ในช่วงเวลานี้หากต้องการซื้อรถคงไม่มีใครไม่คิดพิจารณาถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่หลายแบรนด์ปล่อยกันออกมา ทั้งยังมีหลากหลายราคาให้เลือกสรร ซึ่งนับเป็นเรื่องน่าสนใจทีเดียวเพราะนอกจากจะรักษ์โลก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว หากคำนวณเปรียบเทียบระหว่างค่าน้ำมันกับค่าไฟก็ยังพบว่า ค่าไฟที่เพิ่มมาถูกกว่าการใช้น้ำมันเสียอีก
แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการใช้รถยนต์ไฟฟ้านี้ จะต้องตรวจสอบเตรียมพร้อมกับเรื่องใดบ้าง วันนี้ดอทก็ได้เตรียมเรื่องน่ารู้ก่อนที่เราจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าควรเตรียมพร้อมอย่างไรมาฝากกันครับ
ตรวจสอบที่จอดรถในบ้าน
การใช้รถยนต์ไฟฟ้าประจำต้องมีพื้นที่ชาร์จไฟ โดยเฉพาะในที่พักอาศัยเพราะการชาร์จไฟต้องใช้เวลาจึงต้องมีการติดตั้งระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือหากใครอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมก็จะต้องตรวจสอบดูว่ามีระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่ เพราะการใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังไม่เป็นที่นิยมในบ้านเรามากนักจึงยังคงหาที่ชาร์จได้ยาก
หากพักอาศัยอยู่ที่บ้านแล้วสามารถสอบถามหรือหาข้อมูลเกี่ยวกับการติดตั้งระบบชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าได้เลยซึ่งหลายบริษัทที่มีการจำหน่ายอาจมีการให้บริการการติดตั้งระบบชาร์จไฟของรถยนต์ไฟฟ้าให้ด้วยหรืออาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตรงนี้ควรตรวจสอบให้แน่ชัด
ทำความเข้าใจในความต่างของรถยนต์ไฟฟ้า
รถยนต์ไฟฟ้าเป็นยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจึงมีจุดที่แตกต่างจากพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานเชื้อเพลิงอย่างน้ำมันอยู่มาก อย่างแรกเป็นเรื่องของพื้นที่ในรถยนต์ที่จะมีเพิ่มขึ้นเพราะเครื่องยนต์มีขนาดเล็ก ด้วยการออกแบบให้ไม่มีความแตกต่างทางด้านดีไซน์มากนักทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีพื้นที่เหลือค่อนข้างมาก แต่ขณะเดียวกันก็มีน้ำหนักมากขึ้นเยอะทีเดียว
นอกจากนี้ด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ออกแบบให้ตอบโจทย์กับความต้องการในการใช้งานของมนุษย์มากขึ้น เราจึงจะได้เห็นนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมายบนรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นการปรับความสูงของรถ หรือการเลือกโหมดการขับเคลื่อนอัตโนมัติ เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นโลกใบใหม่ของรถยนต์เลยก็ว่าได้
ตรวจสอบช่องทางการดูแลรักษา
สำหรับใครที่สนใจอยากใช้รถยนต์ไฟฟ้าอาจจะต้องทำการบ้านในเรื่องการดูแลรักษาสักนิดเพราะว่ารถยนต์ไฟฟ้ายังเป็นเรื่องใหม่สำหรับบ้านเรา สถานที่ที่ให้บริการดูแลรักษาจึงยังมีไม่มากนัก ก่อนการเลือกซื้อจึงควรตรวจให้แน่ชัดว่าหากมีปัญหาเราสามารถไปที่ใดได้บ้าง
ที่สำคัญสำหรับยานพาหนะเลยคือการหาอะไหล่สำรองเพื่อเปลี่ยนเมื่อมีปัญหา โดยเฉพาะปัญหาฉุกเฉินอย่างเช่นยางรถยนต์ เพราะด้วยน้ำหนักของเครื่องยนต์ที่มากกว่าปกติหลายเท่าทำให้ยางรถต้องรับภาระหนักบวกกับถนนของบ้านเราแล้ว ควรมีการเตรียมพร้อมเอาไว้ให้ดี
ตรวจสอบระยะเวลาการชาร์จไฟ
การชาร์จไฟให้รถยนต์ไฟฟ้านั้นจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับหัวชาร์จ ซึ่งหากเราชาร์จกับหัวชาร์จฯ แบบเร็วสามารถแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าจาก 0-80% ได้ในเวลาประมาณ 40-60 นาที ขึ้นอยู่กับความจุพลังงานแบตเตอรี่ของแต่ละคัน ซึ่งนับว่าใช้เวลาไม่มากนัก แต่ก็ยังคงมากกว่าการเติมน้ำมันอยู่ดี
ขณะเดียวกันหากเราได้เจอกับหัวชาร์จฯ แบบธรรมดาที่ชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ(AC Charging) ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมติดตั้งไว้ที่บ้านจะใช้เวลา 5-7 ชั่วโมงซึ่งเป็นระยะเวลาที่เหมาะกับการชาร์จทิ้งไว้ในเวลากลางคืนพอดี
ซึ่งในระยะเวลาการชาร์จนี้เราอาจจะต้องเตรียมตัวและแผนการเอาไว้สักหน่อยเพราะการเติมพลังงานให้แก่รถยนต์ไฟฟ้ายังต้องใช้เวลามากกว่าการเติมน้ำมันมากทีเดียว จึงต้องคอยคำนวณพลังงานกับระยะทางหรือระยะเวลาที่ต้องใช้รถให้ดี แต่โดยส่วนใหญ่ในระบบรถยนต์ไฟฟ้าจะมีการคำนวณมาให้บ้างแล้ว
ตรวจสอบแหล่งชาร์จไฟสาธารณะรอบตัว
หากต้องเดินทางไกลแล้ว แหล่งพลังงานเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากทีเดียวเพราะรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้ใช้น้ำมันที่เราสามารถเข้าปั๊มก็เติมได้เลยเหมือนเก่าแล้วแต่เราต้องตรวจสอบถึงสถานีชาร์จไฟที่อยู่บนเส้นทางของเราเอาไว้ด้วย โดยเราสามารถดาวน์โหลดแอป MEA EV ซึ่งเป็นแอปของการไฟฟ้าที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานีชาร์จไฟเก็บไว้เช็คสถานที่เติมพลังงานระหว่างทางได้
ต้องยอมรับว่ารถยนต์ไฟฟ้านับเป็นเรื่องใหม่ของบ้านเราจึงอาจมีความไม่สะดวกหลายอย่างเกิดขึ้นดังนั้นหากต้องการรักษ์โลกด้วยการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจึงต้องศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน เพื่อหาวิธีรับมือถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้