กรุงเทพฯ – บริษัท เกษร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์และลักซ์ชัวรี่ชั้นนำของประเทศไทย ขยายแผนการพัฒนาและดำเนินธุรกิจโครงการอสังหาริมทรัพย์สุดหรู บนทำเลสำคัญของมหานคร ล่าสุดเปิดโครงการ “TELA Thonglor – เทลล่า ทองหล่อ” คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ ลักซ์ชัวรี่ แลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางทองหล่อ มูลค่าโครงการกว่า 4,100 ล้านบาท ให้คุณเชื่อมต่อซิตี้ไลฟ์สไตล์ของทุกคอมมูนิตี้แบบไร้รอยต่อ ดั่งคำนิยาม “The Landmark Residence on Thonglor” โดดเด่นเหนือระดับด้วย 5 เอกสิทธิ์สำคัญ ในการออกแบบดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งาน พร้อมตอกย้ำความสำคัญในการใช้ชีวิต ภายใต้แนวคิด “Canvas of Life” บนพื้นที่ห้องชุดที่ลูกค้าสามารถสร้างสรรค์จิตรกรรมแห่งชีวิต เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการพักอาศัยและไลฟ์สไตล์อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยบริษัทฯ มั่นใจสามารถปิดการขายปี 2559 ด้วยยอดขายกว่า 75%
โครงการ “TELA Thonglor – เทลล่า ทองหล่อ” ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าซอยทองหล่อ 13 สูง 32 ชั้น ดำเนินการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Canvas of life” ที่ต้องการให้ลูกค้าสามารถสร้างสรรค์จิตรกรรมแห่งชีวิต เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ในการพักอาศัยและไลฟ์สไตล์อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีเพียง 84 ยูนิต บนพื้นที่ 1 ไร่ 3 งาน 63 ตารางวา แบ่งเป็นห้องชุดเพียง 4 รูปแบบ อันได้แก่ ขนาด 2-Bedroom “Tela Sienna และ Tela Amber” บนความกว้างขวางของพื้นที่ใช้สอยถึง 111 ตารางเมตร จำนวนเพียง 40 ยูนิต และซิกเนเจอร์ยูนิตของโครงการฯ คือ ห้องชุดขนาด 3-Bedroom “Tela Legacy Suite A & B” บนพื้นที่ใช้สอยขนาด 201-202 ตารางเมตร จำนวน 40 ยูนิต ตลอดจนห้องชุด ขนาด 3-Bedroom Duplex หรือ “Signature Suite” มีเพียง 2 ยูนิต ซึ่งปัจจุบันลูกค้าจองซื้อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีพื้นที่ใช้สอยสูงถึง 230 ตารางเมตร และสุดท้ายกับห้องชุด 3 Plus 1 Bedroom Duplex หรือ “Sky Duplex Suite” ซึ่งมีเพียง 2 ยูนิต เท่านั้น โดยมอบพื้นที่ใช้สอยสูงถึง 338 ตารางเมตร ทั้งนี้ ทางโครงการฯ ได้มุ่งเน้นการสื่อสาร เพื่อเจาะกลุ่มครอบครัวระดับลักซ์ชัวรี่ที่ใช้ชีวิตอย่างมีสไตล์ในรูปแบบเฉพาะตัว เน้นตอบสนองการอยู่อาศัยที่รักการใช้ชีวิตในเมือง และให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว
คุณฟ้าฟื้น กล่าวต่อไปว่า “จุดเด่นที่ทำให้โครงการฯ มีความแตกต่างและโดดเด่นเหนือระดับ ประกอบไปด้วย 5 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่
- “Strategic Location” ทำเลที่มอบประสบการณ์การเชื่อมต่อของซิตี้ไลฟ์สไตล์เข้าสู่คอมมูนิตี้แบบไร้รอยต่อ ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถสร้างสรรค์รูปแบบการใช้ชีวิต และไลฟ์สไตล์ได้หลากหลายและลงตัว ด้วยถนนที่เชื่อมต่อทุกซอกซอยสู่สถานที่ไลฟ์สไตล์มากมาย อาทิ ร้านอาหาร ศูนย์การค้าแบบเปิด และทางเชื่อมไประบบขนส่ง บีทีเอสที่สะดวกสบายและรวดเร็ว
- “Ultra-Low Density Living” เพิ่มพื้นที่การอยู่อาศัยที่ไม่แออัด และมีความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนห้องทั้งโครงการเพียง 84 ยูนิต ชั้นละ 4 ห้อง เท่านั้น ส่งผลให้แต่ละยูนิตเต็มไปด้วยมุมมองและบรรยากาศแห่งความพิเศษ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้อยู่อาศัยสามารถสร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ส่วนตัวภายในยูนิตได้อย่างไม่จำกัดภายใต้ความสูงของห้องชุด 3.20 เมตร
