วันนี้เรามี ประสบการณ์ ซื้อคอนโด ครั้งแรกมา แชร์เป็นความรู้ จากคุณ สมาชิกหมายเลข 2507733 โดย แต่ละเดือน ผ่อนเท่าค่าหอเท่านั้น โดยไอเดียจะเป็นอย่างไรนั้น เดี๋ยวเราไปชมกันเลยคะ
รีวิว ซื้อคอนโด ครั้งแรกแบบไม่เกินตัว ผ่อนเท่าค่าหอ จ่ายแค่เงินจอง แถมได้เงินคืนเอาไว้ตกแต่งห้อง BY คุณ สมาชิกหมายเลข 2507733
สวัสดีครับ กระทู้นี้ผมจะมาเล่าถึงประสบการณ์การซื้อคอนโดครั้งแรกของผมตั้งแต่เริ่มมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์กับตัวเองมากที่สุดจนกระทั่งถึงการรับโอนห้องมาเป็นของตัวเองครับ
ผมเป็นคนเชียงใหม่ครับ ที่พอเรียนจบก็มาทำงานที่กรุงเทพได้ประมาณสองปี ซึ่งสองปีที่ผ่านมาก็เช่าหออยู่มาตลอด ความอยากซื้อคอนโดมันเริ่มจากการที่นั่งมองใบเสร็จค่าหอแล้วรู้สึกเสียดายกับจำนวนเงินที่เราได้จ่ายไป หลายคนเคยบอกนะครับว่าเช่าหอที่ว่าแพงยังไงก็ถูกกว่าซื้อคอนโด เพราะอยู่คอนโดจะมีค่ายใช้จ่ายพพวกค่าส่วนกลางต่างๆเพิ่มเข้ามา แต่ผมเชื่อว่าคนที่เช่าหอหลายๆคนจะคิดเหมือนผมคือ อย่างน้อยเราก็จ่ายเงินให้กับอะไรที่เป็นของเราเอง
PART I เลือกคอนโด
เริ่มจากการเลือกคอนโดครับ สำหรับโจทย์ในการมองหาคอนโดของผมคือ
- โครงการต้องพร้อมอยู่เลยเพราะไม่อยากจ่ายค่าหอแล้ว 555
- ต้องอยู่ในพื้นที่ที่เดินทางสะดวก มีรถไฟฟ้าตัดผ่าน อาจจะไม่ต้องติดรถไฟฟ้าเลย แต่ต้องไม่ไกลเกินไป
- ราคาคอนโดที่พอตีเป็นราคาผ่อนแล้วราคาๆพอๆกับค่าหอที่ผมจ่ายอยู่
- ตัวโครงการต้องมีส่วนช่วยในการยื่นกู้เกิน เพื่อที่ผมจะได้เอาส่วนต่างมาหักกับเงินค่าจอง ค่าทำสัญญา และค่าใช้จ่ายต่างๆวันโอน รวมถึงมีเงินเหลือไปใช้ในการซื้อเฟอร์นิเจอร์
ผมได้ไปดูคอนโดมาทั้งหมด 5 โครงการครับ ใจจริงอยากไปดูให้เยอะกว่านี้ครับ แต่การไปดูโครงการแต่ละที่ใช้ก็ใช้เวลาไปครึ่งค่อนวันแล้ว ตอนแรกคิดว่าแค่ไปดูเฉยๆแปปเดียวก็เสร็จ แต่พอเอาเข้าจริงคือนานแล้วก็เหนื่อยมาก ส่วนรายละเอียดของคอนโดผมจะแจงเป็นที่ๆตามข้างล่างเลยครับ
- คอนโดย่านลาดกระบัง ราคาไม่ถึงหนึ่งล้าน ขนาดห้องประมาณ 22 ตรม.
ตอนไปดูห้องคือไม่ชอบเลย ห้องเล็ก ได้ห้องเปล่าไม่มีเฟอร์นิเจอร์ แต่ว่าคอนโดช่วยยื่นกู้เกินให้อีกหนึ่งแสนกว่าบาท ซึ่งโครงการจะหักค่าใช้จ่ายวันโอนไปแล้วค่อยคืนส่วนต่างให้เรา ส่วนเรื่องทำเลคืออยู่ใกล้รถไฟฟ้ามาก
- คอนโดย่านโชคชัยสี่ ราคา 1.6x ล้าน ขนาดห้องประมาณ 25 ตรม.
