อย่างที่ทราบกันดีว่าความเจริญของกรุงเทพมหานครจะเติบโตตามการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน โดยเฉพาะรถไฟฟ้าและทางด่วน หากที่ใดมีรถไฟฟ้าและทางด่วนไปถึง ที่นั่นก็จะมีราคาที่ดินพุ่งขึ้นตามไปด้วย เพราะความสะดวกสบายได้ขยายไปถึงแล้ว ซึ่งจากสถานการณ์ล่าสุดที่รถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ อยู่ในช่วงกำลังก่อสร้าง และทางด่วนล้วนเชื่อมต่อกันง่ายขึ้น ได้ทำให้ราคาที่ดินในย่านธุรกิจแห่งใหม่อย่าง “จรัญสนิทวงศ์-แจ้งวัฒนะ-ลาดพร้าว 101” พุ่งสูงขึ้นกว่า 10% ต่อปี ในขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยทั้งใหม่และเก่ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาที่ดินที่อย่างต่อเนื่อง
โดยทั้ง 3 ทำเลมีอัตราการเติบโตของราคาที่ดินและที่พักอาศัยแตกต่างกันไปตามองค์ประกอบของแต่ละพื้นที่ ดังนี้
จรัญสนิทวงศ์: คอนโดติดรถไฟฟ้าราคาเพิ่ม 20%
จรัญสนิทวงศ์เป็นพื้นที่มีราคาที่ดินพุ่งและมีแนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียมเป็นหลัก โดยเฉพาะโซนที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้า โดยในปี 2563 ราคาคอนโดในทำเลนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 80,000-120,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งเป็นราคาที่ปรับขึ้นจากปี 2560 อยู่ 20% และราคามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (Capital Gain) จากการซื้อมาและขายไปเฉลี่ยอยู่ที่ 8% ต่อปี เป็นผลจากการขยายของเมืองตามแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและความต้องการเช่าที่พักอาศัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
จุดขายของทำเลนี้คือ หากเป็นบุคลากรทางการแพทย์จะช่วยให้มีที่พักใกล้แหล่งทำงาน หากเป็นบุคคลทั่วไปก็จะได้ใกล้ชิดกับการรักษาพยาบาลมากขึ้น เพราะอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลธนบุรี และโรงพยาบาลยันฮี
- ปัจจุบันมีจำนวนอาคารชุดเหลือขายจำนวน 965 หน่วย ราคาขายเฉลี่ย 89,700 บาท/ตารางเมตร หรือประมาณ 2.8 ล้านบาท/หน่วย มีอัตราการขายเฉลี่ย 5% ต่อเดือน
- ราคาเช่าห้องขนาด 30-35 ตร.ม.เฉลี่ยอยู่ที่ 10,000 บาท/เดือน ส่วนห้องประเภทสตูดิโอ (ห้องพื้นที่จำกัดและเปิดโล่ง) เฉลี่ยที่ 6,000 – 8,500 บาท/เดือน
- มีอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Rental Yield) 5% ต่อปี
แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด: แหล่งโครงการใหม่กว่า 100%
พื้นที่แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร ตลอดจนปากเกร็ด จ.นนทบุรี เป็นหนึ่งในพื้นที่ธุรกิจใหม่ที่มีอัตราการเติบโตของโครงการที่พักอาศัยใหม่สูงถึง 100% – 250% ต่อปี ทั้งโครงการบ้านทาวน์โฮมในราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท จนถึงบ้านเดี่ยวราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป โดยมีอุปทานสะสมอยู่ที่ 10,325 หน่วย คิดเป็นบ้านพักอาศัย 15% และ คอนโดมิเนียม 85% สาเหตุจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีชมพูจึงทำให้คนต้องการที่อยู่อาศัยมากขึ้น ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่รถไฟฟ้าเปิดให้บริการ จะทำให้ผู้พักอาศัยในย่านนี้เข้าถึงความสะดวกสบายแบบครบครัน เพราะเป็นทำเลศักยภาพที่อยู่ใกล้แหล่งทำงาน สถานศึกษา ห้างสรรพสินค้า และสถานที่สำคัญของรัฐบาลและเอกชนอีกมากมาย
