“อพาร์ตเม้นต์คนจน” ช่วย“คนจน”ได้จริงหรือ…?


เต็มไปด้วยคำถามมากมายว่า ไอเดียอพาร์ตเม้นต์ช่วยเหลือคนจนของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะจัดอพาร์ตเมนต์ใกล้รถไฟฟ้าโดยจะจัดให้มีการเช่าหรือซื้อโดยผ่อนในราคาไม่เกิน 300,000 บาท ผ่อนเดือนละ 1,000-2,000 บาทต่อเดือน นั้นจะเป็นเพียงแค่มโนภาพอันสวยหรู ไม่สามารถทำได้จริง หรือจะเจริญรอยตามแนวคิดของบ้านเอื้ออาทร ที่ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อช่วยเหลือคนจนจริงๆ

ซึ่งการตั้งคำถามนี้มาจาก ดร.โสภณ พรโชคชัย นักวิชาการอิสระในฐานะที่เคยเป็นที่ปรึกษาในโครงการของสหประชาชาติและธนาคารโลกทางด้านที่อยู่อาศัยรวมทั้งเป็นที่ปรึกษาในโครงการของรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ ซึ่งเขียนบทความแสดงความเห็นเกี่ยวกับโครงการ “อพาร์ตเมนต์คนจน” ว่าอาจซ้ำรอยโครงการบ้านเอื้ออาทรที่สุดท้ายแล้วกลับจนอยู่ในมือของกลุ่มหาผลประโยชน์กับคนจน และจากผลวิจัยด้านอสังหาฯนั้นได้ระบุไว้ว่า ประชากรสลัมส่วนใหญ่ไม่ใช่คนจน

ดังนั้นจึงมีการวิเคราะห์กันว่าราคาของห้องชุดติดรถไฟฟ้าขั้นต่ำนั้นอยู่ที่ประมาณ 80,000 บาทต่อตารางเมตร และสูงสุดอยู่ที่ 420,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งห้องชุดหนึ่งมีขนาด 20 ตารางเมตร ซึ่งเป็นเงินอย่างน้อย 1.6 ล้านบาท และหากหักค่าดำเนินการ ภาษี ดอกเบี้ย กำไร ฯลฯ ออกก็จะเหลือเป็นเงินอย่างน้อย 1.1 ล้านบาท ดังนั้นหากรัฐบาลจะสร้างขายในราคา 300,000 บาทก็เท่ากับต้องชดเชยให้หน่วยละ 800,000 บาท และถ้าสร้าง 100,000 หน่วยก็ต้องใช้เงิน 80,000 ล้านบาทหนักกว่าชดเชย 80,000 บาทในกรณีบ้านเอื้ออาทรเสียอีก!

แต่หากเป็นห้องชุดนอกเมืองตามแนวรถไฟฟ้าราคาจะอยู่ที่ตารางเมตรละ 50,000 บาท ในห้องขนาด 20 ตารางเมตรก็เป็นเงินทั้งสิ้น 1,000,000 หากขายห้องละ 300,000 บาท เท่ากับรัฐต้องชดเชยเงินอย่างน้อย 700,000 บาทเลยทีเดียว

มีการตั้งข้อสังเกตว่า หากรัฐบาลดำเนินการเช่นนี้ ก็จะมีคนอ้างตนว่าเป็น “คนจน”เข้ามาสวมรอยจับจองสิทธิในที่อยู่อาศัยและจะเป็นการทำลายตลาดบ้านเช่ากลางเมืองที่ขณะนี้ปล่อยเช่าในราคา 1,500-3,000 บาท ซึ่งคาดว่ามีอยู่ประมาณ 200,000 หน่วย ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยเหล่านี้และสถาบันการเงินที่อนุมัติสินเชื่อจะพลอยมีปัญหาตามไปด้วย

ดร.โสภณ กล่าวต่อว่าคนจนในสังคมไทยมีเพียง 13% ของประชากรทั้งประเทศ เท่านั้นถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับ กัมพูชา ลาวและพม่า ที่ระบุว่ามีประชากรยากจนเพียง 20-30% เท่านั้น ซึ่งถ้าจะนับจริงๆ การจะหาประชากรคนจนในกรุงเทพฯนั้นถือว่าเป็นไปได้ยาก ดังนั้นวิธีการแก้ไขปัญหานั้น ควรส่งเสริมให้มีการซื้อบ้านที่มีราคาถูกในตลาด มากกว่าการสร้างใหม่แล้วขายเช่นนี้ คิดว่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า

ที่มา : ASTVผู้จัดการรายวัน