ไตรมาส 4/62 เป็นเรื่องเข้าใจได้ไม่ยากเลยว่า มาตรการ LTV-loan to value บังคับเพิ่มเงินดาวน์แพงในการซื้อบ้าน-คอนโดมิเนียมหลังที่ 2 ซึ่งประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 ล่าสุดผ่านไป 6-7 เดือน LTV แผลงฤทธิ์รุนแรงจนทำให้ยอดขายใหม่ร่วงกันระนาวทั้งวงการ ซึ่งมูลค่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งระบบประเมินว่ามีสัดส่วน 12-13% ของจีดีพี แบบนี้รัฐบาลนั่งไม่ติดเก้าอี้แน่นอน
โค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี กับ บ้านในฝัน-บ้านดีมีดาวน์
โค้งท้ายปีจึงได้เห็นมติคณะรัฐมนตรี 2 ครั้ง อนุมัติมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ โดยที่ “บิ๊กตู่–พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี อยู่ระหว่างเยือนต่างประเทศทั้ง 2 ครั้ง แบ่งเป็น มติ ครม. อังคาร 22 ตุลาคม 2562 อนุมัติมาตรการ “บ้านในฝัน” สาระสำคัญลดค่าโอน-จดจำนอง 3% เหลือ 0.01% หรือล้านละ 3 หมื่น เหลือล้านละ 300 บาท เงื่อนไขช่วยเฉพาะการซื้อที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ระยะเวลาสั้นเพียง 11 พฤศจิกายน-31 ธันวาคม 2562 และมติ ครม. อังคาร 26 พฤศจิกายน 2562 อนุมัติมาตรการ “บ้านดีมีดาวน์” สาระสำคัญรัฐช่วยจ่ายเงินดาวน์ 50,000 บาท ไม่จำกัดเพดานราคา แต่เงื่อนไขจำกัดคนซื้อต้องมีรายได้ไม่เกิน 1 แสนบาท/เดือน หรือไม่เกิน 1.2 ล้านบาท/ปี และจำกัดสิทธิ์เพียง 1 แสนรายเท่านั้น
อยากมีสิทธิ์ต้องทำอย่างไร
“ลวรณ แสงสนิท” ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า แพ็กเกจกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ได้รับเสียงตอบรับจาก 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมอาคารชุดไทย ยืนยันสนับสนุนโครงการ รวมถึงบางบริษัทร่วมจัดโปรโมชั่นช่วยค่าโอน-จดจำนองในกรณีบ้านราคาเกิน 3 ล้านบาทด้วย รายละเอียด บ้านดีมีดาวน์ มีดังนี้
- ต้องเป็นการซื้อที่อยู่อาศัยสร้างใหม่จากโครงการของผู้ประกอบการทุกระดับราคา
- ไม่จำกัดว่าต้องเป็นบ้านหลังแรก
- สามารถใช้ผู้กู้ร่วมได้
- คุณสมบัติผู้ต้องการใช้สิทธิ ต้องมีสัญชาติไทย อยู่ในระบบฐานภาษีกรมสรรพากร
- ประเภทการกู้ต้องเป็นสินเชื่อกู้ใหม่ ไม่ใช่รีไฟแนนซ์
- บ้านมือสองและทรัพย์รอการขาย (NPA) ไม่สามารถเข้าร่วมมาตรการนี้ได้
- ยื่นกู้ได้ทุกสถาบันการเงิน
- ธุรกรรมกู้และโอนทำได้ตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน 2562-31 มีนาคม 2563
- การใช้สิทธิ์ต้องลงทะเบียนผ่าน บ้านดีมีดาวน์.com เริ่ม 11 ธันวาคมนี้
- จำกัดจำนวน 1 แสนราย (เทียบกับผู้มีสิทธิ์ 10 ล้านราย ในระบบสรรพากร)
“โจทย์ข้อแรกที่รัฐบาลผลักดัน ต้องการสนับสนุนให้คนไทยมีบ้าน โดยเลือกแก้ปัญหาบ้านค้างสต๊อก 2.7 แสนยูนิต เพราะถ้าสต๊อกมีมาก ทำให้เศรษฐกิจไม่หมุนเวียน นี่เป็นสิ่งที่เราหวังภาคอสังหาฯมาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และเชื่อว่ามาตรการที่คลังออกมา สามารถดูแลเศรษฐกิจไตรมาส 4/62 โต 3.2% บวกลบ และมีแรงส่งไปถึงเศรษฐกิจปีหน้าด้วย”
“ฉัตรชัย ศิริไล” กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ขณะนี้มีกลุ่มที่ได้รับอนุมัติเงินกู้พร้อมจดจำนองแล้ว ก่อนวันที่ 11 ธันวาคม กับกลุ่มที่มาลงทะเบียนก่อนแล้วจึงไปซื้อบ้าน ซึ่ง ธอส.ดำเนินการควบคู่กันไป โดยตรวจสอบขั้นแรก เช็กการมีตัวตนและรายได้ จากนั้นส่ง SMS ยืนยันครั้งที่ 1 เมื่อตรวจสอบว่าเงินกู้อนุมัติและจดจำนองแล้ว จะส่ง SMS ยืนยันครั้งที่ 2 และโอนเงิน cash back 50,000 บาทผ่านพร้อมเพย์
“ตอนนี้ลูกค้า ธอส. เราอนุมัติใหม่วันที่ 27 พฤศจิกายน 4,300 ล้านบาท 2,200 ราย แต่ส่วนนี้ก็ต้องไปเช็กฐานภาษี แล้วเขาก็ต้องไปลงทะเบียนด้วย”
ที่มา prachachat.net
รัฐทุ่ม 5 แสนล้าน สร้างมอเตอร์เวย์ รถไฟชายแดน เชื่อมประเทศเพื่อนบ้าน
กระทรวงแรงงานเตือน 10 อาชีพที่เสี่ยง ตกงาน ในปี 2563