หลายคนอาจสงสัยว่าป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่เราเห็นหรือป้ายโฆษณาตามตึกตามถนนต่างๆนั้น เขาเสีย ภาษี กันยังไงเท่ากันไหมและมีข้อกำหนดในการเสียภาษีอย่างไร วันนี้เรามาทำความรู้จักกับภาษีป้ายกันครับ
ลักษณะป้ายแบบใดบ้างที่ต้องเสียภาษี ?
ป้ายที่จะต้องเสียภาษี คือป้ายที่มีเครื่องหมายการค้า โลโก้ หรือสัญลักษณ์ที่บอกถึงการหารายได้ รวมถึงการแสดงชื่อต่างๆที่เป็นการโฆษณาที่มีรายได้โดยไม่ได้กำหนดว่าจะอยู่กับวัตถุชนิดใด ไม่ว่าจะเป็นป้ายขนาดใหญ่ หรือเพียงป้ายไม้เล็กๆตามข้างทางก็ต้องเสียภาษีเช่นกัน
ป้ายที่ต้องเสียภาษีใครต้องเป็นคนจ่าย ?
แบ่งผู้รับผิดชอบจ่ายภาษีได้เป็นเป็น 2 กรณี แล้วแต่ข้อตกลง ในการขึ้นป้ายโฆษณานั้น คือ
- ผู้ที่เป็นเจ้าของป้ายนั้นต้องเป็นผู้จ่ายภาษีนั้น
- ผู้ที่เป็นเจ้าของสภานที่ ที่ ติดตั้งป้ายนั้นต้องเป็นผู้จ่าย
อัตราการคิดภาษี
- ภาษีป้ายประเภทที่ 1 : ป้ายที่มีข้อความเป็นภาษาไทยเท่านั้น อัตราภาษี 3 บาท / 500 ตร.ซม.
- ภาษีป้ายประเภทที่ 2 : ป้ายที่มีข้อความภาษาไทยและอังกฤษรวมถึงภาพและเครื่องหมายการค้าต่างๆ อัตราภาษี 20บาท / 500 ตร.ซม.
- ภาษีป้ายประเภทที่3 : ป้ายที่มี ข้อความภาษาไทยน้อยกว่าภาษาอังกฤษ หรือมีเพียง ภาษาอังกฤษเท่านั้น อัตราภาษี 40 บาท / 500 ตร.ซม.
ขั้นตอนในการชำระภาษี
- ยื่นแบบฟอร์มชำระภาษีป้ายกับเจ้าหน้าที่ได้ ภายใน เดือนมีนาคม ของทุกปี
- รอการแจ้งจากเจ้าหน้าที่ประเมินภาษีว่าเรียบร้อยแล้ว
- สามารถชำระภาษีนั้นได้ ภายใน 15 วัน ซึ่งในกรณีที่ ภาษีที่ต้องชำระมีมูลค่ามากกว่า 3,000 บาท เราสามารถ ขอแบ่งชำระได้เป็น 3 งวด โดยการแจ้งกับเจ้าหน้าๆที่จะเสียภาษีนั้น
บทลงโทษหากไม่มีการชำระภาษีป้าย
- หากผู้ที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีป้ายไม่ทำการยื่นแบบการจ่ายภาษีในระยะเวลาที่กำหนด จะต้องเสียค่าปรับ เป็นจำนวนเงิน 10 % ของภาษีป้ายที่ต้องชำระในปีนั้น
- หากมีการยื่นภาษีที่ไม่ตรงกับความเป็นตรงซึ่งทำให้มีการเสียภาษีที่น้อยกว่าความเป็นจริง จะต้อง จ่ายภาษีที่ส่วนที่ ขาดไปให้ครบตามจำนวนจริงและเสียค่าปรับอีก 10% ของภาษีป้ายนั้นด้วย
- หากมีการยื่นภาษีและได้รับการประเมินจากเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้วแต่ไม่มีการดำเนินการชำรพภาษี ภายใน 15 วัน จะต้องเสียค่าปรับเพิ่มในอัตรา 2% ของภาษีป้ายนั้น
รู้อย่างงนี้แล้วเราก็ควรวางแผนหรือปฏิบัติตามขั้นตอนให้ถูกต้องเพื่อเราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียค่าปรับหรือมีปัญหาในภายหลังได้ครับ