เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเหล่าดีเวลลอปเปอร์ อสังหา หวั่นใจว่าทิศทางสภาวะตลาด อาจจะเกิดเหตุ ฟองสบู่แตก เพราะโครงการใหม่เปิดล้นภายใน2560ยาวจนถึงปีนี้ แต่ผิดคาดสภาวะตลาดตอนนี้ โดยรวมปรับตัวดีขึ้นกว่าเดิม ทำให้กลางการแข่งขันยิ่งทวีความรุนแรงกว่าเดิมในกลุ่ม ดีเวลลอปเปอร์ รายใหญ่ โดยทางด้าน บริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด ได้มีความเห็นว่า แนวโน้มอุตสาหกรรม “Stable” หรือ “คงที่” ค่อนข้างไปในทางบวก
อสังหา จะยังโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
สำหรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย คาดว่า อุตสาหกรรมจะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา นั้นก็เพราะว่ามาจากปัจจัย ขับเคลื่อนด้านไปทิศทางบวก เพราะ ภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศภายในปีที่ผ่านมานั้นกำลังปรับตัวดีขึ้น
บวกกับ ภาครัฐดันการมีการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานมากยิ่งขึ้น ส่วนในด้านความต้องการที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัด คาดว่าจะปรับตัว ดีขึ้น เพราะมาจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของ ธุรกิจท่องเที่ยวบวกกับราคาสินค้าเกษตร ที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับนั้นเอง
ในส่วนด้านผู้ซื้อต่างชาติก็มียอดที่เพิ่มขึ้นอีกด้วยมาจากปัจจัยกระตุ้นตลาดของภาครัฐ ที่ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมเติบโตต่อไปได้ นอกจากนี้ยังมี โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ภานในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะยิ่งส่งผลให้เห็นภาพอย่างชัดเจน ในขณะที่ปัจจัยท้าทายน่าจะเป็นจำนวน ที่อยู่อาศัยคงค้างที่อยู่ในระดับสูงบางพื้นที่ รวมถึงราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นและอัตราดอกเบี้ยมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น
คาด เปีนนี้โครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ทาง บริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด คาดว่า ในปี โครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบจะเปิดตัวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องการปรับพอร์ตสินค้าให้มีความสมดุล และต้องการรับรู้รายได้ในระยะเวลาอันสั้นหลังจากที่ยอดขายหรือโอนเพื่อรับรู้เป็น รายได้ (Backlog) ลดลงอย่างมากใน ช่วงเวลาถวายความอาลัยฯ ในปี 2559
ซึ่ง อาจจะส่งผลกระทบต่อการรับรู้รายได้ช่วงปี 2561-2562 ด้วยการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานในกรุงเทพและปริมณฑล ทำให้เกิดพื้นที่ใหม่ๆ ที่เหมาะแก่การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการหลายราย ก็วางแผน จะพัฒนาโครงการแบบผสม (มิกซ์ยูส) เพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการใช้ที่ดินและเพิ่มมูลค่าของที่อยู่อาศัยในเขตเมือง นอกจากนี้การจัดตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุน ในอสังหาริมทรัพย์ (RealEstateInvestment Trust-REIT) ก็มีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการ สามารถพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าได้ง่ายขึ้นกว่าในอดีต เนื่องจากผู้ประกอบการสามารถจำหน่ายจำหน่ายทรัพย์สินที่มีผลการดำเนินงานระยะหนึ่งแล้วเข้าทรัสต์และนำเงินที่ได้ไปลงทุน ในโครงการอื่นต่อไปได้สำหรับคุณภาพเครดิต โดยรวมของผู้ประกอบการที่ได้รับการจัดอันดับ เครดิตจากทริสเรทติ้งนั้น อาจปรับลดลงบ้าง จากการที่ต้องมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ตามจำนวนโครงการที่เปิดเพิ่มขึ้นใน ปีที่ผ่านมา และในปีนี้ รวมถึงการลงทุนเพิ่มในที่ดินและโครงการมิกซ์ยูส
สรุปภาพรวมตลาดโดยรวม
ทาง ทริส จึงสรุปได้ว่าจาก หนี้สินต่อโครงสร้างเงินทุนโดยเฉลี่ยของ ผู้ประกอบการน่าจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังคง ต่ำกว่า 55% สาเหตุมาจาก ผู้ประกอบการส่วนใหญ่พยายามแสวงหาพันธมิตรเพื่อร่วมพัฒนา โครงการที่มีขนาดใหญ่ อัตรากำไรของผู้ประกอบการบางรายปรับลดลงจาก ค่าใช้จ่ายทางการตลาด และการส่งเสริมการขายที่จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น พื่อกระตุ้นยอดขายและปิดโครงการเก่าๆ การแข่งขันในตลาดจะเพิ่มมากขึ้น โดยเป็นการแข่งขันระหว่าง ผู้ประกอบการรายใหญ่ เนื่องจากตลาด โดยรวมไม่มีการขยายตัวมากนักและ ผู้ประกอบการรายใหญ่ก็ครองส่วนแบ่งไปเกือบ 70% ของมูลค่าตลาดโดยรวม
อ้างอิงจาก หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