โครงการนี้มีดีที่ของกินเยอะครับ การเดินทางอาจจะไม่ค่อยสะดวกเพราะกำลังสร้างรถไฟฟ้าสายใหม่อยู่ เฟอร์นิเจอร์ให้ครบเลยยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้า โครงการช่วยกู้เกินให้เหมือนกันครับประมาณสองแสนบาท มีโปรโมชั่นปีแรกผ่อนถูกกับธนาคารสีเขียว ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนทั้งหมด จ่ายเงินจองแค่หนึ่งพันแล้วยื่นเอกสาร ถ้าอนุมัติก็เข้าอยู่ได้เลยครับ
- คอนโดย่านลาซาล ราคา 1.8x ล้าน ขนาดห้องประมาณ 25 ตรม.
โครงการนี้คือชอบมากที่สุดเลย คนไม่พลุกพล่านแต่ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยว บรรยาการคอนโดดี เงียบสงบ ตกแต่งสวย เซลล์พูดจาดีที่สุดตั้งแต่ไปดูมาทุกโครงการ เฟอร์นิเจอร์มีครบทุกอย่างรวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า มีโปรโมชั่นปีแรกผ่อนถูกกับธนาคาสีม่วง มีส่วนลดเป็นเงินคืนให้ประมาณห้าหมื่นบาท ฟรีค่าโอน ฟรีค่าส่วนกลาง 1 ปี แต่ค่าจดจำนองต้องออกเอง
- คอนโดย่านแบริ่ง ราคา 1.5x ล้าน ขนาดห้องประมาณ 22 ตรม.
ตัวเฟสหนึ่งที่สร้างเสร็จแล้ว ได้ห้องเปล่า ราคา 1.5 ล้าน ไม่มีโปรโมชั่นใดๆทั้งสิ้น ไม่มีช่วยกู้เกิน ไม่ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน ส่วนตัวเฟสที่ยังสร้างไม่เสร็จมีโปรโมชั่นทุกอย่างรวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ด้วย ราคาแค่ 1 ล้านถ้วน ถ้าคนไม่รีบซื้อตัวเฟสสองน่าจะคุ้มกว่า ส่วนตัวผมที่ต้องการเข้าอยู่ทันเลยขอผ่านโครงการนี้ไปครับ
- คอนโดแบริ่ง ราคา 1.6x ล้าน ขนาดห้องประมาณ 25 ตรม.
โครงการนี้มียูนิตน้อง ทำให้ตึกดูเล็กๆน่าอึดอัด แต่โปรโมชั่นโอเคเลย เฟอร์นิเจอร์ครบรวมเครื่องใช้ไฟฟ้า ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน ไม่มีกู้เกินให้ แต่ไม่ค่อยชอบทำเลเท่าไฟร่ ใกล้รถไฟฟ้าก็จริง แต่ตัวโครงการติดกับหอพักที่อยู่รอบข้างเกินไป แบบเปิดประตูระเบียงห้องก็เจอระเบียงห้องของหอข้างๆ ระยะห่างเหมือนจะปีนไปหากันได้เลย ก็เลยเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ตัดไป
หลังจากไปดูมาครบทุกโครงการแล้วก็ลองคิดทบทวนอยู่หลายวัน ต้องคิดถึงค่าใช้จ่ายในอนาคตด้วย บางที่ฟรีค่าส่วนกลางปีแรกก็จริง แต่หลังจากนั้นที่ต้องจ่ายเองก็ถือว่าค่อนข้างแพง สุดท้ายก็เลยตัดสินใจเลือกโครงการแรกที่ไปดูเลย ตรงลาดกระบังที่ราคาไม่ถึงล้าน ถึงตัวห้องจะไม่ถูกใจเลย แต่ถ้ามองระยะยาวก็อาจจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะตัวโครงการอยู่ใกล้นิคมและสนามบินสุวรรณภูมิ อีกหน่อยถ้าผมอยากจะซื้อบ้านเป็นจองตัวเองหรือจะย้ายกลับไปอยู่เชียงใหม่เหมือนเดิม ผมก็น่าจะปล่อยห้องให้คนเช่าได้ไม่ยาก ราคาห้องก็ไม่สูงมากด้วย พอตีเป็นราคาผ่อนต่อเดือนก็ไม่สูงมาก ถูกกว่าค่าหอผมที่ต้องจ่ายต่อเดือนอีก ตัวห้องถึงจะเป็นห้องเปล่า แต่อย่างน้อยก็ได้เงินคืนมาไว้ใช้ซื้อเฟอร์นิเจอร์ อีกทั้งตัวโครงการก็อยู่ระแวกเดียวกับที่ผมเช่าหออยู่ด้วย ซึ่งผมก็พอใจที่จะอยู่แถวนี้ครับ
