สำหรับผู้บริโภคที่กำลังอยากซื้อบ้าน โควิด เพื่ออยู่อาศัยอย่างจริงจัง ต้องบอกว่าในช่วงนี้นั้นนับเป็น ‘ยุคทองของผู้บริโภค’ เพราะเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการเน้นการระบานสินค้าคงค้างในสต็อก ซึ่งเป็นโครงการใหม่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ Ready to move นอกจากนั้นยังนำมาหั่นราคาจนน่าดึงดูดใจ ทำให้ดูเหมือนว่าช่วงนี้อะไรๆ ก็ดูจะเป็นใจให้เราซื้อบ้านช่วงนี้เหลือเกิน
แต่อย่างไรก็ตาม การซื้อบ้าน โควิด ก็ยังจะมีข้อที่ต้องระมัดระวังบางส่วน โดยเฉพาะผู้บริโภคที่ยังไม่มั่นใจว่าจะมีความพร้อมด้านการเงินเพียงพอหรือไม่ เนื่องจากแม้จะซื้อบ้าน โควิด แต่ภาระการผ่อนบ้านยังติดตัวเราไปอีกนาน โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน ดังนั้นบทความนี้จะชวนมาพิจารณาเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย ของการประเมินและตัดสินเพื่อซื้อบ้านช่วงนี้
ซื้อบ้าน โควิด ราคาต่ำกว่าปกติ โปรโมชั่นดี ฟรีค่าธรรมเนียม
นับเป็นข้อจูงใจสำคัญที่ทำให้หลายอยากจะตัดสินใจวางเงินจองซื้อบ้าน โควิด ไปซะเลย โดยจะเห็นว่าการซื้อบ้านช่วงนี้ นอกจากจะมีมีโปรโมชั่นการลดราคาระดับมโหฬารที่กระหน่ำเข้ามากระตุ้นการตัดสินใจแล้ว ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคที่ตัดสินใจจะซื้อบ้านช่วงนี้ สามารถต่อรองราคาและรับข้อเสนอพิเศษจากพนักงานขายได้อีก โดยเฉพาะโปรโมชั่นประเภท การลดราคาที่บางรายลดราคาให้มากถึง 50-70%, การรับเงินคืนหรือ Cash Back ตั้งแต่หลักแสนถึงหลักล้าน, โปรโมชั่นโครงการช่วยผ่อน อยู่ฟรี 48 เดือน ที่ฟรีจริงๆ ทั้งต้นและดอก ฟรีดอกเบี้ยสองปีแรก, รันส่วนลดเงินดาวน์, ฟรีค่าส่วนกลาง และการฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนและค่าธรรมเนียมต่างๆ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีโปรโมชั่นเย้ายวนใจมากที่สุดในรอบหลายปี และจะเกิดขึ้นสำหรับคนที่ตัดสินใจซื้อบ้าน โควิดเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม ความคุ้มค่าของการซื้อบ้าน โควิด จากโปรโมชั่นต่างๆ นี้ ก็ยังมีข้อที่ต้องพิจารณาข้อเสนอให้ถี่ถ้วน ยกตัวอย่างเช่น โปรโมชั่นการอยู่ฟรี 48 เดือน ต้องพิจารณาให้ดีว่าเป็นโปรโมชั่นที่โครงการผ่อนให้จริงๆ หรือเป็นเพียงการเลื่อนชำระเท่านั้น เพราะถ้าหากเป็นแค่การเลื่อนชำระ เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลา 48 เดือน ภาระของการผ่อนบ้านก็ตกมาเป็นของเราอยู่ดี
ซื้อบ้าน โควิด เข้าถึงสินเชื่อง่าย ได้ดอกเบี้ยถูก
ช่วงเวลานี้นับเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัย เนื่องจากปัจจุบันธนาคารหลายแห่งได้มีการปรับลดดอกเบี้ยสินเชื่อแบบลอยตัวลง ไม่ว่าจะเป็น MRR, MLR หรือ MOR อีกทั้งเป็นช่วงเวลาที่สามารถขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคารได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อดอกเบี้ยต่ำลง ภาระของการผ่อนบ้านต่อเดือนก็จะลดลงตามไปด้วย และยังเปิดโอกาสให้ผู้กู้และกู้ผู้ร่วมที่มีรายได้รวมกันตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป สามารถขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคารได้ง่ายขึ้น และสำหรับผู้ที่ซื้อบ้านหลังแรกในราคาที่อยู่อาศัยที่ไมเกิน 10 ล้านบาท และมีประวัติการผ่อนชำระที่ดี มีรายได้มั่นคง สามารถกู้สินเชื่อโดยได้รับวงเงินสินเชื่อเต็ม 100% จากเดิมที่ธนาคารจะอนุมัติสูงสุด 90 – 95% เท่านั้น
ถึงแม้ข้อเสนอของการซื้อบ้านในช่วงนี้จะมีความเย้ายวนน่าดึงดูดขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนอจากทางโครงการก็ดีหรือธนาคารเองก็ดี สาระสำคัญที่ผู้ที่จะซื้อบ้านต้องคิดพิจารณาอย่างรอบคอบก็คือ รายได้ของเราเพียงพอที่จะแบกรับภาระของการผ่อนบ้านในระยะเวลานานๆ หรือไม่ เพราะถึงแม้ข้อเสนอจะดีและพิเศษขนาดไหนก็อยู่กับเราไม่นาน แต่สำหรับภาระหนี้นั้นยังอยู่กับเราต่อไป ดังนั้นจึงควรพิจารณาข้อควรระวัง ดังนี้
ประเมินรายได้และภาระหนี้ล่วงหน้า
จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ที่ไม่ได้เกิดเฉพาะกับประเทศไทย แต่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ทำให้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะยังคงส่งผลไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี ดังนั้นผู้ที่จะซื้อบ้านในช่วงเวลานี้ ควรมีเงินสำรองและมีเงินเก็บที่เพียงพอต่อภาระหนี้ที่มีอย่างน้อย 6-12 เดือน เพื่อสำรองในภาวะฉุกเฉิน ทั้งในสถานการณ์ของการปรับลดเงินเดือน หรือแม้แต่ปลดพนักงาน โดยควรบริหารภาระหนี้ทั้งหมดให้ไม่เกิน 40% ของรายได้ปัจจุบัน รวมไปถึงควรสำรองเงินสำหรับค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้านด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ค่าตกแต่งต่อเติม ค่าซื้อเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น โดยควรสำรองไว้อย่างน้อย 10% ของมูลค่าบ้าน ซึ่งถ้าหากผู้ซื้อลองกดเครื่องคิดเลขคำนวณแล้วยังต้องเอามือก่ายหน้าผาก ก็ขอให้พิจารณาการตัดสินใจซื้อบ้านนี้อีกครั้ง
บ้านคือสถานบันดาลสุข เป็นที่ที่มอบความอบอุ่นและความภาคภูมิใจที่ได้ครอบครอง รวไมปถึงเป็นฝันและสัญลักษณ์ของความสำเร็จในชีวิตของใครหลายๆ คน แม้ช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาทองของการซื้อบ้าน แต่ถ้าหากประเมินแล้วว่ายังไม่มีความพร้อม ก็ขอให้ชะลอการตัดสินใจไว้ก่อน โอกาสมีบ้านนั้นอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน
ที่มา:
https://kasikornbank.com/th/k-expert/knowledge/articles/loan/Pages/Home_A056.aspx