เอาใจมนุษย์เงินเดือนที่อยากมีบ้าน Ep15 เมื่อไม่จ่ายหนี้ เจ้าหนี้ ยึดทรัพย์ ได้เลยหรือไม่?

การยึดทรัพย์,การยึดทรัพย์ลูกหนี้,ยึดทรัพย์,อายัดเงินเดือน
การยึดทรัพย์,การยึดทรัพย์ลูกหนี้,ยึดทรัพย์,อายัดเงินเดือน
การยึดทรัพย์,การยึดทรัพย์ลูกหนี้,ยึดทรัพย์,อายัดเงินเดือน
การยึดทรัพย์,การยึดทรัพย์ลูกหนี้,ยึดทรัพย์,อายัดเงินเดือน

คนที่จะมา ยึดทรัพย์ หรืออายัดเงินเดือนของเรานั้น คงไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคนที่เรารู้จักคุ้นเคยมาเป็นอย่างดี นั่นก็คือ “เจ้าหนี้” นั่นเอง แต่การยึดทรัพย์ หรืออายัดเงินเดือนนั้น ไม่ใช่ว่าเจ้าหนี้จะสามารถทำได้เองโดยพลการ เจ้าหนี้สามารถทำได้ก็ต่อเมื่อศาลมีคำพิพากษาให้เจ้าหนี้ชนะคดี และเราผู้ซึ่งเป็นลูกหนี้ไม่ชำระคืนให้กับเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาภายใน 15 หรือ 30 วัน แล้วแต่ศาลจะกำหนดในคำพิพากษา เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าหนี้เองก็สามารถยึดทรัพย์และอายัดเงินเดือนของเราได้  แต่ศาลก็ไม่ได้ใจร้ายกับเราผู้ซึ่งเป็นลูกหนี้ตาดำๆ เสียทีเดียว ยังมีข้อยกเว้นในการยึดทรัพย์เพื่อให้ลูกหนี้ยังพอมีรายได้ประทังชีวิตต่อไปได้ ดังนี้

การยึดทรัพย์,การยึดทรัพย์ลูกหนี้,ยึดทรัพย์,อายัดเงินเดือน
การยึดทรัพย์,การยึดทรัพย์ลูกหนี้,ยึดทรัพย์,อายัดเงินเดือน
  1. ทรัพย์สินที่เป็นข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือนที่มีความจำเป็นในการดำรงชีวิต มูลค่า 50,000 บาทแรก เจ้าหนี้ห้ามยึดเพราะเป็นทรัพย์สินที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตจริงๆ หากไม่มี จะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันยากลำบาก ทรัพย์สินที่จำเป็น ได้แก่ โต๊ะกินข้าว เก้าอี้ โทรทัศน์ เครื่องครัว แต่ถ้าเป็นสร้อยคอ แหวนทอง แหวนเพชร นาฬิกาสุดหรู ที่ใส่ประดับเพื่อแสดงถึงฐานะทางการเงิน เจ้าหนี้สามารถยึดได้ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต แม้ลูกหนี้จะคิดว่าเป็นสิ่งจำเป็นต้องมีก็ตาม
  1. ทรัพย์สินที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินของลูกหนี้ ถ้ามูลค่ารวมกันไม่ถึง 100,000 บาท เจ้าหนี้ห้ามยึดเช่นกัน เพราะจะทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ เครื่องมือประกอบอาชีพ เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร (ในกรณีที่ประกอบธุรกิจรับถ่ายเอกสาร) หากเครื่องมือประกอบอาชีพมีราคาสูงกว่า 100,000 บาท และจำเป็นต้องใช้จริงๆ ก็สามารถร้องขอต่อศาลได้

หากมีเจ้าหนี้หลายราย เมื่อเจ้าหนี้รายใดได้ยึดทรัพย์สินนั้นไปแล้ว เจ้าหนี้รายอื่นจะไม่สามารถยึดซ้ำได้อีก ดังนั้น เจ้าหนี้รายไหนมาก่อนก็จะได้สิทธิยึดก่อน

ส่วนการอายัดเงินเดือน หรือรายได้ที่ลูกหนี้ได้รับมานั้น เจ้าหนี้สามารถอายัดได้ก็ต่อเมื่อศาลได้ตัดสินแล้ว แต่ลูกหนี้เงียบเฉย ไม่ติดต่อ ไม่จ่ายเงิน หรือตกลงเรื่องการจ่ายเงินไม่ได้ ดังนั้น หากเจ้าหนี้รายแรกขออายัดเงินเดือนแล้ว เจ้าหนี้รายอื่นๆ จะไม่สามารถอายัดได้อีก จะสามารถอายัดได้ก็ต่อเมื่อเจ้าหนี้รายแรก อายัดครบก่อน

