ภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ในปี 2020 ยังคงไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบที่ได้รับในปี 2019 ไม่ว่าจะเป็นมาตรการเกณฑ์การกำกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value: LTV) การชะลอตัวของกำลังซื้อต่างชาติหลักอย่างกลุ่มทุนจีน ที่กำลังอยู่ในช่วงสงครามการค้ากับสหรัฐ รวมไปถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจอื่นๆ ทำให้ในปี 2020 นี้ หากจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ต้องมองหา อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน รูปแบบใหม่ๆ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุน
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน มีรูปแบบอย่างไร?
สำหรับอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน หรือ Investment Property (IP) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ โดยอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน คือ อสังหาริมทรัพย์ที่นักลงทุนสามารถซื้อเพื่อจุดประสงค์การลงทุนโดยตรง และมีผู้เชี่ยวชาญในการบริหารจัดการ โดยผลตอบแทนจะได้รับจะหักจากค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการบริการแล้ว ข้อดีของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน คือ สามารถเลือกลงทุนได้อย่างจำเพาะเจาะจงว่าอยากลงทุนในทรัพย์แบบไหน บนทำเลใด ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่จับต้องได้ และมองเห็นศักยภาพทำเลของสินทรัพย์อย่างจำเพาะเจาะจง โดยอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนที่น่าสนใจและเหมาะกับเศรษฐกิจในปี 2020 มีด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ในทำเลท่องเที่ยวภายในประเทศ
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ถือเป็นอุตสาหกรรมหลักที่สามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจให้กับประเทศได้อย่างมหาศาลตลอดมา โดยความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยนั้นมีศักยภาพสูงติดประดับโลก ยืนยันได้จากข้อมูลของ MasterCard พบว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามามากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลกถึง 2 ปีซ้อน (ปี 2017 และปี 2018) โดยแนวโน้มการเติบโตของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยอยู่ที่ 8-10% ซึ่งเป็นเกณฑ์การเติบโตที่น่าพอใจ อีกทั้งเมืองท่องเที่ยวของประเทศไทย ยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ติดอันดับการท่องเที่ยวและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์มากที่สุดในเอเชีย ได้แก่ พัทยา หัวหิน ภูเก็ต และเชียงใหม่
โดยอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนที่เป็นที่นิยมและสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าพอใจในทำเลเมืองท่องเที่ยวของไทย คือการลงทุนในโรงแรมหรือคอนโดเทล (Condotel) หรือการซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อการท่องเที่ยว โดยผลตอบแทนที่ได้รับจะมีผลตอบแทนคิดเป็นรายวันผ่านการบริหารจัดการแบบโรงแรม และไม่ต้องหาผู้เช่าเอง และมีโอกาสอีกขั้นในการได้กำไรจากผลประกอบการโรงแรม และยังมีโอกาสได้ผลตอบแทนจากการขายต่อ (Capital Gain) อีกด้วย
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในต่างประเทศ
อีกหนึ่งรูปแบบการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่นิยมสำหรับนักลงทุนที่มีทุนทรัพย์มากพอ โดยเฉพาะในสภาวะที่ค่าเงินบาทแข็งและดอกเบี้ยเงินฝากที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้หันหน้าออกไปพึ่งพาการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ โดยได้แรงกระตุ้นจากเหล่าบริษัทนายหน้าด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่เจาะตลาดกลุ่มผู้มีรายได้สูงอีกหนึ่งทาง โดยประเทศที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในสถานการณ์ปี 2020 สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
อินโดนีเซีย
อินโดนีเซียเป็นประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังอยู่ในสภาพเศรษฐกิจที่ดี อีกทั้งยังมีเมืองท่องเที่ยวหลากหลาย โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวด้านธรรมชาติ โดยสามารถได้รับผลตอบแทนผ่านรูปแบบของค่าเช่า โดยเฉพาะในเมืองที่มีประชากรหนาแน่น
- ผลตอบแทนจากการเช่า (Rental Yield) : 8.61%
- ภาษีเงินได้จากค่าเช่า ( (Effective Rental Income Tax) : 20%
- ค่าเช่าโดยเฉลี่ย (Rent) : 2,486 ดอลลาร์ต่อเดือน
- ต้นทุนเฉลี่ย (Average cost of property) : 1,200 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร
โคลัมเบีย
โคลัมเบียเป็นอีกหนึ่งเมืองที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศโคลัมเบียมี GDP เติบโต 3.8% ซึ่งเพิ่มเป็นสองเท่าจากก่อนหน้า แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตที่ดี ในด้านการลงทุนเองก็สามารถคาดหวังผลตอบแทนได้เช่นกัน
- ผลตอบแทนจากการเช่า (Rental Yield) : 6.51%
- ภาษีเงินได้จากค่าเช่า ( (Effective Rental Income Tax) : 24.75%
- ค่าเช่าโดยเฉลี่ย (Rent) : 1,548 ดอลลาร์ต่อเดือน
- ต้นทุนเฉลี่ย (Average cost of property) : 1,400 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร
ฟิลิปปินส์
ฟิลิปปินส์เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีอัตราการเติบโตของการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ อีกทั้งยังมีผลสำรวจพบว่ากว่า 20 ล้านคนของประชากรนฟิลิปปินส์ มีความต้องการเช่าที่อยู่อาศัย ทำให้ช่องว่างของตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าในฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มของการเติบโตที่ดี
- ผลตอบแทนจากการเช่า (Rental Yield) : 6.13%
- ภาษีเงินได้จากค่าเช่า (Effective Rental Income Tax) : 4.06%
- ค่าเช่าโดยเฉลี่ย (Rent) : 2,422 ดอลลาร์ต่อเดือน
- ต้นทุนเฉลี่ย (Average cost of property) : 1,800 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ภาพรวมการลงทุนจะมีตัวเลขการเติบโตที่ดี แต่ไม่ว่าจะลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศหรือจะลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ ปัจจัยหลักคือต้องพิจารณาทำเลของทรัพย์ที่จะเลือกลงทุนอย่างถี่ถ้วน เพื่อเป็นการสร้างโอกาสทางการลงทุนให้ตัวเองและเป็นการกระจายความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม