แม้ในช่วงปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจในภาพรวมดูเหมือนจะมีการชะลอตัว ตามสภาวะวิกฤตโควิด 19 ที่ผู้คนต่างชะลอแผนการจับจ่ายใช้สอยโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่มีราคาสูงอย่างบ้านและที่ดิน แต่สำหรับทิศทางในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ยังคงเป็นสมรภูมิที่มีแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบ เช่น โครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ที่กระจายตัวอยู่ตามเส้นทางรถไฟฟ้าที่มีการเชื่อมต่อขยายออกไปในแถบชานเมืองเพิ่มมากยิ่งขึ้น ทำให้หลายต่อหลายแบรนด์ต่างเร่งปรับแผนกลยุทธ์ในการขายโดยมุ่งเน้นไปยังกลุ่มที่พักอาศัยแนวราบมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดสภาวะการแข่งขันที่รุนแรง มีข้อเสนอจากแทบทุกแบรนด์ออกมาแย่งชิงพื้นที่ส่วนแบ่งทางการตลาดกันมากมายจนทำให้เกิดสิ่งที่ในแวดวงนักการตลาดเรียกว่า Red Ocean ที่เป็นคำเปรียบเทียบกับการแข่งขันในตลาดที่มีการแข่งขันกันสูง จากผู้แข่งขันจำนวนมาก ที่นำเสนอสินค้าที่มีความคล้ายคลึงกันไปยังผู้บริโภค สินค้าในแต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกันน้อย
ซึ่งสิ่งนี้เองทำให้แบรนด์ที่คิดต่าง และมองเห็นช่องว่างทางการตลาดที่ถูกปล่องทิ้งไว้ อย่าง บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่มองไปยังพื้นที่ที่ยังมีโอกาสอยู่มากแต่ยังไม่มีข้อเสนอในท้องตลาดที่เพียงพอหรือที่เรียกกันว่า Blue Ocean จึงได้ประกาศ แผนการตลาดในการทำคอนโดต่ำกว่าล้าน ในแนวทางคอนโดแนวราบ เพื่อตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยที่ยังต้องการพักอยู่ในเมือง ด้วยเงื่อนไขการเดินทางและสังคมการใช้ชีวิตในแหล่งชุมชนเมือง ภายใต้แบรนด์ “เสนา คิทท์” คอนโดต่ำกว่าล้านที่ลดสิ่งไม่จำเป็นลงเพื่อให้เกิดมูลค่าราคาขายที่ตอบโจทย์สภาวะเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ผ่าน 6 ทำเล โครงการ ได้แก่ บางแค, เวสต์เกต-บางบัวทอง, รังสิต-คลอง4, ลาดกระบัง,บางปู และเทพารักษ์ ที่จะได้ทยอยเปิดตัวออกมาในช่วงปีนี้
ปลุกกลยุทธิ์การขายด้วย “คอนโดต่ำกว่าล้าน”
โดยคอนเซ็ปท์ในการออกแบบ “คอนโดต่ำกว่าล้าน” ครั้งนี้ ได้อ้างอิงกับรูปแบบซิตี้คอนโดที่คนไทยคุ้นเคย โดยทุกห้องจะมีเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างให้พร้อมในพื้นที่ 26-28 ตร.ม. โดยออกแบบโครงการเป็นตึก คอนโดแนวราบ 5-6 ชั้น เพื่อลดค่าก่อสร้าง และตัดสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางบางอย่าง อาทิ สระว่ายน้ำ เพื่อทำให้แบรนด์สามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และด้วยจำนวนห้องที่คำนวณมาอย่างเหมาะสม ทำเกิดอีโคโนมีส์ออฟสเกล ทำให้บริษัทยังคงสร้างกำไรผลตอบแทนที่คุ้มค่าได้เป็นอย่างดี และในอนาคตยังวางแผนที่จะเป็นผู้นำในส่วนแบ่งทางการตลาดคอนโดต่ำกว่าล้าน ในกรุงเทพมหานครอีกด้วย
โดยทางแบรนด์ได้ให้ความเห็นว่า “ตลาดคอนโดไม่ไปไหน ยังอยู่กับเรา เป็นเพราะกลไกตลาด คนซื้อเป็นเพราะเรื่องค่าเดือนทาง เวลาเดินทาง และทำเลใกล้ที่ทำงาน ปัจจัยและองค์ประกอบเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลง เราทำได้แค่ปรับตัว ตลาดคอนโดไม่ใช่แค่แฟชั่น แต่เป็นความจำเป็น”
ซึ่งที่ผ่านมาแม้สภาวะทางเศรษฐกิจจะชะลอตัว และยังคงมีปัญหาในการขยายตัวในหลากหลายอุตสาหกรรม อันเนื่องมาจากผลกระทบของโรคระบาดโควิด 19 ที่ทำให้วิถีชีวิตในรูปแบบเดิมหลายอย่างต้องเปลี่ยนแปลงไป และบางอย่างก็ได้หายจากวงการไปตลอดกาล แต่สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ของมนุษย์มาช้านานนั้น กลับได้รับผลกระทบในบางส่วน โดยเฉพาะในส่วนของคอนโดใจกลางเมืองที่เน้นกลุ่มนักลงทุนเป็นหลัก และสำหรับที่อยู่อาศัยในรูปแบบอื่นๆ ที่จับกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการอย่างแท้จริงนั้นกลับได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเพราะคนที่มีความต้องการซื้อ ก็ยังมีแผนการซื้อต่อไป โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยมือหนึ่งที่มีทางเลือกค่อนข้างมากในเวลานี้บวกกับปัจจัยข้อเสนอเพื่อกระตุ้นยอดขาย
โดยตลอดที่ปีที่ผ่านมา แต่ละค่ายมีการลดราคาลงค่อนข้างมากโดยเฉพาะคอนโด ทำให้ห้องชุดต่างๆ ได้จังหวะในการระบายขายของกันไปเป็นระลอกๆ จนทำให้ซัพพลายลดลง ทางแบรนด์เสนาฯ จึงเชื่อว่าตลาดคอนโดต่ำกว่าล้าน ซึ่งเป็นคอนโดแนวราบนี้ ยังมีโอกาสที่จะเติบโตและทำกำไรได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อคู่แข่งส่วนใหญ่หันหัวเรือไปยังตลาดแนวราบ พวกบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์กันเป็นจำนวนมาก นั่นจึงเป็นโอกาสและเวลาทองที่ทางค่ายเสนาจะได้ชูธงออกเรือทวนกระแสหา “บลูโอเชี่ยน”ให้กับตนเองในการลุยคอนโดต่ำกว่าล้าน เพื่อสร้างฐานและกลุ่มผู้สนับสนุนแบรนด์ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่แม้จะมีรายได้ยังไม่มาก แต่ก็ยังสามารถที่จะเป็นกำลังในการขยายแบรนด์ในอนาคตต่อไปได้อีกยาวนาน
ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/925574