DotProperty.co.th

แชร์ข้อมูลก่อนซื้อคอนโด ถ้าอยู่ไปนานๆ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

สวสดีค่ะวันนี้เรากลับมาพบกันอีกครั้งนะคะ โดยวันนี้เรามีข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับใครที่กำลังลังเลเกี่ยวกับการ ซื้อคอนโด ว่าเมื่อเวลาผ่านไปหลายๆปีแล้วคอนโดจะมีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยขนาดไหน โดยข้อมูลในครั้งนี้เป็นของคุณ Six_Degree ที่ได้มาแชร์ ประสบการณ์ให้เราได้อ่านกันค่ะ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปชมกันเลยค่ะ

 

[CR] ซื้อคอนโด มา 9 ปีแล้ว…มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง By Six_Degree

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ชาวชายคา วันนี้อยากจะมาแชร์ข้อมูลให้กับคนที่กำลังตัดสินใจอยากซื้อคอนโดว่าถ้าอยู่ไปนานๆ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

เราซื้อคอนโดลุมพินีวิลล์ ประชาชื่น-พงษ์เพชร โครงการ 1 เมื่อปี 2552 ราคา 1.24 ล้านบาท ขนาด 33.5 ตรม. คอนโดมีทั้งหมด 19 ชั้น แบ่งเป็น 2 ตึก ชั้น 1- 4 เป็นที่จอดรถ เราซื้อห้องมุมและซื้อตั้งแต่ยังเป็นพื้นที่เปล่า ก่อสร้างประมาณ 2-3  ปีจึงเสร็จเป็นคอนโด เหตุผลที่ซื้อเพราะอยากมีอสังหาริมทรัพย์เป็นของตัวเองและอยากมีพื้นที่ส่วนตัวไว้พักผ่อน

จริงๆ แล้วอยู่บ้านพ่อและแม่ คอนโดแห่งนี้จะเอามาอยู่วันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น จนเมื่อปีที่แล้วรู้สึกว่าข้างบ้านมีเสียงรบกวน และเราก็ทำงานกลับบ้านดึก ไม่อยากให้พ่อแม่ต้องรอเปิดบ้านให้เลยย้ายมาอยู่อย่างถาวร ต่อไปนี้จะรีวิวเป็นข้อๆ เลยแล้วกันนะคะ

การตกแต่ง

พอจะรู้ว่ามีคอนโดเป็นของตัวเอง ก็ต้องจินตนาการก่อนว่าอยากจะตกแต่งห้องสไตล์ไหน เราใช้วิธีการเปิดหารูปภาพในนิตยสารแต่งบ้าน (9 ปีที่แล้ว facebook ยังไม่แพร่หลาย IG และ pinterest คือไรไม่รู้จัก) เราค้นพบว่าเราชอบสไตล์ English Cottage เลยใช้เป็นไอเดียในการออกแบบ ปรากฏว่าได้เฉพาะสีขาวและของตกแต่งบ้านเล็กๆ น้อยที่บ่งบอกว่า English Cottage ถ้าจะให้นิยามใหม่คงเป็น Cozy Living มากกว่า เฟอร์นิเจอร์รวมๆ แล้วมาจาก Koncept, Index และ IKEA

พื้นที่นั่งเล่นเดิมและปัจจุบันยังคงใช้โซฟาและม่านเหมือนเดิม เปลี่ยนโต๊ะกลาง พรม และเพิ่มโคมไฟตั้งพื้นใหม่ ตรงนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ของห้องเราเลยก็ได้ เพราะใช้ทั้งอ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ และนั่งทานข้าวตรงนี้เลย การใช้พรมทำให้เราสามารถกำหนดพื้นที่ขนาดเล็กๆ ได้ว่าตรงนี้เป็นพื้นที่นั่งเล่นนะ

โต๊ะทำงานยังคงเป็นตัวเดิมแต่เพิ่มเติมเรื่องการการใส่ของตกแต่งไปไว้ไม่ให้น่าเบื่อ ข้างบนเป็นหิ้งพระเล็กๆ เราใช้โคมไฟเป็นตัวเชื่อมระหว่างพื้นที่นั่งเล่นและส่วนทำงาน เวลาต้องทำงานก็ใช้โคมไฟนี้แหละมาช่วยเป็นแสงไฟส่องไปยังโต๊ะทำงาน

เราเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก แต่ด้วยลักษณะของคอนโดทำให้เก็บของได้ไม่เยอะ เราใช้วิธีอะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป นิตยสารที่ซื้อมากก็ตัดใจทิ้งเป็นตั้งๆ ส่วนหนังสือก็เอามาเก็บไว้ในบ้านพ่อแม่บ้าง ไม่งั้นห้องนี้คงเต็มไปด้วยหนังสือแน่ๆิ

ห้องน้ำมีส่วนแห้งและส่วนเปียกถึงวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง…

บริเวณครัว เนื่องจากเราไม่ได้ทำอาหาร เน้นหาเช้ากินค่ำมากกว่า 555 คือจะซื้ออาหารมาทานแล้วทานแต่ละวัน บริเวณนี้เลยยังไม่มีแม่แต่เตาไฟฟ้า ยังดีที่เตาไมโครเวฟ (ที่ได้มาจากการจับฉลากได้) และตู้เย็น (ที่เพื่อนเลิฟบริจาคให้)

ห้องนอน ยังคงเป็นเตียง ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเดิมตั้งแต่แรก เมื่อก่อนเราชอบ wall sticker นี้มากแต่ตอนนี้เกลียดมากกก กำลังคิดอยู่ว่าจะเปลี่ยนใหม่เป็นวอลล์เปเปอร์ สิ่งที่คิดผิดไปคือการใช้ม่าน มันควรจะกันแสงมากกว่านี้  แต่ม่านประเภทนี้มันไม่กันแสงรเลย ตอนสายแสงก็แยงตา ตอนนี้แก้ไขโดยเอาบอร์ดสีดำมากั้นก่อน

เมื่อปีที่แล้ว กลางดึกกลับมาห้องแล้วพบว่า น้ำนองห้องนอนจ้าาา ตึกเมื่อสร้างเป็นเวลาอันสมควรก็จะเกิดรอยเลื่อนของแผ่นผนังสำเร็จรูปตามมุม ตอนแรกโทรไปที่นิติส่วนกลาง ผู้จัดการนิติส่วนกลางบอกว่าให้ทำใจ ต้องซ่อมเอง ดูเหมือนไม่มีใครช่วยเหลือเราเลย จนเปลี่ยนผู้จัดการใหม่ พร้อมๆ กับห้องอื่นๆ ที่มีปัญหาเหมือนเรา ก็เลยมีโครงการปิดยาแนวทั้งโครงสร้างตัวตึกและซ่อมรอยเลื่อนภายในห้องเรา ตอนนี้ฝนตกน้ำไม่รั่วไม่ซึมแล้ว แต่ได้ข่าวมาว่า เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน ฝนตกฟ้าร้อง หลังคาชั้นบนสุดรั่ว คราวนี้น้ำนองชั้นบนเลย เป็นน้ำตกเลยจ๊ะ แต่ก็ยังดีที่ฝ่ายนิติก็ยังแก้ไขได้ทันภายใน 1 วัน

เพื่อนบ้าน

เพื่อนร่วมคอนโดเป็นเรื่องที่เราเลือกไม่ได้เลย เราโชคดีที่เราอยู่ห้องมุม เพื่อนบ้านตรงกันข้ามเป็นพนักงานออฟฟิศ เขาก็มีกิจวัตรปกติ มีเวลาพักผ่อนนอนหลับเหมือนกับเรา เลยไม่ได้ก่อความรำคาญใดๆ ให้กับเรา โชคดียิ่งกว่านั้นคือห้องข้างๆ ไม่มีคนอยู่มาตั้งแต่แรก เจ้าของห้องซื้อทิ้งไว้เฉยๆ อยู่ก็ไม่อยู่ ให้เช่าก็ไม่ให้เช่า ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น อยากจะบอกเจ้าของห้องข้างๆ ว่า ปล่อยเอาไว้เฉยๆ ดีแล้วคร่าคุณป้า เพราะมันดีกับชีวิตหนูมากกก

ส่วนกลาง

บริเวณส่วนกลางที่เราใช้มากที่สุดคือห้องออกกำลังกาย จากเมื่อก่อนมีลู่วิ่งอยู่แค่ 3 ตัวก็มีเพิ่มขึ้นมาอีก 2 ตัว และยังมีเครื่องออกกำลังกายอื่นๆ เพิ่มมาอีกจนเต็มห้อง เราชอบเดินบนลู่วิ่งมากที่สุด อันนี้เป็นพัฒนาการของเราเองนะ จากเมื่อก่อนปี 56 วิ่งได้ 2.6 กิโลเมตรก็เหนื่อยแล้วจนถึงวันนี้เปลี่ยนจากวิ่งเป็นเดินเร็วได้ 7 กิโลเมตรแล้ว

นอกจากนี้ส่วนกลางยังมีซาวน์น่าและอบไอน้ำ เข้าไปสำรวจแล้ว สภาพยังใช้งานได้อยู่ เพียงแต่ยังไม่ค่อยมีคนเข้าใช้งานเท่านั้นเอง

ตอนนี้สระว่ายน้ำปิด เพราะปรับปรุงใหม่ สภาพก็เป็นอย่างที่เห็น

พื้นที่สีเขียว เป็นอีกอย่างที่เราไม่ชอบเลย เพราะเมื่อก่อนมันดูน่านั่งกว่านี้ แต่ตอนนี้มันช่างแห้งแล้งเหลือเกิน หญ้าก็ไม่ตัด ไม่เจริญหู เจริญตาเลย

พื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ ห้องอ่านหนังสือ ที่เต็มไปด้วยหนังสือเก่าๆ มีห้องประชุมด้วย บางอย่างออกแบบให้สำหรับใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัว กลายเป็นชั้นเก็บของอะไรไม่รู้

สภาพที่จอดรถ ไปสำรวจมายังโอเคอยู่ค่ะ

สภาพโครงสร้างภายนอกก็อย่างที่เห็นมีสีจืดจางตามสภาพ

นิติบุคคล

เราซื้อคอนโดแบรนด์ LPN เพราะเขาโฆษณาว่า LPN จะเป็นผู้บริหารนิติของโครงการ  ซึ่งหลายๆ ที่ก็เป็นเช่นนั้น ยกเว้นโครงการที่เราอยู่ แต่ก่อน LPN เป็นคนบริหารนิติ แต่เนื่องจากเจ้าของร่วมบางกลุ่มมีปัญหากับการบริหารเจ้าหน้าที่นิติ LPN เลยทำให้ไม่สามารถบริหารต่อไปได้ ทางกรรมการคอนโดจึงต้องประมูลนิติเจ้าใหม่มาบริหารต่อชื่อ SMC  ทำให้เกิดการบริหารไม่ต่อเนื่อง เราชอบการบริหารของนิติ LPN มากกว่า เรื่องนี้จะโทษทาง LPN ไม่ได้เลย เพราะเจ้าของร่วมไม่สามัคคีกันเอง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ LPN กลับมาบริหารนิติอีกนะ ขอร้องผ่านกระทู้นี้เลย

สรุป

 

แล้วอีก 9 ปีต่อไป จะมารีวิวให้ดูกันอีกว่าเกิดอะไรกับสภาพคอนโดของเราบ้าง…ถ้าเวลานั้นยังมีแรงพิมพ์อยู่นะ บ๊าย

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Six_Degree สมาชิกจากเว็บไซต์ pantip.com

 

สนใจข้อมูลข่าวสารอื่นๆเพิ่มเติมจาก Dotproperty คลิ๊ก …