ด้วยสภาพเศรษฐกิจในทุกวันนี้ มันคงยากที่จะหลีกหนีความอัตคัดขัดสน ปัญหาที่ต้องแก้ไข และเรื่องราวอีกมากมายหลายอย่างที่ส่งผลกระทบกับปากท้องและความสมบูรณ์พูนสุขของชีวิตกันอยู่ไม่น้อย แต่ในทางหนึ่ง ความจำเป็นทางด้านปัจจัยสี่เช่นบ้านและที่อยู่อาศัยก็เป็นสิ่งที่ยากจะเลี่ยง เมื่อประกอบกับนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาฯ ในช่วงที่ผ่านมาด้วยแล้วนั้น หลายท่านก็คงจะเห็นว่าเป็นจังหวะที่ดีที่จะเริ่มก้าวเข้าสู่จังหวะถัดไป และเริ่มดำเนินการขออนุมัติสินเชื่อไปในทันที
แต่ถ้าความไม่แน่นอนคือสัจธรรมอันสูงสุดของชีวิต (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สภาพเศรษฐกิจเช่นนี้…) ถ้าหากใครที่กำลังมีภาระที่ต้องจ่ายสินเชื่อ แล้วเกิดประสบพบเจอกับ ‘การตกงาน’ โดยไม่คาดฝันแล้วนั้น ขอให้หายใจเข้าลึกๆ แล้วลองมาตรองดูหนทางดังต่อไปนี้ ว่าเผื่อจะช่วยผ่อนผันจากหนักให้กลายเป็นเบา จนเข้าสู่สภาวะที่สามารถ ‘รับมือได้’ ไม่มากก็น้อย
//ติดต่อธนาคารเจ้าของสินเชื่อ
ก่อนที่คุณจะเริ่มรู้สึกสยองขวัญกับเหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้น ขอให้เชิดหน้า แล้วไปติดต่อกับธนาคารพาณิชย์ที่คุณทำการขออนุมัติสินเชื่อก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อแจ้งสถานการณ์ให้ทราบ และขอผ่อนผันหนี้ด้วยหนทางต่างๆ ที่ทางธนาคารได้เสนอขึ้น ไม่ว่าจะด้วยการรีไฟแนนซ์ปรับโครงสร้างหนี้ให้อยู่ในระดับที่ง่ายขึ้น หรือขอพักชำระเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งถ้าคุณมีเครดิตที่ดีมาโดยตลอด เชื่อว่าทางธนาคารย่อมเข้าใจ และพร้อมที่จะช่วยเหลือในประเด็นดังกล่าว หรืออย่างเลวร้ายที่สุดคือ สิ่งของบางอย่างที่อาจจะมีความจำเป็น ‘น้อยลงมา’ ก็อาจจะต้องหักใจยอมโดนยึดไปเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายไปเลย
//ดำเนินการกับกองทุนประกันสังคม
โดยมาตรฐานปกติในปัจจุบันนั้น เงินเดือนส่วนหนึ่งของพนักงาน จะถูกหักเข้าสมทบกับประกันสังคมไปแล้วส่วนหนึ่ง ซึ่งในสถานการณ์ที่ต้องออกจากงานกลางคัน และมีภาระหนี้ที่ต้องผ่อนชำระอยู่นั้น เงินสมทบสำหรับผู้ว่างงานเป็นจำนวนสูงสุดไม่เกิน 15000 บาท ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน ก็ช่วยให้การขยับในย่างก้าวถัดไป ไม่ฝืดเคืองหรือทรมานจนเกินไปนัก
//จัดการเรื่องรายรับรายจ่ายเสียใหม่
หลังจากหายใจอย่างโล่งคอไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว มันถึงเวลาที่คุณเองจะต้องลงมือ ‘ผ่าตัด’ รายรับรายจ่ายเดิมให้สอดคล้องรับกับสภาวการณ์ใหม่ ในที่นี้ หมายรวมถึงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในตัว จำนวนหนี้สินที่อาจจะตกสำรวจ หรือรายจ่ายที่เคยคิดว่าเล็กน้อยในยามที่ยังมีงานทำ ถ้ามันกีดขวางภาระใหญ่คือการผ่อนชำระบ้านและที่อยู่อาศัย มันก็สมควรแก่เวลาที่คุณควรจะต้องกำจัดมันออกไปจากชีวิตเสียก่อน (ไม่ว่าจะถาวร หรือเป็นการชั่วคราวก็ตาม)
//หาทางสร้างรายได้เพิ่มเติม
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ขอให้พึงระลึกไว้เสมอว่า หนี้ผ่อนบ้านและที่อยู่อาศัย คือ Fixed Cost ที่คุณไม่สามารถตัดมันออกไปได้ (ก็แน่ล่ะ ถ้าตัดออกไป แล้วจะเอาที่ไหนมาอยู่อาศัยล่ะ…) เช่นนั้น การหาทางสร้างรายได้เพื่อชดเชยส่วนขาด ไม่ว่าจะงานใหม่ หรือรายได้เสริมจากกิจกรรมต่างๆ ถือได้ว่าเป็นความจำเป็น และอาจจะต้องถือว่าจำเป็นลำดับต้นๆ เพราะหนี้ผ่อนบ้านนั้น มันอาจจะพอพักได้ แต่คงไม่สามารถให้มันหยุดนิ่งได้ตลอดกาลเป็นแน่
มาถึงตรงนี้ แม้สภาพการตกงานจะเป็น Extreme Scenario ระดับสาหัส แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ และถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องประสบปัญหานี้เข้ากับตนเอง ขอให้จำไว้ว่า ไม่ใช่ความผิดของคุณ ขออย่าได้ตีอกชกตัว และเริ่มมองหาหนทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพราะนี่ คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่จะวัดความแข็งแกร่งทางจิตใจ และเพิ่มคุณค่าของสิ่งที่ได้มา เช่นบ้านและอสังหาฯ ถ้าคุณ….สามารถฝ่าฟันมันไปได้ตลอดรอดฝั่ง