- ราคาประเมินที่ดินสูงขึ้นเฉลี่ย 12.5% ต่อปี ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15 – 20% ต่อปี
- มีอัตราการขายบ้านพักอาศัยอยู่ที่ 3.1% ต่อเดือน และอัตราการขายคอนโดมิเนียม 5% ต่อเดือน
- ตลาดบ้านพักอาศัยมือสอง มีอัตราผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ 7 – 8% ต่อปี และมีราคาให้เช่าอยู่ที่ 28,000 – 35,000 บาท
ลาดพร้าว 101-โพธิ์แก้ว: รถไฟฟ้า 4 สาย ฉุดราคาที่ดินพุ่ง
ทำเลธุรกิจส่วนใหญ่มักจะมีรถไฟฟ้าไปถึงเพียง 1 – 2 สาย แต่พื้นที่ย่านลาดพร้าว 101 – โพธิ์แก้ว มีรถไฟฟ้าล้อมรอบถึง 4 สายด้วยกัน คือ สายสีเหลือง สีส้ม สีเทา และสีน้ำตาล ซึ่งสายสีเหลืองและสีส้มกำลังก่อสร้างและจะเปิดใช้งานภายในปี 2565 และปี 2567 ตามลำดับ ส่วนที่เหลือจะดำเนินการก่อสร้างในลำดับต่อไป ทำให้ที่ดินลาดพร้าวมีราคาที่ดินพุ่งสูงขึ้นและน่าจับตามองเป็นพิเศษ เพราะเดินทางสะดวกสบายมากกว่าแหล่งธุรกิจอื่น รวมทั้งมีโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบราคาสูงอยู่มากมาย
- บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดเปิดขายใหม่อยู่ 7 โครงการ ราคาขาย 10 ล้านบาทต่อหน่วยขึ้นไป มีหน่วยเหลือขาย 16% ของหน่วยที่เปิดขายอยู่ทั้งหมด โดยมีอัตราการขายเฉลี่ย 2% ต่อเดือน
- บ้านทาวน์โฮมเปิดขายใหม่จำนวน 7 โครงการ มีหน่วยเหลือขาย 22% โดยราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่ 3 – 5 ล้านบาท, 5 – 10 ล้านบาท และมากกว่า 10 ล้านบาท โดยมีอัตราการขายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 7% 3% และ 4% ตามลำดับ
- ตลาดบ้านพักอาศัยมือสองมีราคาขายเริ่มต้น 8 ล้านบาท ส่วนทาวน์โฮม 2 ชั้น ราคาขายเริ่มต้นที่ 2 ล้านบาท ทาวน์โฮม 3 ชั้น เริ่มต้นต่ำสุดที่ 3.70 ล้านบาท และสูงสุดถึง 6.50 ล้านบาท
- อัตราค่าเช่าเริ่มต้นสำหรับบ้านเดี่ยว คือ 35,000 – 120,000 บาท/เดือน ส่วนทาวน์โฮม 2 ชั้น ค่าเช่าเริ่มต้น 18,000 – 45,000 บาท/เดือน ซึ่งอัตราค่าเช่าใกล้เคียงกับอัตราการผ่อนชำระในกรณีซื้อเอง ทำให้โครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่จะคุ้มค่ากว่า
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่บ่งบอกถึงราคาที่ดินพุ่งในข้างต้น ไม่ได้แปลว่าที่ดินลาดพร้าว 101 – โพธิ์แก้วจะทำให้อสังหาฯ แนวราบเติบโตเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสให้อสังหาฯ แนวดิ่งได้เติบโตเพิ่มขึ้นด้วย เพราะร่างผังเมืองใหม่ที่จะประกาศใช้ในเร็ว ๆ นี้ ได้เตรียมปรับการใช้ประโยชน์ในทำเลดังกล่าว จากพื้นที่สีเหลืองเป็นพื้นที่สีส้ม คือ ประเภทพื้นที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง จึงทำให้สามารถพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมขนาดน้อยกว่า 10,000 ตารางเมตร หรือพื้นที่มากกว่า 10,000 ตารางเมตรได้เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ข้อมูลจากลุมพินี วิสดอม ยังเปิดเผยอีกว่า บรรดาดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ต่างมีที่ดินผืนใหญ่รอพัฒนาในบริเวณรอบ ๆ ย่านนี้อีกจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ราคาที่ดินลาดพร้าวมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นอีก จากปัจจุบันราคาซื้อขายที่ดินต่ำสุดอยู่ที่ราคา 50,000 บาท/ตารางวา ซึ่งเป็นที่ดินบริเวณกลางซอยลาดพร้าว 101 และราคาสูงสุดอยู่ที่ 130,000 บาท/ตารางวา ในบริเวณใกล้ถนนประเสริฐมนูญกิจหรือถนนลาดพร้าว
……….
ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/938393