สวัสดีค่ะ วันนี้เรากลับมาพบกันเป็นประจำนะคะ โดยวันนี้เรามีบทความน่ารู้มาฝากกันอีกเช่นเคย เราขอนำความรู้จาก การลงทุนหุ้น กับ ลงทุนที่ดิน ว่าเมื่อเราคิดจะลงทุนอะไรสักอย่าง อย่างไหนมันจะตอบแทนผลกำไรได้ดีกว่ากัน แต่ก็จะไปดูความแตกต่างของการลงทุนทั้ง 2 ชนิดนี้ เราไปคำความเข้าใจนิยามการลงทุนของทั้ง 2 ตัวนี้กันก่อนค่ะ
การลงทุนหุ้นในตลาดหุ้น คือการที่เรานำเงินเราไปซื้อหุ้น ของบริษัทขนาดใหญ่ที่เราสนใจและเขาเสนอขายหุ้นของตัวเองให้แก่ประชาชนทั่วไปผ่านทางตลาดหลักทรัพย์ เมื่อเราตัดสินใจลงทุนกับบริษัทที่เราคิดว่าดีที่สุดแล้วนั้น
บริษัทก็จะนำเงินดังกล่าวนั้นไปลงทุนในกิจการของบริษัทเอง แล้วเมื่อธุรกิจมีกำไรเราก็จะได้ส่วนแบ่งจากกำไรของธุรกิจนั้น ไม่ว่าจะมาในทางเงินปันผลในส่วนหนึ่งและบริษัทอาจจะไปลงทุนเพื่อขยายกิจการเพิ่มอีก นั้นก็อาจจะ ยิ่งทำให้มีธุรกิจการเติบโตขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น ทำให้เราผู้ที่ถือหุ้นอยู่มีกำไรมากขึ้นจากส่วนต่างของราคาหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย
การลงทุนที่ดิน เนื่องจากที่ดินในประเทศมีจำนวนจำกัดแต่ประชากรมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ นี้ยังไม่รวมที่ดินที่เราไม่สามารถเป็นเจ้าของได้อาทิ ที่ดินราชพัสดุ ที่ดินทรัพย์สินฯ ป่าสงวน ที่ดินอุทยานแห่งชาติ และอื่น ๆ อีก นั้นจึงเป็นปัจจัยที่จะทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้นไปเรื่อย ไม่มีวันราคาตก โดยเฉพาะที่ ที่มีคนอาศัยหนาแน่นตามหัวเมืองและเมืองหลวง พูดง่าย ๆ ซื้อที่ดินแล้วมักจะไม่ขาดทุน ยิ่งอยู่นาน ราคาก็ปรับตัวขึ้นไปเรื่อย ๆ โดย พื้นฐานของที่การลงทุนที่ดินให้ได้กำไรง่ายนั้น ต้องพิจารณาถึง “ทำเลเป็นหลัก” ยิ่งใกล้เมืองใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ทางด่วน สนามบิน ยิ่งแพงแต่อย่างไรก็ตาม คนที่คิดจะซื้อที่ดินก็น่าจะพยายามหลีกเลี่ยงที่ดินหรือโครงการจัดสรร ที่อยู่ในบริเวณน้ำท่วมสูงและนาน ผลก็คือ ราคาที่ดินที่โดนน้ำท่วมหนักน่าจะมีราคาลดลง เพียงแต่ การลดลงอาจจะน้อยกว่าที่ดินทำอุตสาหกรรมเป็นต้น
แล้วการลงทุนหุ้น กับ ลงทุนที่ดิน อย่างไหนให้ผลตอบแทนดีกว่ากัน
การลงทุนหุ้นนั้น ใช้เงินลงทุนไม่มากก็ได้ให้ผลตอบแทนในรูปของปันผลทั้งรายปี ครึ่งปี หรือรายไตรมาสได้ดีในกรณีที่หุ้นที่เราลงทุนได้กำไร และยังมีสภาพคล่องสูง ซื้อขายง่าย ได้ตลอด นอกจากนี้ยังให้ผลตอบแทนในระยะยาวดีมากอีกด้วย และไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพราะเราแค่ซื้อและค่อยดูราคาในตลาดเฉยๆ แต่ มีความเสี่ยงที่เงินลงทุนจะเหลือไม่เท่าเดิม ยิ่งถ้าบริษัทที่เราถือหุ้นล้มละลายเราจะไม่ได้อะไรเลยเงินเป็นศุนย์ ไม่มีหลักประกันใจและการศึกษาข้อมูลล้วนๆ อาจจะไม่ได้เงินปันผลบ้างเดือนหรืออาจจะเป็นปีๆ
การลงทุนที่ดิน มูลค่าการลงทุนที่ดินในทำเลที่ดีมักจะเพิ่มขึ้นเสมอ สามารถ สร้างมูลค่าเพิ่มได้ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจอสังหา โรงงาน หรือทำการเกษตร หลักการง่ายที่ดินมีอยู่อย่างจำกันสร้างขึ้นมาทดแทนไม่ได้นับวันประชากรยิ่งมากขึ้น
ความต้องการเป็นเจ้าของในที่ดินยิ่งมามากขึ้น เพราะ supply ที่มีอยู่จำกัด แต่ demand เพิ่มขึ้นไม่มีวันหยุดเมื่อถึงตอนนั้นเราได้แต่รอรับเงิน และแน่นอนว่ามันมีหลักประกันที่ดีมากกว่าหุ้นมาก แต่ก็มีข้อเสียเหมือนกันใช้เงินลงทุนสูงมากโดยเฉพาะที่ดินที่อยู่ในพื้นที่ ที่ได้รับความนิยมสูงๆ ถ้าใครไม่มีเงินเย็นไม่แนะนำ การซื้อขายเสียภาษีแพง ปัจุบันการซื้อขายที่ดินยังยากไม่มีสภาพคล่องเท่าไร
โดยสรุปแล้วการลงทุนทั้ง 2 ชนิดนี้ ดีคนละอย่าง คนที่มีเงินร้อนในมือก็อาจจะแนะนำให้เล่นหุ้นก่อนเพราะว่า หุ้นเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ไวกว่า หุ้นบางตัวราคาขึ้นลงได้ถึงวันละ 30% แต่ก็นั้นละหุ้นมันไม่ได้ดีทุกตัวอยู่ที่เราศึกษาข้อมูล ด้านที่ดินเหมาะสำหรับคนมีเงินเย็นในมือ ดูที่ทำเลเป็นหลักเพราะว่ากว่าจะขายได้ ต้องใช้เวลาเป็นปี/เป็นเดือน เพราะที่ดินส่วนมากไม่มีขาดทุนยิ่งถือนานราคายิ่งขึ้น ดังนั้นก็ควรจะลงทุนทั้ง 2 อย่างนะคะ ตามสภาพคล่องของแต่ละคนค่ะ และพบกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ
