วิเคราะห์ แนวทางที่ทำให้ อสังหาฯรายเล็ก สามารถอยู่รอดท่ามกลางกลุ่มบิ๊กเนม ได้อย่างมั่นคงพร้อมลุย EEC

ตลาดอสังหา

วันนี้เรามีบท  วิเคาะห์ถึงแนวทางที่ทำให้ อสังหาฯรายเล็ก สามารถที่จะอยู่รอดใน ตลาดอสังหา ท่ามกลางในดงดีเวลลอปเปอร์ บิ๊กเนม ที่ตอนนี้ขยันปล่อยของกันไม่เว้นวันเว้นขึ้น จึงทำให้อสังหาฯรายเล็กลืมตาอ้าปากไม่ได้กันเลย ดังนั้น นี้จึงเป็นเห็นผลสำคัญในบทความของวันนี้

โดยวันนี้ มีบทสัมภาษณ์ คุณ สรวุฒิ มานะสมจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเตท กูรู จำกัด ที่ทาง ฐานเศรษฐกิจ ได้ไป สัมภาษณ์  โดยคุณ  สรวุฒิ นั้นเป็น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็ก ที่มีแนวคิด

“ทำอย่างไรให้อยากอยู่บ้าน”  นี่คือ หัวใจสำคัญในการทำธุรกิจ ที่ทำให้ ‘เอสเตท กูรู’ โดดเข้ามาในตลาดอสังหาริมทรัพย์หลังประกาศแผนขยายตลาดไปยังต่างจังหวัดเป็นครั้งแรก ด้วยการฝ่าวงเจ้าถิ่นและรายใหญ่ เจาะลูกค้าใน 3 จังหวัดระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี  นั้นเอง

 

แนวทาง ทำให้ อสังหาฯรายเล็ก สามารถอยู่รอดใน ตลาดอสังหา ทางกลาง วงบิ๊กเนม ได้อย่างมั่งคงพร้อมลุย EEC

ตลากอสังหา

เป้าหมายและทิศทาง

นายสรวุฒิ ระบุว่า ได้ประกาศแผนขยายฐานตลาดไปยังต่างจังหวัดเป็นครั้งแรก มุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ทั้งที่ จ.ระยอง และชลบุรี จำนวน 2 โครงการ มูลค่า 760 ล้านบาท ลักษณะบ้านแฝดและทาวน์โฮม ‘วิสทาวน์ พัทยา-เขาตาโล’ และ ‘วิสทาวน์ แม่น้ำคู้-ปลวกแดง’ เริ่ม 9.99 แสนบาท ขณะเดียวกัน มีที่ดินในสต๊อกรอการพัฒนาอีกหลายแปลงที่ได้รับอานิสงส์จาก EEC ซึ่งส่งผลต่อดีมานด์แหล่งที่อยู่อาศัยชัดเจน

ขณะที่ รายใหญ่เน้นพัฒนากลุ่มคอนโดฯ หรือ อพาร์ตเมนต์ บ้านราคาแพง ซึ่งมองว่า ไม่ใช่โปรดักต์ที่คนในพื้นที่ต้องการจริง ๆ หรือแม้แต่เจ้าถิ่นอยากพัฒนาโครงการ ก็ติดข้อจำกัดหาที่ดินไม่ได้ เพราะราคาสูง อีกส่วนได้แรงหนุนจากโครงการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงินของรัฐ อย่าง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ที่รองรับกลุ่มคนในพื้นที่ชัดเจน จึงถือเป็นโอกาสในการทำธุรกิจ และสร้างความแตกต่างให้กับตลาด