- “Crafted Space” พื้นที่ใช้สอยได้รับการออกแบบอย่างลงตัวเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานที่สามารถรองรับ ทุกไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัย พร้อมโดดเด่นด้วยระเบียงแบบ “Panoramic Adaptive Balcony” ที่มีความยาวกว่า 17 เมตร เชื่อมต่อตั้งแต่ห้องนั่งเล่น และห้องนอนทุกห้องสำหรับห้อง Tela Legacy Suite A & B ทั้งนี้ยังสามารถเปิดประตูระเบียงแบบ Double Glazed หรือกระจกบานประตูเลื่อนที่มีกระจกสองชั้น สามารถป้องกันความร้อน พร้อมช่วยถ่ายเทและหมุนเวียนอากาศภายในห้องได้เป็นอย่างดี
- “Secured Private Lift Lobby” ให้ผู้อยู่อาศัยสามารถขึ้นตรงจากพื้นที่ส่วนกลางถึงห้องชุดเสมือนลิฟต์ส่วนตัว ที่ส่งผู้อยู่อาศัยไปแต่ละชั้นโดยเฉพาะ พร้อมทั้งมาตรฐานความปลอดภัยภายในลิฟต์ด้วยระบบ CCTV Monitoring & Control ที่เชื่อมต่อกับห้องควบคุมตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้อาศัย
- “Iconic Design” การออกแบบภายนอกที่สะท้อนความพิถีพิถัน มีเสน่ห์ และอยู่เหนือกาลเวลา ด้วยการตกแต่ง ที่มีคุณภาพ และความหรูหราในทุกรายละเอียด อาทิ ชุดครัวที่ตกแต่งด้วยแบรนด์อิตาลี BINOVA และเครื่องใช้ไฟฟ้า BERTAZZONI และห้องน้ำที่ตกแต่งอย่างประณีต โดยเลือกใช้สุขภัณฑ์ผลงานนักออกแบบ ระดับโลก ถือเป็นผลงานร่วมสมัยแห่งอนาคตของอาณาจักร เกษร พร็อพเพอร์ตี้ อย่างแท้จริง”
สำหรับการบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุด ได้นำเสนอความโดดเด่นผ่าน “Gaysorn Residential Services (GRS) บริษัทบริหารและจัดการอาคารชุด” เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้าที่ซื้อและพักอาศัยภายในโครงการ ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ 1) การสร้างคุณค่าในการบริการ “Value Services” เน้นเรื่องการตอบสนองความต้องการของลูกค้าและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการช่วยเหลือในด้านต่างๆ 2) “Best Practice Facility Management” การบริหารจัดการทรัพย์สินและเครื่องจักรส่วนกลาง มุ่งเน้นการวางแผนพัฒนาและจัดสรรงบประมาณล่วงหน้าในการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องจักรและการดูแลทรัพย์สินส่วนกลางต่างๆ พร้อมทั้งระบบประเมินผลการทำงาน และสุดท้าย 3) การดูแลคุณภาพการบริการ “Quality Assurance” โดยมีทีมเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าจากบริษัทฯ เป็นที่ปรึกษาอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการนิติบุคคลและฝ่ายจัดการนิติบุคคลอาคารชุด ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ในงานบริการลูกค้า และการบริหารทรัพย์สินภายใต้มาตรฐานความใส่ใจในแบบ “Refined Quality Living” อันเป็นหนึ่งในดีเอ็นเอ “DNA” หัวใจสำคัญของบริษัทฯ
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ “TELA Thonglor – เทลล่า ทองหล่อ” เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ววันนี้ และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี พ.ศ. 2562 โดยราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 300,000 บาท ต่อตารางเมตร โดยมั่นใจว่าภายในปลายปี พ.ศ. 2559 จะสามารถปิดการขายด้วยยอดจองสูงถึง 75%
สำนักงานขาย “TELA Thonglor – เทลล่า ทองหล่อ” โครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่
โทร 02-612-5959 หรือ www.telathonglor.com