวลาถ่ายรูป และผมก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องถ่ายรูปเผื่อไว้สำหรับรีวิวด้วย แต่ว่าผมจะพยามยามอธิบายตามรูปที่ประกอบแล้วกันนะบ
…..ต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนบบ
เริ่มจากมุมนั่งเล่นก่อนเลย เป็นมุมนั่งเล่นเล็กๆ
ผมซื้อกรอบรูปจากอีเกียและผมก็ทำไฟล์รูปกวางมาใส่กรอปตกแต่งให้มุมนั่งเล่นดูน่ารักขึ้นโดยมีต้น
มอนสเตอล่ากับเฟริน์เปรูทำให้ดูร่มรื่นและมีความเป็น tropical ขึ้น ส่วนชั้นวางของมุมนั่งเล่นก็ซื้อจากอีเกียแล้วเอามาทาสีดำที่ขาเพื่อให้มันรับกับเพดานสีดำพร้อม
ตกแต่งด้วย props โชว์ต่างๆ props กว่า70%เป็นของที่ผมมีสะสมอยู่แล้วนอกนั้นก็ซื้อเพิ่มบ้าง เหตุที่ผมเอาชั้นวางของกั้นไว้เพราะผมอยากจะ
แบ่งพื้นที่โต๊ะอาหารกับพื้นที่นั่งเล่นให้เป็นสัดส่วน.
มาถึงพื้นที่โต๊ะอาหาร
พื้นที่ตรงนี้ก็จะมีโต๊ะอาหารที่ผมทำเองโดยการซื้อขาเหล็กสำเร็จมายึดกับท๊อปไม้ลัง และขัดไม้ลงทาน้ำยา
กันปลวกเชื้อราให้เรียบร้อย
แลัวผมก็ซื้อสีย้อมไม้สีขาวจากอีเกียมาทาเพื่อให้เข้ากับบ้าน หลักจากนั้นก็ทายูรีเทนกันน้ำทับอีกรอบ ส่วนกรอบรูปสามอันที่ติดผนังผมซื้อกรอบรูป
มือสองมาซ่อมและพ่นสีใหม่ ตกราคากรอบล่ะ 30.- เท่านั้น ส่วนรูปภาพผมจ้างปริ้ทอิงค์เจทsticker แล้วมาแปะลงบนแผ่น passwood 5 mm
มาดูมุมทางเข้าบ้าง
อันนี้ผมแบ่งพื้นที่เพื่อให้เป็นทางเดินเข้าบ้าน เพราะเวลาผมนั่งเล่นดูทีวีผมไม่อยากให้ใครเดินผ่านทีวีผมจึงจัดโซฟาให้มีทางเดินแบบนี้
แล้วอีกอย่างก็จะเป็นที่จอดจักยานผมด้วย สำหรับชั้นวางหกเหลี่ยม ผมใช้ passwwod 5 mmที่เหลือๆ นำมาต่อกันเป็นหกเหลี่ยมหลังจากนั้นก็พ่นสีแล้วน้ำแผ่นลามิเนตลายไม้มาติดภายนอกอีกที
ส่วนต้นไม้ที่เห็นเป็นของปลอม
ส่วนนี้เป็นห้องน้ำชั้นล่าง
อันนี้ผมแค่ปูกระเบื้องยังไม่ได้คิดจะตกแต่งเพิ่มเพราะยังคิดไม่ออกบวกกับเงินหมดด้วย 55
…คือต้องยอมสารภาพเลยว่าห้องน้ำทั้งชั้น1และ2เป็นอะไรที่ผมวางแผนน้อยที่สุดเลย เพราะด้วยเงินและประสบการณ์ที่ไม่ค่อยมี
ทำให้ห้องน้ำผมทำได้แค่ปูกระเบื้อง, เปลี่ยนสุขภัณฑ์ เปลี่ยนประตูและก็หารูปมาติดตกแต่งแค่นั้นเอง
อันนี้เป็นพื้นที่ครัว