ตลากอสังหา

“เอสเตท กูรู แม้เป็นรายเล็กในตลาด แต่มีจุดแข็งที่ต่างจากรายใหญ่ คือ ไม่เน้นทำโครงการการขนาดใหญ่เกินกว่า 100 หน่วย สร้างเสร็จ ปิดการขายเร็วภายใน 18 เดือนต่อโครงการ เน้นมาร์จินต่ำ แต่เทิร์นโอเวอร์เร็ว สร้างเสร็จไวเข้าอยู่ได้เร็ว ซึ่งลูกค้าชอบ และทำให้ส่วนกลางดูแลได้ง่าย ที่สำคัญ แต่ละโครงการนั้นจะมีกลุ่มเป้าหมายที่ผ่านการลงพื้นที่ศึกษาความต้องการมาแล้ว จึงขายออกง่ายและเร็ว เน้นกลุ่มคนที่มีระดับรายได้อาจไม่มากนัก 25,000 บาทต่อเดือน ซึ่งมีกำลังผ่อนจ่ายบ้านกับธนาคารเทียบเท่ากับค่าเช่าที่จ่ายให้อพาร์ตเมนต์ สำหรับหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ คือ ทำอย่างไรให้คนอยากอยู่บ้านการเข้าไปอยู่ในหัวใจของ Consumer ขาดสิ่งไหนเติมสิ่งนั้น”

 

ความยากในการทำธุรกิจ

คงเป็นเรื่องรายได้หลักของลูกค้า ที่ไม่ขยับตามค่าใช้จ่าย ทำให้มีข้อจำกัดในการกู้สินเชื่อ แต่มีปัจจัยบวกคอยหนุน เช่น โครงการพัฒนาของรัฐ ขณะเดียวกัน เงินทุนจากต่างประเทศก็จะเป็นส่วนที่จะกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจและส่งผลมายังตลาดอสังหาฯ เช่นกัน เช่นเดียวกับเทรนด์ของผู้บริโภคที่ผู้ประกอบการต้องจับให้ถูกจุด เพราะที่อยู่อาศัยไม่ใช่โรงแรม ที่แม้อยู่ไกล แต่ดี คนก็ไปหา แต่บ้านนั้น คนซื้อจะเลือกด้วยทำเลเป็นหลัก ฉะนั้นทำเลต้องดี ราคาต้องไหว ส่วนกลางต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนที่เปลี่ยนไป

 

วางเป้าเติบโต

ขณะที่ เป้าหมายระยะสั้น 2-3 ปีข้างหน้านั้น เอสเตท กูรู พยายามจะสร้างรากฐานให้มั่นคงก่อน เพื่อหวังให้เติบโตอย่างยั่งยืน เรากำลังค้นหาจุดแตกต่างของตนเองให้เจอ เพื่อสู้กับรายใหญ่ในตลาด โดยที่ไม่เคยวาง Positioning ของตนเอง ว่า อยู่ส่วนไหนของตลาด ไม่ใช่กลุ่มกลาง-ล่าง ไม่ใช่กลุ่มพรีเมียมใด ๆ แต่ในการวางแผนโครงการ จะเน้นความเหมาะสมของที่ดินว่า ควรถูกพัฒนาเป็นแบบใดและกลุ่มเป้าหมาย คือ ใคร แต่ตั้งเป้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ อีก 5 ปีข้างหน้า ขณะนี้ ตั้งเป้าเปิดขายให้ได้อย่างน้อยปีละ 2-3 โครงการ แม้จะมียอดรับรู้รายได้ไม่มาก แต่ไม่มี Backlog เหลือขาย

ทั้งนี้ บริษัท เอสเตท กูรูฯ ก่อตั้งเมื่อปี 2547 ด้วยทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายปี 2561 รวม 250 ล้านบาท ยอดขายรอรับรู้รายได้ประมาณ 200 ล้านบาท

นายสรวุฒิ ทิ้งท้ายว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังโตต่อเนื่อง แม้วันนี้ค่ายใหญ่จะครองตลาดมากกว่า 70% แต่สำหรับ ‘เอสเตท กูรู’ สามารถสู้ได้ด้วยความแข็งแกร่งและความศรัทธาของลูกค้า

 

 

ที่มา  thansettakij.com 

 

สนใจข้อมูลข่าวสารเด่นๆ คอนเทนท์ร้อน ที่เราหามาเสริฟให้คุณผู้อ่านในทุกๆวันจาก Dotproperty คลิ๊ก …