DotProperty.co.th

มาทำความรู้จักดอกเบี้ย MLR MOR และ MRR 3 ตัวย่อทีคุ้นหู ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร 

สำหรับท่านผู้อ่านที่อยากมีบ้าน และกำลังจะศึกษาเรื่องการกู้สินเชื่อ คงได้ยินคำว่า MLR MOR และ MRR ท่านเองก็คงจะสงสัยสินะว่ามันคืออะไรใน เกี่ยวข้องยังไงกับ ดอกเบี้ยเงินกู้ วันนี้ Dotproperty จะพาท่านไปทำความรู้จัก 3 ตัวย่อนี้ ที่มักจะได้พบเจอบ่อย ตามบทความ หรือแหล่งข้อมูลทางสินเชื่อกัน โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้นเราสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักเลยคือ อัตราดอกเบี้ยคงที่ และ อตราดอกเบี้ยลอยตัว

ประเภทของ ดอกเบี้ยเงินกู้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆคือ

อัตราดอกเบี้ยคงที่ หรือ Fix Rate เป็นอัตราดอกเบี้ยที่มีการกำหนดไว้เป็นตัวเลขคงที่เท่าเดิมตลอดอายุสัญญาที่กำหนดไว้ ยกตัวอย่างเช่น มีการกำหนดข้อตกลงให้ชำระ 3.99% ต่อปี ตลอดระยเวลา 4 ปีที่ทำสัญญา

อัตราดอกเบี้ยลอยตัว หรือ Floating Rate อัตราดอกเบี้ยที่มีการเปลี่ยนแปลงอ้างอิงตามความเปลี่ยนแปลงไปตาต้นทุนของธนาคารแต่ละแห่งในแต่ละช่วงเวลาต่างๆ ทางธนาคาแต่ละแห่งก็จะมีการประกาศแจ้งอัตตราดอกเบี้ยกันเป็นครั้งคราว โดยที่เราสามารถตรวจเช็คตามเว็บไซต์ หรือ ตามสาขาของแต่ละธนาคารนั้นๆไป

และ MLR, MOR, MRR ก็จัดอยู่ในจำพวกของดอกเบี้ยแบบลอยตัว เรามาทำความรู้จักกันดีกว่าว่ามันคืออะไร โดยให้ความหมายตามที่แบงก์ชาติได้กำหนดไว้

MLR MOR และ MRR แตกต่างกันอย่างไร

MLR ย่อมาจาก Minimum Loan Rate คือ อัตราดอกเบี้ยที่ทำการเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่น้ำดี ที่มีเครดิตดี มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือมีประวัติทางการเงินดี โดยจะเป็นสินเชื่อในลักษณะที่มีระยะเวลาในการกู้ยืม (Term Loan) ซึ้งส่วนใหญ่ลักษณะจะเป็นการกู้ยืมระยะยาว แต่ก็มีระยะเวลากำหนดที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น สินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจ หรือแม้กระทั้ง รวมไปถึงสินเชื่อเพื่อการอยู่อาศัยด้วย

MOR ย่อมาจาก Minimum Overdraft Rate คือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารทำการเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่น้ำดี ที่มีการเบิกเงินเกินบัญชี

MRR ย่อมาจาก Minimum Retail Rate คือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารมีการเรียกเก็บจากลูกค้ารายเล็ก หรือ รายย่อยชั้นดี อาทิ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย รวมไปถึง สินเชื่อบัตรเครดิต

โดยทั่วไป อัตราดอกเบี้ย MRR จะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุดเสมอ ตามด้วย MOR และ MLR แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะหากมีธนาคาบางที่เสนออัตราดอกเบี้ย MRR ที่มีการลบด้วยเปอณ์เซ็นต์อีกทีนึง อาจจะทำให้อัตราดอกเบี้ย ต่ำกว่า MLR เพียวๆเลยก็ได้

และอันที่จริงแล้วก็ไม่ได้มีเพียงแค่อัตราดอกเบี้ยเพียง 3 อย่างนี้เท่านั้น ธนาคารหลายๆที่สามารถกำหนดอัตราดอกเบี้ยขึ้นมาเองได้ โดยที่จะต้องให้ความหมายและคำจำกัดความที่ชัดเจน แต่มันยุ่งยากที่จะทำให้เป็นที่รู้จัก ในระดับสากลแล้วจึงเลือกที่จะใช้อัตราดอกเบี้ย MLR MOR และ MRR ทั้ง 3 แบบ เป็นหลักแทน

อัตราดอกเบี้ยเหล่านี้ในแต่ละธนาคารจะไม่เท่ากัน เนื่องจากต้นทุนของแต่ละธนาคารเองก็ไม่เท่ากัน แม้กระทั้งกับการที่คนสองคนเดินเข้าไปขอสินเชื่อเงินกู้เหมือนกัน ก็ใช่ว่าจะได้อัตราดอกเบี้ยเท่ากัน เพราะธนาคารเองก็มองความเสี่ยงของตัวบุคคลไม่เท่ากันด้วย

แม้อัตราดอกเบี้ย MLR ที่หมายถึงสำหรับลูกค้ารายใหญ่ที่มีประวัติดีก็ตาม แต่ธนาคารก็มีโอกาศที่จะเสนอสินเชื่อ MLR ให้กับลูกค้าทั่วไปเช่นกัน ไม่ได้เจาะจงไปที่ลูกค้ารายใหญ่อย่างเดียว เพียงแต่ธนาคารจะยื่นขอเสนอให้กับลูกค้าทั่วไปก็ต่อเมื่อเป็นการกู้สินเชื่อกับธนาคารระยะยาวที่มีระยะเวลากำหนดไว้แน่นอน

 

สนใจข้อมูลข่าวสารเด่นๆ คอนเทนท์ร้อน ที่เราหามาเสริฟให้คุณผู้อ่านในทุกๆวันจาก Dotproperty คลิ๊ก …