DotProperty.co.th

แสนสิริเจาะตลาดใหม่ เดินหน้าธุรกิจ Digital Financial Services ขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่

ปัจจุบันบริการด้านการเงินดิจิทัล (Digital Financial Services) เช่น สินเชื่อดิจิทัล กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-wallet) ได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในยุคนิวนอร์มอลที่ต้องเลี่ยงการสัมผัส เพราะความสะดวกสบาย เข้าถึงง่าย ใช้งานได้ทุกที่ ที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ ไม่จำเป็นต้องไปถึงสถาบันทางการเงิน ทำให้พฤติกรรมด้านธุรกรรมทางการเงินของผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิม 

ภายใต้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว แสนสิริ ดีเวลลอปเปอร์ยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย ได้มองเห็นโอกาสในการพัฒนากลยุทธ์การแข่งขันรูปแบบใหม่ ที่จะทำให้บริษัทก้าวต่อไปได้อย่างยั่งยืน ด้วยการเจาะตลาดใหม่ นำ Digital Financial Services มาเสริมความแข็งแกร่ง ทำให้อสังหาริมทรัพย์กลายเป็นเรื่องที่ทุกคน “เข้าถึงได้” อย่าง “เท่าเทียม”

หลังจากที่แสนสิริได้ปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับวิกฤตเศรษฐกิจ ทำโปรโมชันครั้งใหญ่ จนสามารถครองตำแหน่ง “เบอร์หนึ่ง” ทางด้านยอดขายในปีที่แล้วมาได้สำเร็จ ปี 2564 นี้ แสนสิริก็ยังคงเดินหน้าปรับกลยุทธ์การตลาดให้ทันยุคทันสมัยอย่างต่อเนื่อง โดยนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แสนสิริได้ลงทุนต่อเนื่องในธุรกิจหลักอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งเน้นไปที่ “แนวราบ” มากขึ้น พร้อมขยายการลงทุนในดิจิทัลไฟแนนซ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น ด้วยการเข้าถือหุ้น 15% ใน บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ผู้นำในอุตสาหกรรมการเงินของไทย มูลค่า 2,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 2% ของสินทรัพย์แสนสิริทั้งหมด หวังเจาะตลาดใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้

“การลงทุนในดิจิทัลไฟแนนซ์ครั้งนี้ ถือเป็นนิวเอสเคิร์ฟ (New S-Curve) ที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับแสนสิริในระยะยาว เพราะเอ็กซ์สปริงเป็นผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการเงิน และให้ผลตอบแทนในแง่ของการลงทุนที่ดี รวมถึงสามารถต่อยอดธุรกิจอื่น ๆ ร่วมกับแสนสิริได้ เช่น ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) ประเภทสินเชื่อบ้าน ที่เอ็กซ์สปริงมีประสบการณ์เก็บหนี้ธุรกิจสินเชื่อบุคคล ส่วนแสนสิริมีความเชี่ยวชาญในการปรับปรุงดูแลบ้านก่อนขายทอดตลาด” 

ตอนนี้หลาย ๆ บริษัทได้เข้ามาลงทุนในดิจิทัล ไฟแนนซ์กันมากขึ้น ด้วยเหตุผลในการกระจายความเสี่ยง แต่แสนสิริกลับมองว่าดิจิทัล ไฟแนนซ์ เป็น “โอกาส” สำคัญที่จะเจาะตลาดใหม่ ทำให้ลูกค้าทุกระดับเข้าถึงสินค้าของบริษัทได้อย่างเท่าเทียม เพราะธุรกรรมการเงินดิจิทัลเป็นไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ที่ใคร ๆ ก็ใช้ได้ ไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้าเหมือนการลงทุนในยุคก่อน ตัวอย่างชัด ๆ ก็เช่น บิตคอยน์ ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้และเลือกลงทุนได้ตามกำลังทรัพย์ เพียงแค่มีเทคโนโลยีในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งสอดรับสอดรับกับปรัชญาการดำเนินธุรกิจของแสนสิริ ที่มุ่งทำบ้านหลากหลายระดับราคา ตั้งแต่ 999,999 บาท จนถึง 400 ล้านบาท เพื่อสร้างความเท่าเทียมให้คนทุกระดับเข้าถึงสินค้าได้ นอกจากนี้ นายเศรษฐากล่าวว่าการลงทุนในเอ็กซ์สปริง ยังช่วยสร้างแวลูให้กับผู้ถือหุ้นแสนสิริด้วย ไม่ใช่แค่การลงทุนเพียงอย่างเดียว

ในเมื่อขยายพอร์ตลงทุนในดิจิทัล ไฟแนนซ์แล้ว หลายคนคงสงสัยว่าในอนาคตจะมีโอกาสเห็นเหรียญดิจิทัลอย่าง “โทเคน พร็อพเพอร์ตี้ บายแสนสิริ” (Token property by Sansiri) ออกมาเจาะตลาดใหม่ของนักลงทุนหรือไม่ นายเศรษฐาไขข้อสงสัยนี้ไว้ว่า ลูกค้าแสนสิริมีจำนวนมากหลักแสนคน แทนที่จะซื้อคอนโดมิเนียม ในอนาคตอาจซื้อโทเคนแทนก็สามารถทำได้ แนวทางการการออกโทเคน พร็อพเพอร์ตี้ บายแสนสิริมีโอกาสเป็นไปได้ หรือหากเอ็กซ์สปริงจะไปทำร่วมกับเอพี หรือแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ก็ทำได้เช่นกัน เรียกได้ว่าอะไรที่จะเจาะตลาดใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่มได้ และไม่มีกรอบหรือกฎเกณฑ์มาบังคับ ก็ไม่จำเป็นจะต้องทำกับแสนสิริก่อนก็ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ความพร้อมเป็นสำคัญ

การลงทุนในดิจิทัล ไฟแนนซ์และการนำบริการด้านการเงินดิจิทัลมาใช้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นกลยุทธ์การแข่งขันที่น่าจับตามอง เพราะนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแสนสิริในการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และความพยายามที่จะเจาะตลาดใหม่อยู่เสมอแล้ว ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำมาสู่การพัฒนาครั้งสำคัญในวงการอสังหาริมทรัพย์ด้วย เนื่องจากนายระเฑียร ศรีมงคล ประธานกรรมการ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ได้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี ด้วย ซึ่งจะช่วยดึงดูดกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี 

ที่มา

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/939287