เพราะ “บ้าน” หรือ “ที่อยู่อาศัย” คือ 1 ในปัจจัย 4 ที่ถูกระบุไว้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะยาก ดี มี จนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จึงถือเป็นดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญในประเทศ นอกจากจะเป็นเครื่องวัดความเป็นอยู่ที่ดี จากกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ ทั้งบ้าน ทาวน์เฮาส์ หรือคอนโดมิเนียมแล้ว ประเทศไทยถือเป็นประเทศระดับต้นๆของเอเชียแปซิฟิกที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม และเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ
จึงทำให้มีนักลงทุนรายใหญ่หันมาสนใจลงทุนอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่กันเพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตด้านการท่องเที่ยว อย่างเช่น ที่อยู่อาศัย ซึ่งจะได้ประโยชน์โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม เนื่องจากต่างชาติสามารถซื้อเป็นกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ได้ ซึ่งถือเป็นยา กระตุ้นการลงทุนชั้นดี สร้างงาน สร้างเงิน สร้างรายได้ ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจหมุนเวียน
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนการที่จะดึงประเทศญี่ปุ่นมาร่วมโปรเจครถไฟทางคู่สายใหม่ 3 สาย คือการพัฒนาด้านระบบขนส่งมวลชน (Mass Transit) เชื่อมต่อภาคตะวันตก-ตะวันออก คือ ตาก-มุกดาหาร ระยอง-ทวาย ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้จะส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโตควบคู่กับระบบคมนาคมและการท่องเที่ยว และจะส่งผลให้ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้น
อีกทั้งทำเลที่อยู่ย่านใจกลางเมือง ใกล้แนวการก่อสร้างรถไฟฟ้า ก็มีราคาที่ดินปรับตัวขึ้นสูง และบางพื้นที่มีข้อจำกัดเรื่องขนาดของถนน โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยกลางเมือง ส่งผลให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยในย่านใจกลางเมืองบริเวณเหล่านี้จะมีราคาแพงและเป็นที่อยู่อาศัยในระดับ “ลักชัวรี่” เป็นส่วนใหญ่
ยิ่งไปกว่านั้นรัฐบาลไทยกับจีนยังมีแผนในการก่อสร้างรถไฟกึ่งความเร็วสูงในหลายๆเส้นทางก็จะช่วยกระตุ้นให้มีการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศมากขึ้นให้เกิดการลงทุนและความต้องการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในเชิงพาณิชย์และที่อยู่อาศัยตามหัวเมืองใหญ่ในภูมิภาคเพิ่มเติมอีก
จะเห็นได้ว่าหากรัฐบาลสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวพร้อมทั้งเล็งเห็นความสำคัญของการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะทำให้ประเทศไทยมีระบบทางด้านการค้า การลงทุนอย่างครบวงจร นอกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วควรจะพัฒนาให้เป็นไปในรูปแบบที่ยั่งยืนในอนาคต