สวัสดีค่ะหลายๆท่านที่กำลังประสบปัญหา การขอสินเชื่อบ้านให้ผ่านที่หลายๆคนบอกเลยว่ายากมากกว่าที่จะผ่าน แต่หลายๆท่านก็ยังอาจจะไม่ทราบว่าเมื่อขอผ่านไปได้นั้น สิ่งที่ยากกว่าการขอสิ้นเชื่อเลยคือ การผ่อนบ้านให้หมดครบทุกงวดจนบ้านเป็นของเรานั้น ยากยิ่งกว่ามากๆค่ะ เพราะกว่าจะผ่อนบ้านหมดก็ใช้เวลาหลายสิบปีและก็อย่างที่เรารู้ๆกันใช้ไหมละค่ะว่า ชีวิตของคนเรานั้นอะไรก็ไม่แน่นอน และถ้าวันไหนเกิดเหตุที่ทำให้เรา ผ่อนบ้านไม่ไหว ขึ้นมา เราจะเอาเงินที่แต่เคยเอาไปผ่อนบ้านจะเอาเงินจากไหนมาผ่อนต่อละ หรือหลายๆท่านอาจจะต้องประสบกับปัญหา ต่างๆไม่ว่าจะ โรคภัย ครอบครัว คนรัก ค่าใข้จ่ายลูกต่างๆนาๆ ที่จะถาโถมเข้ามาให้เราต้องปวดหัวรวมทั้งถ้าเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ษริษัทขอลดเงินเดือน ปรับลดพนักงานออก ละจะทำอย่างไรกันดี หากต้องประสบพบเจอเหตุการณ์ เพราะฉะนั้นเดี๋ยววันนี้เราจะพาไปพบกับแสงสว่างทางออกฉุกเฉิน เมื่อผ่อนบ้านไม่ไหว ว่าเราจะทำอย่างไรกันต่อดีมาฝากค่ะเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปชมกันเลยค่ะ
รีไฟแนนซ์และรีเทนชั่นอาจจะพอช่วยได้
การ” รีไฟแนนซ์ ” (Refinance) คือการเปลี่ยนสำนักผ่อนเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยการผ่อนให้น้อยลง โดยทั่วไปจะทำกันทุกๆ 3 ปี เพราะ โดยปกติแล้วธนาคารจะมีโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำเฉพาะ 3 ปีแรก รีไปเพื่ออะไร สำหรับผมในช่วง 3ปีแรก ดอกเบี้ยถูก เราจ่ายเงินไปมากเท่าไหร่ มันก็จะหักจากเงินต้นได้มากยิ่งขึ้นโดยตัวอย่าง เช่น วงเงินกู้บ้านครั้งแรก 3 ล้านบาท เลือกผ่อน 30 ปี จะผ่อนเดือนละ 15,000 บาท เมื่อรีไฟแนนซ์หลังจากผ่อนบ้านมาแล้ว 3-4 ปีด้วยเงินต้นคงเหลือที่ 2.8 ล้านบาท เมื่อขยายเวลาผ่อนบ้านออกไปได้ ค่าผ่อนก็จะลดลงเหลือ 35 ปี 9,000 บาทเป็นต้นนั้นเองค่ะ
โดยก่อนที่เราจะเริ่มรีไฟแนนซ์เราต้องทำการยื่นเอกสารและทำการพิจารณาการกู้ใหม่ รอหน่อยเพราะว่าใช้เวลาพิจารณาเช่นเดียวกับการขอยื่นกู้ใหม่และเตรียมเงินสำหรับเสียค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเหมือนกับว่าเพิ่งทำการกู้ใหม่ นอกจากนี้ยัง มีอัตราดอกเบี้ยให้เลือกหลากหลายกว่า เนื่องจากเราสามารถเปรียบเทียบก่อนกู้ได้นอกจากนี้ การรีไฟแนนซ์ยังมีข้อดีที่สำคัญคือ ช่วงปีแรกๆ ที่ผ่อนบ้าน ธนาคารมักมีโปรโมชันอัตราดอกเบี้ยถูก ช่วยให้จ่ายดอกเบี้ยลดลงจากอัตราดอกเบี้ยที่จ่ายอยู่ในปัจจุบัน
การรีเทนชั่น ก็ลดได้ไม่แพ้กันค่ะ แถมไม่ต้องวุ่นวายหาแบงก์สำนักใหม่ให้เพลียร่างอีกด้วย เพราะ การ “รีเทนชั่น” ก็คือ การขอเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับธนาคารเดิมนั่นเอง แต่ดอกเบี้ยลดไม่มาก คือส่วนลดอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่0.25-0.50% ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติหรือประวัติของผู้กู้ ต่างจากการรีไฟแนนซ์ที่จะได้ส่วนโปรโมชั่นลดอัตราดอกเบี้ย MLR ที่ต่ำกว่าของธนาคารนั้นๆ
