DotProperty.co.th

คาดตลาดปี 2564 ยังไปต่อ หลัง10 ผู้พัฒนาอสังหาฯ ลงทุนโครงการใหม่ 2.2 แสนล้าน

อย่างที่ทราบกันดีว่าในปี 2564 นี้ ยังคงเป็นปีที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ ยังคงต้องเจอกับปัจจัยลบต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 และความไม่ชัดเจนเรื่องของการนำเข้าวัคซีนต้านไวรัส รวมไปถึงปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ดูมีทีท่าว่าจะยังไม่ปรับตัวดีขึ้นในเร็ววันนี้ แต่อย่างไรก็ตามทางผู้พัฒนาอสังหาฯ ก็ต้องเลือกที่จะเดินหน้าต่อไป โดย 10 ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายต่าง ๆ ได้ลงทุนในโครงการระลอกใหม่ในปี 2564 นี้ เป็นจำนวนเงินลงทุนกว่า 2.2 แสนล้านบาท จะมีผู้พัฒนาไหนบ้างที่ยอมลงทุนตามมาดูกันค่ะ

มาเริ่มกันที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายแรกอย่างบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) ที่ได้เปิดเผยว่า ปี 2564 วางแผนพัฒนาโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 24 โครงการ มูลค่า 29,800 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์โฮม 9 โครงการ มูลค่า 9,700 ล้านบาท บ้านแฝดนีโอโฮม 5 โครงการ 7,000 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 7 โครงการ 11,000 ล้านบาท และทำเลต่างจังหวัด 3 โครงการ 2,100 ล้านบาท โดยได้ตั้งเป้ารายได้ 16,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 10% และมีเป้าหมายระยะกลาง 3 ปี (2564-2566) เป็น 1 ใน 3 ของผู้นำตลาดอสังหาฯ ในด้านรายได้

ส่วนในด้านแสนสิริ เปิดเผยว่า แผนลงทุนใหม่ปีนี้เตรียมเปิดตัว 24 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท เจาะลูกค้าตลาดกลางและกลุ่มที่กำลังซื้อเอื้อมถึงในฐานตลาดกว้าง หรือ affordable segment โดยให้น้ำหนักสัดส่วนรายได้ลูกค้า affordable 75% ลูกค้ากำลังซื้อระดับกลาง 20%

สำหรับผู้พัฒนาอสังหาฯ รายต่อมา อย่างบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายใต้ยุคโควิดแต่โนเบิลฯ สร้างสถิตินิวไฮในการวางแผนเปิดตัวใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวม 45,100 ล้านบาท โดยโนเบิลฯ พัฒนาเอง 5 โครงการ, ร่วมทุนกับบริษัท ยู ซิตี้ ในเครือบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ 5 โครงการ และร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์ 1 โครงการ

ในขณะที่บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ริชี่ฯ วางแผนเปิดตัวคอนโดฯ ใหม่มูลค่า 9,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ต้องรอประเมินผลกระทบโควิดระลอกใหม่ซึ่งสามารถรีวิวแผนลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยปีนี้มีปัจจัยบวกที่มีวัคซีนทำให้ฟื้นความเชื่อมั่น ซึ่งจะนำไปสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจตามมา

สำหรับบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ได้แถลงแผนลงทุนปี 2564 ภายใต้ธีม “ก้าวไปข้างหน้า เติบโตอย่างผู้นำ” โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา ทางบริษัทได้มีการประกาศแผนเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่า 30,000 ล้านบาท และบริษัทประสบความสำเร็จด้านยอดขายอย่างสูงจากคอนโดฯ และบ้านแนวราบ ดังนั้นในปี 2564 นี้จึงเตรียมลงทุนใหม่ไม่น้อยกว่าปี 2563 ที่ผ่านมา

ในด้านของบริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ “ไอลีฟ” เปิดเผยแผนลงทุนปี 2564 ว่า กานดาฯ ยังคงเน้นการเติบโตอย่างมั่นคงและมีสถานะการเงินที่แข็งแรง ตั้งเป้ายอดขาย 3,300 ล้านบาท เติบโต 10% จากปี 2563 เป้ารายได้ 2,200 ล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับรายได้โอนปี 2563 จำนวน 1,950 ล้านบาท และมีแผนเปิดตัวใหม่ 5 โครงการ เป็นทาวน์โฮม บ้านแฝด และบ้านเดี่ยวแบรนด์ไอลีฟ ไพร์ม เจาะกำลังซื้อ 2-6 ล้านบาท มูลค่ารวม 3,631 ล้านบาท

ปิดท้ายด้วยบริษัท ณวรางค์ แอสเซท จำกัด ที่ได้เปิดเผยว่า ปี 2563 บริษัทได้มีการลงทุนอย่างระมัดระวังเป็นไปตามทิศทางตลาดรวม ขณะที่ปี 2564 มีความพร้อมเต็มที่จึงวางแผนเปิดตัวใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 4,500 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว, คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์และไฮไรส์ โดยเตรียมงบฯ จัดซื้อที่ดินแปลงใหม่ 1,000 ล้านบาท รองรับการพัฒนา 2-3 โครงการในอนาคต

เรียกได้ว่าในปี 2564 นี้ยังคงเป็นปีที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ หลาย ๆ รายยังคงเน้นการลงทุนไปในโครงการที่เหมาะกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยการเลือกลงทุนและเปิดตัวโครงการที่มีราคาที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งแน่นอนว่าทั้งกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยจริงและผู้ที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนก็ล้วนแล้วแต่ยังคงมองวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาส เพราะคาดว่าจะมีปัจจัยบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำและมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนอง ที่จะทำให้การซื้ออสังหาฯ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนนั่นเอง

อ้างอิง
https://www.prachachat.net/property/news-599922