สิ่งที่ทำเพิ่มก็มีชั้นวางอันนี้ที่เป็นราง AA เอามาเจาะยึดกับผนังและก็เอาแผ่นไม้ลังมาทากันปลวกและเชื้อรา แล้วนำมา
ทาสีย้อมไม้อีกทีและนำไปยึดกับรางที่มีอยู่ ส่วนที่แขวนกระทะผมซื้อชุดท่อประปาเหล็กมาตัดทำเป็นราวแขวน ส่วนช่องเก็บของ
ใต้ซิงค์ครัวผมคิดว่าจะทำเป็นประตูปิดในภายหลัง
ตรงนี้เป็นมุมอ่านหนังสือ
วิธีการทำโต๊ะเหมือนกันกับโต๊ะอาหารเลยด้านข้าวซ้ายจะมีชั้นวางเก่าจากที่บ้านเดิม แล้วแผ่นสติกเกอร์ลายไม้มาแปะอีกที
เพื่อให้กลมกลืน ส่วนชั้นวางผมเอากระเป๋าเดินทางวินเทจที่เป็น props เก่า มาวางตั้งแล้วเพิ่มชั้นไม้เพื่อเป็นที่วางของจุกจิก
อันนี้เป็นมุม display ที่ทางพักบันได กว่า70%ผมใช้ props เก่าที่ผมมีอยู่มาจัดใหม่
มาดูที่ห้องนอน
หลังจากการที่ผมได้ปูกระเบื้องยางห้องนอนเสร็จ ผมก็นำไม้พาเลทมามาล้างมาขัดหน้าไม้ และต้องเคลือบด้วยน้ำยากันเชื้อราก่อนนะ
หลังจากนั้นผมก็เอามาเคลือบยูรีเทนแบบด้านอีกรอบ หลังจากนั้นก็นำมาวางเรียงและวางที่นอนตามลำดับ แค่นี้ก็ได้เตียงเก๋ๆแล้ว 555
แต่ขอแนะนำนะว่าถ้าจะทำแนวนี้ต้องขยันดูดฝุ่นหน่อยเพราะเตียงไม้พาเลทคอนข้างจะเก็บฝุ่นพอสมควร ส่วนรูปภาพผมก็ใช้กรอปรูปของเก่าที่มี
และก็ซื้อกรอบมือสองมีทั้งกรอบลอยและกรอบแบน หรือมีที่ทำเองบ้าง เอามาแปะๆสลับกัน
ส่วนอันนี้เป็น display ตกแต่งในห้องนอน
มุมนี้มาจาก props เหลือๆที่ซื้อต่อจากออฟฟิตบวกกับของที่มีสะสมเองอยู่แล้วด้วย
ส่วนนาฟิกาแขวนอันนี้เหมือนกันกับที่ชั้น1เลย เพราะเป็นนาฟิกาเหลือๆสมัยตอนที่ผมทำนาฟิกาขาย
ส่วนอันนี้เป็นมุมของเล่นของผมเอง อิอิ
ต้นไม้ที่ใช้ในห้องนอนส่วนมากผมจะใช้ต้นไม้ฟอกอากาศทั้งนั้น ผมจะเลือกต้นที่สามารถปลูกในห้องนอนได้ เพื่อนๆลองปลูกดูซิตื่นตอนเช้ามันสดชื่นจริงๆ
ก่อนนอนก็สร้างบรรยากาศด้วยโคมไฟพระจันทร์ อิอิ
อันนี้เป็นห้องน้ำชั้นสอง ส่วนของห้องนำ้ผมได้แยกพื้นที่เปียกกับแห้งไว้ด้วยโดยทำธรณีล้อมกรอบและใช้ม่านpvc และก็ตกแต่งด้วยการใส่กรอปรูปนิดหน่อย
กรอปรูปอันนี้ก็ทำเองจากเศษไม้และต้นไม้ปลอมที่เหลือๆ…..เพราะเริ่มจะหมดเงินแล้ว 5555
จะเห็นได้ว่าผมจะตกแต่งด้วยเฟอรนิเจอร์เป็นแบบลอยตัวทั้งหมดจะไม่ค่อยมีบิ้วอินใดๆ เพราะผมต้องการให้ทุกอย่างสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เพื่อการใช้งานที่อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงในอนาคต
หลังจากภายในบ้านรวมๆเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้วผมก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่เลย กะว่าจะอยู่ไปทำไปแต่แล้วผมก็หางานให้ตัวเองเพิ่มอีกแล้ว เหะๆๆ ผมสังเกตว่ายังมีกระเบ้ืองยางเหลืออยู่และผมก็เห็นว่าโรงรถมันยังเก่าอยู่เลย ผมเลยมีคิดและสังเกตว่าพื้นที่โรงรถมีแค่แดดช่องในแค่ตอนช่วงเช้า
และสายๆก็ไม่มีแดดแถมยังไม่มีฝนสาดเข้าถึงด้วย ผมว่ามันเหมาะแก่การเบิลผนังกระเบื้องยางจริงๆ….ผมไม่รอรีเริ่มจากผมวัดและคำนวนผนัง
เพื่อคำนวนกระเบื้องยาง (มีต้องซื้อเพิ่ม2ตารางเมตร) หลังจากนั้นผมก็ทาสีทั้งกำแพงและเพดานให้เรียบร้อยก่อน เสร็จแล้วผมก็ไปซื้อกาว
(ผมใช้เป็นกาวยางนะ) หลังจากของทุกอย่างพร้อมแล้วผมก็เริ่มจากการทำความสะอาดผนังให้เรียบร้อย
แลัวตัดกระเบื้องยางรอเอาไว้
หลังจากนั้นก็ค่อยๆทากาวกับกระเบื้องยางและทากาวกับผนังหลังจากนั้นก็แปะให้ทั้ว และเก็บงานขอบมุมด้วยบัวยางให้เรียบร้อย
เสร็จแล้วก็จะเป็นแบบนี้
ถ้าเพื่อนๆยังนึกภาพรวมๆไม่ออกว่ามีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ผมจะทำรูปสรุปให้ดูอีกครั้งดังนี้
อย่างไรก็ตามถึงตอนนี้แม้ผมจะได้เข้ามาอยู่บ้านหลังนี้แล้วแต่งานของผมก็ยังไม่จบ การรีวิวบ้านครังนี้เป็นการรีวิวบ้านเสร็จ 90%
เพราะว่าผมยังเหลือหน้ากากของบ้านที่ผมต้องทำอีกหนึ่งโปรเจท เพราะตอนนี้ถึงบ้านภายในจะดูเป็นที่น่าพอใจแต่สำหรับผมแล้ว
แต่หน้าบ้านยังดูเป็นบ้านเก่าอยู่เลย ซึ่งผมตั้งงบไว้แค่ 2000.- เท่านั้น ถ้ายังไงถ้าผมมีโอกาสรีวิวการทำหน้าบ้าน ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆได้ชมอีกรอบนะบ….
จบการรีวิว….ขอบคุณที่ติดตามบบ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าของเรื่องได้ที่ ลิงค์นี้ รีวิวรีโนเวทบ้าน “เละ” ให้เป็นบ้าน “ลอฟท์” ในงบประมานที่จำกัด
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปจากคุณ สมาชิกหมายเลข 5177000
ไอเดีย รีโนเวททาวเฮ้าส์ อายุ 33 ปี ให้ออกมาเป็นแนว Zen & Loft
ไอเดียรีโนเวท ซากบ้านยุคสงครามโลก ให้เปลี่ยนเป็นบ้านยุค 2019 ในงบ8แสน