ในช่วงปีที่ผ่านมาเรียกว่าเป็นมรสุมพัดกับชีวิตของคนไทยอย่างมากเพราะนอกจากจะเจอโรคระบาดแล้วเรายังประสบกับภัยธรรมชาติอย่างน้ำท่วมหนักซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายในหลายพื้นที่ โยเฉพาะที่อยู่อาศัยที่ต้องรับน้ำกันไปเต็มๆ และเมื่อน้ำลงแล้วหลายบ้านก็ต้องการซ่อมแซมบ้านหรือต่อเติมเพื่อป้องกันความเสียหายทำให้วัสดุก่อสร้างเป็นที่ต้องการจนมีราคาสูงขึ้นไป

การที่วัสดุก่อสร้างมีราคาสูงขึ้นทำให้ต้นทุนของการผลิตพรีแคสหรือพรีสำเร็จรูปสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้วัสดุก่อสร้างมีราคาสูงขึ้นได้ มีอะไรบ้าง ดอทได้รวบรวมมา 5 ปัจจัยดังนี้เลยครับ

ปัจจัยที่ทำให้วัสดุก่อสร้างราคาพุ่ง

การที่วัสดุก่อสร้างราคาพุ่งสูงขึ้นนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะความต้องการในการซ่อมแซมบ้านที่เสียหายจากอุทกภัยอย่างแน่นอน แต่เกิดจากหลายปัจจัยรวมกัน

ความต้องการใช้มีสูงขึ้น

แน่นอนว่าการเกิดน้ำท่วมนั้นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความต้องการใช้เพื่อซ่อมแซมและพัฒนาพื้นที่ แต่ขณะเดียวกันในหมู่นักพัฒนาอสังหาฯ หรือเหล่าดีเวลลอปเปอร์ผู้พัฒนาโครงการเองก็ยังเร่งขยายตลาดเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงของตลาดในช่วงโควิด ทำให้เกิดความต้องการใช้สูง ยิ่งวัสดุก่อสร้างที่เป็นส่วนผสมของผนังพรีแคสยิ่งมีแนวโน้มจะแพงขึ้นไปอีก

ขาดแคลนแรงงาน

เมื่อเกิดโรคระบาดทำให้การทำงานของแรงงานต้องหยุดชะงัก หลายคนเลือกที่จะกลับบ้านเกิดแต่เมื่อการระบาดยังไม่สิ้นสุดแม้จะกลับมาอนุญาตให้ทำงานได้แต่แรงงานส่วนที่กลับไปก็ไม่สามารถกลับมาได้โดยง่ายทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานก่อสร้าง ส่งผลให้ผู้พัฒนาโครงการเลือกใช้ผนังสำเร็จรูปอย่างพรีแคสที่ไม่ต้องใช้แรงงานมากนักในการพัฒนาโครงการแทน ส่งผลให้พรีแคสมีการปรับตัวสูงขึ้น โดย CPANEL มีการประเมินว่าจะโตไม่ต่ำกว่า 25-30% เลยทีเดียว

ตลาดอสังหาฯ มีแนวโน้มฟื้นตัว

หลังการปรับตัวให้เข้ากับ New Normal มาหลายปีทำให้ตลาดอสังหาฯ สามารถตอบโจทย์ใหม่ของรูปแบบความต้องการที่พักอาศัยรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนแปลงได้บ้างแล้วทำให้ตลาดอสังหาฯ มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวดีขึ้นกว่าปีก่อนๆ ทำความเกิดความต้องการวัสดุก่อสร้างมากขึ้นเพื่อสร้างโครงการใหม่ขึ้นมาลงทุนนั่นเอง

เงินเฟ้อ

ช่วงที่เศรษฐกิจซบเซาอย่างนี้ทำให้ทุกอย่างล้วนแพงขึ้น เกิดเป็นเงินเฟ้อและหนี้ที่เพิ่มขึ้นนี้เองทำให้นักพัฒนาอสังหาฯ รายเล็กอยู่ไม่ได้ เกิดการควบรวมกิจการ เหลือเพียงผู้พัฒนารายใหญ่ไม่กี่เจ้าที่สามารถเสี่ยงพัฒนากันต่อได้ แต่ถึงอย่างนั้นในด้านตลาดการก่อสร้างก็จะสามารถเจรจาทำการค้าได้ง่ายมากขึ้นและผู้พัฒนารายใหญ่เองก็สามารถพัฒนาโครงการต่อไปได้ โดยมีการคำนวณว่าราคาอสังหาฯ จะมีการปรับตัวสูงขึ้นราว 15% เนื่องจากวัสดุที่แพงขึ้นนี้ด้วย

การพัฒนาอสังหารูปแบบใหม่

ด้วยปัญหาด้านการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่นั้นที่พักอาศัยรูปแบบเดิมยังไม่สามารถตอบโจทย์ได้ดีมากนัก โดยเฉพาะกับการกระจุกอยู่ในเมืองซึ่งจะไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ยืดหยุ่นมากขึ้นอีกต่อไป ทำให้ต้องมีการพัฒนาอสังหาฯ รูปแบบใหม่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพื่อทดแทนการลงทุนที่สร้างไปแล้วแต่ยังขายไม่หมดของนักพัฒนารายใหญ่

เมื่อมีการพัฒนาอสังหาฯ รูปแบบใหม่อย่างรวดเร็ว ทำให้การก่อสร้างแบบกึ่งสำเร็จรูปอย่างการใช้พรีแคสสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้พัฒนาได้เป็นอย่างดี จึงส่งผลให้ความต้องการวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น

แม้ว่าวัสดุก่อสร้างจะสูงขึ้นแต่ด้วยสถานการณ์ที่ผ่านมานั้นตลาดอสังหาฯ เรียกได้ว่าซบเซาซึ่งเป็นผลมาจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ในขณะนี้ตลาดอสังหาฯ ยังคงไม่ฟื้นตัวเท่าใดนักเพราะนอกจากเศรษฐกิจที่ซบเซาแล้วโจทย์การรักษาระยะห่างภายในที่พักอาศัยก็ทำให้รูปแบบที่พักในตลาดไม่อาจตอบโจทย์ได้อีก เรียกได้ว่าเป็นเรื่องท้าทายต่อผู้พัฒนาโครงการอย่างมากเลยทีเดียวที่จะเร่งออกแบบที่อยู่อาศัยที่สามารถดึงให้ตลาดกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง