สิ้นสุดการรอคอยกันแล้วครับ โดยเฉพาะคนชานเมืองที่อยู่อาศัยในย่าน บางซื่อ-ตลิ่งชัน-รังสิต เพราะวันนี้ผมมีข่าวดีมาฝากกับข่าวการเปิดตัวรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ที่สร้างขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาความล่าช้า และแก้อาการมาไม่ตรงเวลาของรถไฟที่ออกตัวมาจากสถานีหัวลำโพง คราวนี้ถึงเวลาที่คนชานเมืองจะได้เดินทางกันเร็วขึ้นแล้วครับ เพราะจากสถานีกลางบางซื่อ (สถานีกลางของรถไฟใหม่แทนที่สถานีหัวลำโพงเดิม) ไปยังสถานีรังสิต คุณจะใช้เวลาเพียง 25 นาทีเท่านั้นในการเดินทาง!
ปรับเวลาชีวิตด้วยการช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางได้ขนาดนี้ แถมยังจุดเชื่อมต่อ (Interchange) หลากหลายสาย แน่นอนว่า รถไฟฟ้าสายสีแดง ถือเป็นอีกแนวรถไฟฟ้าที่น่าสนใจมากเลยครับทั้งสำหรับคนอยู่อาศัย และในแง่มุมของตลาดอสังหาฯ ใหม่ที่ก็เปิดตัวต้อนรับรถไฟฟ้าสายนี้กันแบบร้อนแรงเลยทีเดียว
ว่าแต่…รถไฟฟ้าสายนี้วิ่งผ่านย่านไหนบ้าง จะเปิดใช้งานเมื่อไร และจะส่งผลในแง่บวกต่อตลาดอสังหาฯ ขนาดไหน? มีจุดไหนที่เริ่มบูมแล้วบ้าง? วันนี้ผม Dot Property มีสรุปสั้นๆ มาฝากกันครับ
เส้นทางเดินรถไฟฟ้าสายสีแดง
รถไฟฟ้าสายสีแดงประกอบด้วย 2 สายด้วยกัน นั่นคือ สายสีแดงเข้ม บางซื่อ-รังสิต และสีแดงอ่อน บางซื่อ-ตลิ่งชัน โดยทั้ง 2 สายจะวิ่งผ่านโซนต่างๆ ดังนี้
รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม
มีระยะทาง 22.6 กิโลเมตร จำนวน 11 สถานี โดยจะเริ่มวิ่งตั้งแต่สถานีกลางบางซื่อจนถึงสถานีรังสิต เรียกได้ว่าผ่านตั้งแต่ทิศเหนือ-ใต้ของกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้ ซึ่งการเปิดรถไฟฟ้าสายนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกประชาชนให้เดินทางเข้า-ออกกรุงเทพและปริมณฑล (รังสิต-ปทุมธานี) ได้ดียิ่งขึ้น ส่วนในอนาคตหลังจากนี้ ทางทิศเหนือจะทำการต่อส่วนขยายออกไปจนถึงบ้านภาชีในจังหวัดอยุธยา และทางทิศใต้จะต่อขยายไปจนถึงอำเภอปากท่อในจังหวัดราชบุรี
รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน
มีระยะทาง 15 กิโลเมตร จำนวน 5 สถานี โดยจะวิ่งเชื่อมต่อในฝั่งทิศตะวันออก-ตะวันตกของกรุงเทพฯ โดยจะวิ่งเชื่อมต่อ ตั้งแต่สถานีกลางบางซื่อจนถึงสถานีตลิ่งชัน ส่วนในอนาคตทางทิศตะวันออกจะต่อขยายไปทางหัวหมากจรดถึงจังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนด้านฝั่งตะวันตกก็จะวิ่งยาวจากฝั่งธนบุรีไปเชื่อมต่อกับจังหวัดนครปฐมในช่วงอำเภอนครชัยศรีเลยทีเดียวครับ
รถไฟฟ้าสายสีแดงจะเปิดให้บริการเมื่อไร?
