ล่าสุดทางด้านนายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ ได้ออกมาทำการเปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับกรมที่ดินในการจัดทำบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ในปี 2558 นี้เพื่อขยายพื้นที่การประเมินราคาที่ดินรายแปลงครอบคลุมทั้งประเทศ รองรับร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยล่าสุดทางด้านกรมธนารักษ์จะขอใช้ข้อมูลแผนที่ ข้อมูลทะเบียนที่ดิน ข้อมูลอาคารชุด รวมทั้งข้อมูลการซื้อขายของกรมที่ดินเพื่อนำมาใช้วิเคราะห์กำหนดราคาประเมิน ก่อนจัดทำบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ส่งให้กรมที่ดินใช้ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมต่อไป
ส่วนทางด้านนายสมคิด ศริ ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพกรมที่ดิน ได้กล่าวว่า จากการเก็บข้อมูลของราคาซื้อขายที่ดินในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมากลับพบว่า ราคาที่ดินมีการปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20% ส่วนพื้นที่ดินในเขตเศรษฐกิจพิเศษ เช่น ที่ อำเภอ แม่สอด จังหวัดตาก ราคาที่ดินนั้นมีราคาเพิ่มขึ้นกว่า 100% และนอกจากนี้ ราคาที่ดินพื้นที่ทำเลทองส่วนใหญ่ ตามแนวรถไฟฟ้าและบริเวณถนนที่ตัดใหม่ พบว่า ราคาที่ดินมีการปรับราคาขึ้นมากเช่นกัน ซึ่งการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินนั้นทำให้สามารถเก็บค่าธรรมเนียมได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่า 20% เลยทีเดียว โดยในปีงบประมาณ 2557 ที่ผ่านมา ทางกรมที่ดินได้จัดเก็บรายได้จากค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินได้ถึง 30,000 ล้านบาท ส่งผลให้จัดเก็บรายได้ของกรมที่ดินรวมอยู่ที่ 70,000-80,000 ล้านบาท และคาดว่า ในปี 2558 รายได้และค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ 80,000-90,000 ล้านบาท
ส่วนการโอนที่ดิน ส่วนใหญ่จะเป็นการโอนที่ดินในเขต กทม. และมีมูลค่าที่ดินในการโอนแต่ละแปลงกว่าหลายร้อยล้านบาท ทำให้สำนักงานที่ดินบางแห่ง เจ้าหน้าที่ต้องทำงานถึง 21.00 น. เพื่อให้ทันกับการโอนของประชาชน ซึ่งกรมที่ดินประเมินจากพฤติกรรมการโอนได้ว่า ต้องการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีมรดก