ล่าสุด นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อธิบดีกรมที่ดิน ได้ทำการเปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีหรือ ครม. ได้ทำการแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งรัฐบาลได้นำยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ว่าด้วยการเข้าใจและเข้าถึง ตลอดจนกระทั่งการพัฒนาตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นหลักการสำคัญ
โดยหนึ่งในนโยบายได้มีการกล่าวถึง “การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และการให้โอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ” ซึ่งหมายถึง “การแก้ปัญหาการไร้ที่ดินทำมาหากินของเกษตรกร และการรุกล้ำเขตป่าสงวนโดยการกระจายสิทธิการถือครองให้แก่ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ ที่ไม่ได้รุกล้ำ และออกมาตรฐานป้องกันการเปลี่ยนมือไปอยู่ในครองครองของผู้มิใช่เกษตรกร ใช้เทคโนโลยีดาวเทียมสำรวจ และวิธีการแผนที่ที่มีความทันสมัย แก้ไขปัญหาเขตที่ดินทับซ้อนและแนวเขตพื้นที่ป่าที่ไม่ชัดเจน” และจากนโยบายดังกล่าว กรมที่ดินก็ดำเนินภารกิจตามประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อจัดที่ดินให้แก่ประชาชนที่ยากจน และไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง หรือมีแต่ไม่เพียงพอต่อการประกอบอาชีพ จึงได้จัดที่ดินทำกินเพื่อประชาชนตามโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคง และโครงการหมู่บ้านป้องกันตนเองชายแดน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคง และปัญหาด้านเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ชายแดนให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เป็นต้น โดยโครงการนี้ได้มีการดำเนินโครงการรังวัดทำแผนที่การถือครองที่ดินทำกิน พร้อมทั้งที่อยู่อาศัยและจัดสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่จำเป็น โดยกรมที่ดินจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501 และสามารถจัดได้ทั้งสิ้น 296,757 แปลง
และสำหรับในปีงบประมาณ 2558 นี้ กรมที่ดินได้กำหนดเป้าหมาย เพื่อดำเนินการจัดที่ดินไว้จำนวน 4500 แปลง และเนื้อที่ประมาณ 20765 ไร่ เป็นพื้นที่ครอบคลุมตามแนวชายแดน 3 จังหวัด ซึ่งได้แก่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดสระแก้ว