หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือธปท.เข้มสินเชื่อจากสาเหตุที่ ปีนี้ตลาด คอนโด ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล โตสูง ทำให้เหล่าดีเวลลอปเปอร์ยังคงเดินหน้าเปิดตัวใหม่อย่างต่อเนื่อง มีการคาดการณ์ว่าจบปีนี้อาจจะเปิดตัวมากถึง 5หมื่นยูนิต สวนทางกับ กำลังซื้อเนื่องจาก ปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่ยังคงเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง
จึงทำให้เหล่า ดีเวลลอปเปอร์ พยามส่งแคมเปญการตลาด มาดึงใจเหล่าลูค้า ไม่ว่าจะเป็น ฟรีดาวน์ ผ่อนต่ำ อยู่ฟรี เป็นต้น ทำให้ ธปท. มีความกังวนที่อนาคตอาจจะเกิดการหนี้เสียตามมาได้ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลหลักที่ ทำให้ ธปท. ต้องรีบหารือธนาคารพาณิชย์ เพื่อออกมาตราการ เข้มในการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะในกลุ่มคอนโดมิเนียม เพื่อสกัดกั้นการเก็งกำไรจากดีมานด์เทียม
กำลังซื้อคนไทยถดถอย ..?
จากในช่วยไตรมาส 3 ตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย. ในปีนี้ ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมลดลงทั้งในแง่ยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 20% สาเหตุมาจาก ภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้เกิดการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในอนาคตอันใกล้นี้ที่อาจจะส่งผละกระทบกับกำลังซื้อกลุ่มผู้ลงทุน และการปล่อยกู้สินเชื่อให้กับผู้บริโภค
รวมไปถึงภาคครัวเรือนที่มีกำลังซื้อน้อยลง โดยเฉพาะกลุ่มราคา 1.5 ล้านบาทยังไม่ฟื้น ที่ส่งผลกระทบชัดเจนกับตลาดล่างที่ส่วนมากธนาคารพาณิชย์จะไม่อนุมัติสินเชื่อ พร้อมมองว่าตลาดคอนโดฯ ปีนี้ จะเติบโตระดับทรงตัว ที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณกว่า 2 แสนล้านบาท
ด้านสัญญาณการซื้อถดถอย นั้นมาจากที่ เอเยนต์ต่างชาติเหมายกอาคารในส่วนโครงการ Low Rise ด้านโครงการ High Rise นักลงทุนก็เหมาตั้งแต่ชั้น 20 ขึ้นไป โดยที่ กำลังซื้อต่างชาติ ยังต้องลุ้นว่า จะมารับโอนหรือไม่ ถึงจะวางดาวน์ 30% สูงกว่าคนไทย ก็ตาม โดยต่างชาติซื้อไปสัดส่วน 49% แต่จะมีโอนทั้งหมดหรือบางส่วน
นั้นยังคงต้องติดตามกันต่อไป จากที่กล่าวมานี้ตลาดคอนโดมิเนียมในระดับราคา 1.5-3 ล้าน มีสัด ส่วน 70% ของตลาดรวม และมีการคาดกันว่าปีนี้มีคอนโดฯขึ้นใหม่ประมาณ 50,000 ยูนิต หลังจบไตรมาสที่ 4
ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการแก้ปัญหา
หากมองดูดีๆนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ดีเนื่องจาก ธปท.ออกมาเตือนเพื่อที่จะหารื่อถึงแนวทางในการแก้ปัญหาแต่เนิ่นๆ เพื่อเป็นประโยชน์โดยรวมต่อตลาด และกลุ่มลูกค้าที่ซื้ออยู่อาศัยจริง เพื่อจได้เตรียมตัวรับมือและหาแนวทางต่อไปในอนาคต นอกจากนี้กรณี การให้ลดวงเงินกู้ต่ำลงกว่า 90% นั้น อาจกระทบแค่กลุ่มลูกค้าที่มีการซื้อเป็นหลังที่ 2 และ 3 เท่านั้น เพราะกลุ่มผู้ซื้อหลังแรก ยังต้องคงไว้ที่ 90% ตามเดิม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ซื้อกลุ่มระดับราคา 1.5-3 ล้าน นอกจากนี้อนาคตเชื่อว่า ตลาดจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลัง ผ่านการเลือกตั้ง ในเดือน กุมภาพันธ์ 2562 ที่คาดว่าการจับจ่ายใช้สอยผ่อนคลายขึ้น ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยได้อานิสงส์ไปด้วยนั้นเอง