PART II การยื่นกู้
หลังจากตัดสินใจแล้วก็เดินหน้ายื่นเอกสารครับ ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เข้าจองจนถึงรับห้องใช้เวลาปะมาณ 1 เดือนครับ
24/02/2018
ยื่นเอกสารให้กับโครงการเพื่อทำ pre approve ครับ ข้อดีอีกข้อของโครงการก็คือ ให้ยื่นเอกสารก่อนครับ ถ้า pre approve ผ่านค่อยจ่ายเงินจองพร้อมกับเลือกห้องครับ เอกสารที่ใช้ก็แค่ สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียบ้าน สลิปเงินเดือนย้อยหลัง 3 เดือน สเตทเม้นท์ย้อนหลัง 6 เดือนครับ ตอนนั้นโครงการให้ยื่นแค่ธนาคารเดียวครับ แต่ผมต่อรองขอยื่นสองธนาคาร ผมไม่มีหลักการในการเลือกธนาคารหรอกนะครับ ตอนโครงการถามว่าจะยื่นธนาคารไหนดี ผมเห็นเซลล์กำลังหยิบใบสมัครของ ธนชาต กับ ธอส. มาให้พอดี ก็เลยเลือกสองธนาคารนี้ครับ
04/05/2018
หลังจากรอมาเป็นอาทิตย์ในที่สุดธนาคารก็โทรมา ช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่รอคือเครียดมากครับ นอนไม่ค่อยหลับเลย ผมว่าหลายคนน่าจะเคยเป็น ธนาคารแรกที่โทรมาคือธนชาตครับ ธนาคารโทรมาก็ไม่ได้พูดอะไรมากครับ บอกว่าอนุมัติวงเงินเกินมาให้ประมาณสองแสนห้าครับ ดอกเบี้ยเฉลี่ยสามปีแรก 3.33 แล้วก็บอกให้เข้าไปทำสัญญาซื้อขายกับโครงการครับ ไม่ได้ขอเอกสารอะไรเพิ่มเติมครับ
05/05/2018
วันนี้ก็ได้เข้ามาเลือกห้องพร้อมจ่ายเงินจองห้าพันครับ แล้วก็เซ็นสัญญาซื้อขายกับทางโครงการ วันนั้นทางโครงการได้แจ้งว่ามีการจัดโปรโมชั่นใหม่ โดยการเอาห้องที่เคยมีคนอยู่มาแล้วมาขายใหม่ในราคาที่ถูกลง โดยให้สิทธิคนที่ทำ pre approve ผ่านแล้วได้จองก่อน หรือเลือกห้องใหม่แต่ให้ส่วนลดเพิ่มอีกสามหมื่นแทนโดย มีเงื่อนไขต้องโอนห้องภายในสิ้นเดือน ผมอยากได้ห้องใหม่ก็เลยเลือกส่วนลดเพิ่มไปครับ
09/05/2018
ธอส. โทรมาบอกผล pre approve ครับ อนุมัติวงเงินให้เกินมาแสนกว่าบาทครับ ไม่ได้บอกรายละเอียดดอกเบี้ยครับ แต่ในตอนนั้นผมก็เลือกธนชาตไปแล้ว
11/05/2018
ธนาคารธนชาตโทรมาคอนเฟริมวงเงินครับ ผมเลือกรับวงเงินที่อนุมัติให้ทั้งหมดครับ เดี๋ยวพอหักค่าใช้จ่ายวันโอนกับซื้อเฟอร์นิเจอร์แล้วค่อยเอาส่วนที่เหลือจ่ายคืนไปครับ รวมถึงตัวประกัน MRTA ตอนแรกผมไม่ขอทำประกันครับแต่ธนาคารก็พยายามพูดจาโน้มน้าวต่างๆนาๆ จนสุดท้ายพูดเหมือนกึ่งบังคับว่าถ้าไม่ทำจะไม่อนุมัติวงเงินเท่านี้ ผมก็เลยจำใจตกลงไป คิดว่าพอผ่านสามปีค่อยรีไฟแนนซ์แล้วขอเวนคืนประกันเอา แต่ก็ต่อรองจ่ายเบี้ยประกันแค่ 25 ปี จากเดิม 30 ปีครับ แล้วธนาคารก็ให้ไปเปิดบัญชีเพื่อเอาไว้หักเงินผ่านบัญชีด้วยครับ
13/05/2018
