ช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด19 ทำให้ธุรกิจหลายอย่างต้องหยุดชะงักลงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหนักโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว เวลาผ่านไปสองปีหลายประเทศเริ่มสามารถอยู่ร่วมกับโควิดได้บ้างแล้วรวมทั้งประเทศไทยด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันซึ่งขณะนี้เราฉีดครบสองเข็มได้มากกว่า 51.3% ของประชากรทั้งหมด เรียกได้ว่าเริ่มเห็นสัญญาณของการฟื้นตัวปรากฎขึ้นบ้างแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
เปิดรับนักท่องเที่ยวแล้ว 13 วัน 4 หมื่นกว่าคน คาดว่ายังมาอีกเรื่อยๆ
หลังจากที่เปิดปิดประเทศกันมาบ่อยครั้งก็ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะสามารถเปิดจนประเทศกลับมาฟื้นตัวกันได้บ้างแล้วเพราะหลังจากที่เราได้รับวัคซีนกันมากกว่าครึ่งประเทศนี้เราก็ได้เปิดรับนักท่องเที่ยวซึ่งนับว่าได้รับฟีดแบ็คที่ดีทีเดียว
หลายคนอาจเป็นห่วงว่าการรับนักท่องเที่ยวเข้ามาจะทำให้สถานการณ์โควิดของเรามีปัญหาหรือไม่ซึ่งจุดนี้รัฐบาลได้ออกข้อกำหนดในการเข้าประเทศโดยมีการตรวจเอกสารรับรองและแบ่งประเภทนักท่องเที่ยวจะมีทั้งแบบไม่ต้องกักตัว กักตัว 7 วันและกักตัว 14 วัน นับเป็นด่านแรกในการคัดกรองคนเข้ามา
ยอดของชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศช่วงวันที่ 1-13 นี้อยู่ที่ 44,774 คน โดยเป็นชาวสหรัฐและชาวเยอรมณีเยอะที่สุด ในจำนวนนี้มีผู้ติดเชื้อ 52 ราย คิดเป็น 0.12% ซึ่งนับว่าต่ำทีเดียว
มีการคาดการณ์จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ว่า จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเฉลี่ยเดือนละ 300,000 คนจนถึงสิ้นปี ทางด้านหอการค้าเองก็คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นในช่วงไฮซีซั่นอีก 30% ซึ่งหากเป็นไปตามการคาดการณ์เหล่านี้ประเทศไทยก็มีหวังว่าจะฟื้นตัวได้เร็วขึ้นอีกแน่นอน
ปลดล็อก LTV ตลาดอสังหาฯ เริ่มคึกคัก
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเรียกได้ว่าตลาดอสังหาฯ มีการเปิดตัวยูนิตใหม่ต่ำลง แนวดิ่งไม่คึกคักเท่าแนวราบภาพรวมก็ค่อนข้างเงียบเหงากันไปบ้างเพราะคนไม่มีความมั่นใจกับสภาพเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูงเท่าใดนัก เรียกว่าในช่วงที่เราไม่มีวัคซีนนั้นไม่ว่าจะมีนโยบายช่วยเหลือออกมามากเท่าไหร่ก้ไม่อาจทำให้คนตัดสินใจรับความเสี่ยงได้เลย
แต่เมื่อสถานการณ์โยรวมเริ่มดูดีขึ้น ทุกอย่างสามารถเดินหน้าต่อไปได้แล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงออกมาช่วยกระตุ้นความกล้าด้วยการปลดล็อก LTV ให้คนที่มีกำลังซื้อได้ออกมาขอสินเชื้อกู้ซื้อที่อยู่อาศัยได้เต็มวงเงิน 100% โดยมาตรการนี้จะอยู่ไปจนถึงสิ้นปี 65 กันเลย
นอกจากธนาคารแห่งประเทศไทยจะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว เหล่าผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเองก็ออกโปรโมชั่นมามากมายทั้งการลด แลก แจก แถมหรือจะเป็นการใช้เงินดิจิตอลและหุ้นกู้เป็นตัวแลกเปลี่ยนแทนเงินสดเพื่อเพิ่มสภาพคล่องของเงินสดให้กับผู้ซื้อ โดยการเปิดประเทศครั้งนี้เหล่าผู้พัฒนาโครงการเชื่อว่าตลาดอสังหาฯ จะสามารถกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง
ข่าวดีเรื่องค่าเดินทางก็มา
เมื่อไม่นานมานี้เราได้ยินข่าวเรื่องการขึ้นราคาของค่าเดินทางเรียกว่าแทบจะทุกรูปแบบของการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้า BTS ที่ยกเลิกการซื้อบัตรโดยสารแบบเที่ยวออกซึ่งเป็นตัวเลือกที่เรียกว่าคุ้มค่าที่สุดสำหรับพนักงานบริษัทที่ต้องเดินทางทุกวัน หรือการขึ้นค่าทางด่วนตามสัญญาสัมปทานเพิ่มอีก 15 บาท ทำให้คนขับรถยนต์ส่วนตัวที่ต้องใช้ทางด่วนทุกวันต้องคิดหนักกันเลยทีเดียว
แต่วันนี้มีข่าวดีออกมาบ้างแล้ว
เริ่มจาก BTS ซึ่งออกโปรโมชั่นแบบใหม่ที่แม้จะไม่ถูกเท่าเดิมแต่ก็ยังดีกว่าจ่ายเต็มจำนวนทุกวันแน่นอนและยิ่งเหมาะกับคนที่ใช้บ่อยครั้งและยังมีการแบ่งประเภทผู้ใช้เป็นสำหรับบุคคลทั่วไปและนักศึกษาซึ่งจะมีการแลกแต้มไม่เท่ากัน งานนี้ต้องคำนวนแต้มกันดีๆ เลย
ในส่วนของผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวเองก็ไม่ต้องเป็นกังวลแล้วเพราะกระทรวงคมนาคมได้เจรจาให้เก็บค่าทางด่วนในราคาเดิมสำหรับผู้ใช้คูปองชำระค่าผ่านทางโดยออกเป็นโปรโมชั่นซึ่งก็นับว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะกับคนที่ใช้ทางด่วนเป็นประจำ โดยสามารถใช้ได้กับทางด่วนสามเส้นทางได้แก่ ทางพิเศษสายศรีรัช ทางพิเศษสายอุดรรัถยา และทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ซึ่งเราสามารถยืดเวลาจ่ายในราคาเดิมต่อไปได้อีก 1 ปี
นอกจากสัญญาณเหล่านี้แล้วเชื่อว่าจะยังมีการกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆ ออกมาอีกเพื่อทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวกลับมาให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งเชื่อว่าทุกคนก็หวังให้รอยแผลที่ได้รับจากช่วงโควิด19 นี้หายไปอย่างรวดเร็ว
ที่มา https://www.prachachat.net/general/news-802125