สำหรับเกณฑ์การอายัดเงินเดือนของกรมบังคับคดี หากลูกหนี้เป็นข้าราชการหรือลูกจ้างประจำของข้าราชการ จะไม่ถูกอายัดเงินเดือน แต่ถ้าเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจหรือพนักงานบริษัท จะถูกอายัดเงินเดือนโดยมีหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

  1. อายัดเงินเดือนไม่เกิน 30% โดยคำนวณจากเงินเดือนก่อนหักค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ภาษี ประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ฯลฯ แต่ถ้าลูกหนี้มีเงินเดือนไม่ถึง 10,000 บาท เจ้าหนี้ก็ไม่สามารถอายัดเงินเดือนได้ การอายัดเงินเดือนจะทำได้เมื่อลูกหนี้มีเงินเดือนเกิน 10,000 บาท และเมื่ออายัด 30% แล้วจะต้องเหลือเงินให้ลูกหนี้ใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท ด้วย ดังนั้น หากลูกหนี้มีเงินเดือน 12,000 บาท เจ้าหนี้อายัด 30% (เท่ากับ 3,600 บาท) จะทำให้ลูกหนี้มีเงินเดือนคงเหลือเพียง 8,400 บาท (12,000 – 3,600) ในกรณีนี้ เจ้าหนี้จะอายัดได้เพียง 2,000 บาท คงเหลือเงินจำนวน 10,000 บาทให้ลูกหนี้ใช้จ่ายนั่นเอง

แต่ก็มีกรณียกเว้น หากลูกหนี้มีค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ เช่น ค่าเลี้ยงดูบุตร ค่ารักษาพยาบาล ก็สามารถนำหลักฐานไปลดหย่อนที่กรมบังคับคดีเพื่อให้เจ้าหนี้ลดเปอร์เซ็นต์การอายัดได้

  1. โบนัส เจ้าหนี้สามารถอายัดได้ไม่เกิน 50% ดังนั้น เมื่อได้เงินโบนัสมา อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะเจ้าหนี้สามารถอายัดได้ครึ่งหนึ่ง เมื่อหักภาษีแล้วลูกหนี้จะเหลือใช้ไม่ถึงครึ่ง
  2. เงินตอบแทนจากการออกจากงาน เจ้าหนี้สามารถอายัดได้ 100%
  3. เงินค่าคอมมิชชั่น เจ้าหนี้สามารถอายัดได้ 30%
  4. เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เจ้าหนี้ไม่สามารถอายัดได้ ดังนั้น หากมีการสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ลูกหนี้ก็พอเบาใจได้ส่วนหนึ่งว่าเงินจำนวนนี้จะยังเป็นเงินสะสมที่สามารถนำมาใช้จ่ายในอนาคตหลังเกษียณ
  5. เงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เป็นอีกกองทุนหนึ่งที่เจ้าหนี้ไม่สามารถอายัดได้

นอกจากนี้ หากลูกหนี้มีรถยนต์หรือมอเตอร์ไซด์ที่ยังติดไฟแนนซ์อยู่ ต้องถือว่าเป็นโชคดี เพราะเจ้าหนี้จะไม่สามารถยึดได้ เนื่องจากกรรมสิทธิ์เป็นของบริษัทไฟแนนซ์ ยังไม่ใช่ของเรา แต่ถ้าหากเราผ่อนไฟแนนซ์หมดแล้ว กรรมสิทธิ์เป็นของเรา เจ้าหนี้ก็สามารถมายึดได้ ซึ่งแตกต่างจากการผ่อนบ้านหรือที่ดิน แม้ว่าเราจะยังติดจำนองอยู่ก็ตาม เจ้าหนี้ก็สามารถยึดเพื่อไปขายทอดตลาดได้

ดังนั้น หากเราต้องการใช้จ่ายสบายๆ ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะโดนเจ้าหนี้ยึด หรืออายัดอะไรเราบ้าง ก็ต้องไม่ใช้จ่ายเงินเกินตัวจนทำให้มีเจ้าหนี้ตามทวงยาวเป็นหางว่าว  เรียกว่า “การไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ” นอกเหนือจากการไม่มีโรคนั่นเอง และเมื่อชำระหนี้หมดแล้ว แนะนำให้รักษาประวัติให้ดี ไม่ก่อหนี้ใหม่ในช่วง 3 ปีหลังเคลียร์หนี้ จะได้มีประวัติสวยๆ ในเครดิตบูโรค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก K-Expert

ต้องการซื้อ-เช่ !!!คอนโดมือสอง บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ที่ดินทั่วไทยมากกว่า 300,000 รายการคลิ๊กที่นี่

ลงประกาศขาย-ให้เช่า ฟรี !!! คอนโดมือสอง บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ที่ดินกับ Dot Property ขายง่าย ขายไว ไม่มีค่าใช้จ่ายลงประกาศเลย