คนที่อยู่อาศัยในแถบชานเมืองเตรียมเฮได้เลยครับ เพราะในวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2564 นี้ จะมีการเปิดทดลองให้ประชาชนใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงฟรี โดยจะเปิดให้บริการ 2 เส้นทาง คือ รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อน ระหว่างสถานีกลางบางซื่อ-สถานีตลิ่งชัน และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเข้ม ระหว่างสถานีกลางบางซื่อ-สถานีรังสิต แถมให้นั่งฟรีกันยาวๆ ถึง 3 เดือน ก่อนจะเริ่มเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ซึ่งจะเก็บค่าโดยสารอยู่ที่ประมาณ 12 – 42 บาทตลอดสายต่อไปครับ
ข้อดีของรถไฟฟ้าสายสีแดง
เป็นเส้นรถไฟฟ้าที่วิ่งผ่านในหลายพื้นที่ แน่นอนครับว่า มีประโยชน์กับคนเดินทางในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น…
- ช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดในบริเวณจุดตัดถนนกับทางรถไฟในรูปแบบเดิม ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 8 จุด จึงช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้น
- ใช้ประโยชน์เพื่อการเดินรถไฟทางไกลสายเหนือและสายอีสาน รองรับการเดินรถที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ดี
- ช่วยในเรื่องของการเดินทางของคนในแถบชานเมือง เพราะคาดว่า เมื่อเดินรถแล้วระบบรถไฟฟ้าจะสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารจากรังสิตสู่บางซื่อไม่น้อยกว่า 306,608 คน/วันเลยทีเดียว
- เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะช่วยลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง แถมยังปลอดภัย ช่วยให้ระบบการเดินระบบรถไฟชานเมืองมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
- เป็นครั้งแรกที่รถไฟฟ้าจะขยายไปจนถึงจังหวัดอยุธยา ฉะเชิงเทรา นครปฐม และสมุทรสาคร ทำให้เกิดพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ใหม่ ๆ ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมที่มีราคาถูกกว่าในแถบกรุงเทพฯ
ตลาดอสังหาฯ ชานเมืองบูม ต้อนรับแนวรถไฟฟ้าสายสีแดง
นอกจากทางฝั่งผู้อยู่อาศัยแล้ว ตลาดอสังหาฯ ในแถบเส้นรถไฟฟ้าสายสีแดงเองก็คึกคักไม่แพ้กันครับ เนื่องจากราคาที่ดินยังไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับพื้นที่ใจกลางเมือง หรือตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ ที่เปิดให้บริการแล้ว การมาถึงของรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงในครั้งนี้ จึงมีโอกาสที่จะมาช่วยพลิกโฉมอสังหาฯในย่านชานเมืองเป็นอย่างมาก ทำให้การเดินทางที่สะดวกสบายไม่ถูกจำกัดอยู่ในกรุงเทพฯ อีกต่อไป
ซึ่งจากผลสำรวจจาก คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่า ตลอดเส้นทางรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและอยู่ระหว่างการขายไม่ต่ำกว่า 24,522 ยูนิต มูลค่าการพัฒนารวม 101,769 ล้านบาท ก็ถือได้ว่าร้อนแรงและได้รับความนิยมจากผู้พัฒนาไม่แพ้แนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายอื่นๆ เลยครับ
โดยในช่วงสิ้นไตรมาส 1/64 มีโครงการบ้านจัดสรร หรือโครงการแนวราบรวมแล้วทั้งหมด 8,259 ยูนิต ขายไปได้แล้ว 54% แยกเป็น…
- บ้านเดี่ยว 2,650 ยูนิต ขายไปแล้ว 52%
- ทาวน์เฮาส์ 4,720 ยูนิต ขายไปแล้ว 45%
- บ้านแฝด 620 ยูนิต ขายได้ 70%
- อาคารพาณิชย์ 269 ยูนิต ขายไปแล้ว 70%
ส่วนในฝั่งของคอนโดก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กันครับ โดยมีอุปทานคอนโดอยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 16,263 ยูนิต มูลค่าการพัฒนา 22,224 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 11,976 ยูนิต คิดเป็น 73%, เหลือขาย 4,296 ยูนิต สัดส่วน 27%
แน่นอนครับว่า การถือกำเนิดรถไฟฟ้าสายใหม่ย่อมส่งผลให้มีทำเลที่อยู่อาศัยซึ่งจะกลายเป็น Hub ใหม่ในอนาคตตามมาด้วยเช่นกัน โดยทำเล Highlight ที่น่าสนใจและมีโอกาสเติบโตสูงได้แก่…
- ทำเลย่านรังสิต
โดยมีช่วงพื้นที่ตรงข้ามสนามบินดอนเมือง ถนนวิภาวดีรังสิต, ทำเลช่วงปลายทางเส้นทางรถไฟชานเมืองสายสีแดงบริเวณตำบลคลองหนึ่ง ปทุมธานี เป็นทำเลหลักที่มีคนอยู่อาศัยหนาแน่น และเป็นแหล่งสร้างที่อยู่อาศัยแนวราบที่เหล่าผู้พัฒนาโครงการสนใจไม่น้อย
นอกจากนี้ยังเป็นทำเลที่ตั้งของสถานีหลักหก ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยรังสิต ที่ถือได้ว่าเป็นแหล่งนักศึกษาและผู้อยู่อาศัยจำนวนมาก ใครที่ต้องการจับจองซื้อคอนโดปล่อยเช่าสำหรับนักศึกษาก็ถือว่าเป็นทำเลที่น่าสนใจมากๆ เลยทีเดียวครับ
- ทำเลย่านศาลายา
ถือเป็นย่านที่อยู่อาศัยหลักในฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานครเลยก็ว่าได้ครับ แถมในบริเวณนั้นยังเป็นที่ตั้งของมาวิทยาลัยมหิดลและพุทธมณฑล ทำให้มีอาคารพาณิชย์ ห้างร้านท้องถิ่น การค้าขายในแบบชุมชนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่อยู่อาศัยในบริเวณศาลายาอาจจะยังมีซัพพลายน้อยเมื่อเทียบกับปริมาณของประชากรที่มีทั้งนักเรียนนักศึกษาในละแวกนี้กว่า 45,000 คน อาจารย์มหาวิทยาลัยและ บุคลากรทางการแพทย์ อีกกว่า 5,000 คน รวมไปถึงประชาชนทั่วไปอีก 10,000 คน แน่นอนว่า ตลาดอสังหาฯ แน่นอนว่า ตลาดอสังหาฯ ในย่านนี้มีโอกาสเติบโตได้สูงเช่นเดียวกันครับ
ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากๆ เลยนะครับสำหรับคนชานเมือง และนักลงทุนอสังหาฯ ที่อยากเปิดตลาดใหม่ๆ เพราะยังเห็นเเววของการเติบโตค่อนข้างต่อเนื่อง แถมในอนาคตยังเป็นรถไฟฟ้าสายใหม่ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ในย่านชานเมือง และพัฒนาพื้นที่ใหม่ ๆ ให้กลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยในราคาที่ถูกกว่าในตัวเมืองได้เป็นอย่างดี
ที่มา: https://www.facebook.com/pr.railway
https://www.reic.or.th/News/RealEstate/453784