เข้าไปเซ็นหนังสือมอบอำนาจที่โครงการครับ คือเซ็นมอบอำนาจให้ทางโครงการกับธนาคารไปจัดการเรื่องโอนที่กรมที่ดินให้แทนครับ ตรงนี้ใครอยากจะไปพร้อมกับธนาคารหรือรอห้องเรียบร้อยก่อนค่อยไปโอนก็ได้ครับ แต่ผมให้ทางโครงการกับธนาคารจัดการไปเลยครับเพราะไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ ส่วนเรื่องห้องเดี๋ยวค่อยตามแก้ทีหลังครับ ตอนเย็นวันเดียวกันพนักงานธนาคารก็เอาสัญญามาให้เซ็นถึงที่หอเลยครับ สัญญาที่ต้องเซ็นมีเยอะมาก เซ็นจนมือหงิกกันไปเลย แต่ตอนเซ็นก็พยายามอ่านตัวสัญญาไปด้วยครับ เผื่อธนาคารตุกติกอะไรเรา ตอนเซ็นสัญญาจะมีค่าใช้จ่ายพวกค่าอาการแสตมป์สัญญากู้กับตัวประกันอัคคีภัย 7 ปี รวมกันแล้วอยู่ที่ประมาณสามพันกว่าบาทครับ
15/05/2018
นัดตรวจห้องกับทางโครงการไว้วันนี้ครับ ตรวจห้องผมใช้ช่างที่โครงการนี่แหละครับเป็นคนตรวจ ไม่ได้ไปจ้างวิศวกรข้างนอกมาตรวจให้ พอไปถึงโครงการเซลล์บอกว่าวันนี้เป็นวันหยุดช่าง ผมก็งงว่าแบบเซลล์รู้ว่าวันนี้ช่างหยุดแล้วจะนัดเราให้มาวันนี้ทำไม ก็ถามย้ำแล้วนะว่าโครงการเป็นคนนัดให้มาวันนี้นะ แต่เซลล์ก็ยืนยันว่าวันนี้ไม่มีช่างอยู่ อยากจะโวยวายเหมือนกันนะ แต่ก็รู้ว่าโวยวายไปก็ไม่มีใครตรวจห้องให้อยู่ดี เลยตัดสินใจกกลับก็ได้วะ แล้วนัดใหม่เป็นวันพรุ่งนี้
16/05/2018
ตรวจห้องครั้งแรก ช่างก็ตรวจของเค้านู่นนี่นั่น สำหรับตัวผมไม่ได้ติดใจอะไรกับตัวห้องมากครับ ผมว่ามันโอเคแล้ว แค่น้ำไฟใช้ได้ ไม่มีรอยร้าว น้ำไม่ซึม แต่ช่างโครงการขอแก้พวกสีที่เป็นรอยด่างกับอย่างอื่นเพิ่มนิดหน่อย ผมก็ให้เค้าแก้ไปแล้วนัดตรวจใหม่อาทิตย์หน้าครับ ส่วนทางโครงการก็นัดมารับเอกสารการโอนกับกุญแจห้องอีกสองวันครับ แต่ผมขอมารับพร้อมกันที่เดียวตอนตรวจห้องอาทิตย์หน้าเลย
23/05/2018
ตรวจห้องครั้งสุดท้ายทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ ทางโครงการก็ให้เอกสารหลังการโอนทั้งหมด พวกสัญญาซื้อขาย โฉนด ทะเบียนบ้าน กุญแจห้อง กุญแจห้อง คีย์การ์ด รวมถึงเช็คส่วนต่างครับ เป็นอันถือว่าเสร็จสิ้นแล้วครับ
สำหรับการซื้อคอนโดครั้งนี้บอกได้เลยว่าเหนื่อยมากเพราะต้องเข้าไปคอนโดค่อนข้างบ่อย เวลาเข้าโครงการแต่ละทีก็ใช้เวลาในการคุยกับเซลล์ค่อนข้างนานครับ ตลอดเวลาหนึ่งเดือนผมเครียดมากเลยครับ ตั้งแต่ต้องคิดว่าจะเลือกคอนโดไหนดี คอนโดอยู่ไปแล้วจะมีข้อเสียอะไรบ้างมั้ย คุ้มมั้ยกับการต้องเป็นหนี้ก้อนแรก จนถึงตอนรับห้องแล้วก็ยังต้องเครียดกับเรื่องเฟอร์นิเจอร์ครับ ว่าจะแต่งห้องอย่างไรให้น่าอยู่แล้วงบจะไม่บานปลาย แต่ผมก็คิดว่าผมตัดสินใจไม่ผิดนะครับที่ผมซื้อคอนโดครั้งนี้ มันเหมือนเป็นการทำให้เราก้าวไปเป็นผู้ใหญ่อีกขั้นนึง
สุดท้ายผมก็หวังว่ากระทู้จะเป็นประโยชน์กับคนที่เข้ามาอ่านนะครับ ถ้ามีโอกาสจะมารีวิวแต่งห้องอีกทีนึงครับ ขอยคุณมากครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก คุณ สมาชิกหมายเลข 2507733