แต่วิธีนี้จะสะดวกรวดเร็วเพียงแค่ผู้กู้เตรียมเอกสารประกอบการยื่นคำร้องก็สามารถยื่นกู้ได้ในระยะเวลาในการพิจารณาไม่นานเพราะธนาคารมีประวัติลูกค้าอยู่แล้วค่ะ โดยการยื่นก็ไม่ต้องยุ่งยากเตรียมเอกสารมาก ข้อดีของ รีเทนชั่น คือไม่ต้องยุ่งยากเตรียมเอกสารมาก เนื่องจากธนาคารมีฐานข้อมูลของลูกค้าอยู่แล้ว ระยะการพิจารณาอนุมัติไม่นาน กู้รู้ผล และ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมมาก แต่ข้อเสียที่สู้การรีไฟแนนซ์ไม่ได้ คือ อัตราดอกเบี้ยลดลงไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 0.25-0.50% (ซึ่งขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของผู้กู้)
ขายคืนให้ธนาคารที่เรากู้
ถ้าหากเราไม่สามารถที่จะผ่อนบ้านไม่ไหวจริงๆ ให้เรายื่นข้อเสนอคือวิธีการขายทรัพย์คืนธนาคาร ในราคาที่ผ่อนไปแล้ว หรือก็คือการยกบ้านให้กับธนาคารไปนั่นเอง แต่สำหรับคนที่กำลังคิดว่า ไม่เอาหรอก ผ่อนมาจะเต็มราคาบ้านอยู่และ จะพอมีทางบ้างมั้ย คำตอบก็คือ ได้ค่ะ คุณสามารถขายให้ใครก็ได้ในราคาที่คุณต้องการ และผ่อนชำระเงินคงเหลือที่ค้างชำระกับธนาคารต่อให้ครบซึ่งในกรณีที่เราผ่อนจ่ายค่างวดธนาคารอย่างต่อเนื่องนั้น เราก็ไม่ต้องกลัวว่าวิธีการขายคืนธนาคารนี้จะทำให้เราเสียเครดิตแต่อย่างใดค่ะ แต่ก็ใช่ว่าธนาคารจะรับคืนทุกกรณีนะคะ เพราะธนาคารจะต้องพิจารณาถึงเหตุผลและสภาวะเศรษฐกิจไปพร้อมๆกัน จึงจะตัดสินใจรับทรัพย์คืนมา ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะพิจารณาเป็นกรณีไปค่ะ
หาคนช่วยผ่อน
ถ้าถึงเวลาที่เราผ่อนคนเดียวไม่ไหวจริงๆ การหาคนมาช่วยผ่อนได้ก็เป็นทางออกที่ช่วยให้ผ่อนบ้านง่ายขึ้นค่ะ โดยเราก็แค่ไปแจ้งธนาคารที่เราได้ทำเรื่องกู้ เพราะการเพิ่มชื่อคนผ่อนจะเข้าลักษณะกู้ร่วมแต่ต้องให้อยู่ในเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนดด้วย โดยเกณฑ์กำหนดว่าต้องมีความสัมพันธ์กัน เช่น พ่อ/แม่และลูก พี่น้อง เครือญาติ สามีภรรยาและสามารถเพิ่มชื่อผู้กู้ร่วมได้สูงสุด 2 คน โดยที่ธนาคารจะประเมินความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ของคนที่เราจะเพิ่มชื่อเข้ามาว่าผ่านหรือไม่นั้นเองค่ะ
พูดคุยเพื่อเจรจาขอลดหย่อนในกรณีที่ ผ่อนบ้านไม่ไหว จริงๆ
หากเกิดกรณีฉุกเฉินผ่อนต่อไม่ได้จริงๆ ทางเดียวที่จะทำได้ก็คือการเข้ามาพูดคุยเพื่อจ่ายยอดผ่อนบ้านที่น้อยลงในระยะเวลาที่ตกลงกันก่อนที่จะกลับมาผ่อนตามยอดเดิม หรือ วิธีการอื่นๆตามแต่ละกรณีไปค่ะ จำไว้ว่า อย่าหยุดจ่ายค่าผ่อน หรือเงียบหายไปเลย เพราะธนาคารไม่รู้ว่าเรากำลังมีปัญหาการเงินเมื่อเราเงียบหายไม่จ่ายค่าผ่อนตามกำหนด ธนาคารก็จะฟ้องร้องเพื่อยึดทรัพย์ขายทอดตลาด และจะทำให้เราไม่สามารถทำเรื่องกู้อื่นๆ ต่อไปได้ในอนาคตหรือทำให้เราติดบูโรนั้นเองค่ะ
เมื่อรู้ทางออกอย่างนี้แล้ว ก็จะเห็นได้ว่าทุกปัญหามีทางออก ดังนั้นเราก็ค่อยๆแก้ไปค่ะเชื่อได้เลยค่ะว่าเราจะผ่านมันไปได้อย่างแน่นอนค่ะและพบกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ
ลงประกาศฟรี !!! ไม่มีค่าใช้จ่ายลงประกาศเลย คลิ๊ก …
ขายคอนโดมือสอง บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ที่ดิน กับ Dot Property ขายง่าย ขายไว หรือต้องการซื้อ-เช่า !!! คอนโดมือสอง บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ที่ดินทั่วไทยมากกว่า 300,000 รายการคลิ๊กที่นี่