มีรายงานข่าวจากแหล่งข่าววงในแจ้งว่า สถานการณ์อสังหาฯในกรุงเทพมีการแข่งขันดุเดือด โดยเฉพาะทำเลฝั่งธนบุรี ที่จะมีการต่อขยายเส้นทางไฟฟ้าตากสิน-บางหว้า) และจะมีสายใหม่อีกหลายสาย ทั้งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) ซึ่งจะเปิดให้บริ
ทั้งนี้แม้แต่ค่ายเสริมสุข ยังมีการเปิดประมูลขายที่ดินริมน้ำเจ้าพระยาที่เป็นโกดังเก่า เนื้อที่กว่า 10 ไร่ โดยคาดว่าราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.55 พันล้าน และแม้แต่ที่ดินบริเวณ นิวเวิลด์- ตลาดเฉลิมโลก ก็ถูกเปลี่ยนมือ และ ทำเลอื่นๆแม้แต่ตึกที่เคยเป็นกิจการอาบอบนวดย่านฝั่งธนยังถูกเทคเปลี่ยนเป็นโครงการ ซึ่งทั้งนี้การตื่นตัวและฟื้นตัวของปรากฎการณ์ ที่ดินราคาถีบตัวจากโครงการภาครัฐที่เห็นชัดว่ามีการดำเนินการแน่นอนอย่างการสร้างส่วนต่อรถไฟฟ้านั้น ก็เป็นปัจจัยที่ส่งผล และ การฟื้นตัวจากสภาวะเศรษฐกิจ ความมั่นใจในสถานการณ์การเมือง ทำให้หลายๆฝ่ายเริ่มหันกลับมามองการลงทุน หลังจากหยุดชะงักมาระยะหนึ่งแล้ว
นอกจากนี้อาคารหรือที่ดินบางแห่งที่มีการกว้านซื้อหรือเข้าเทคโอเวอร์กิจการนั้น ยังมีแนวโน้มว่าราคาน่าจะยังหาข้อสรุปไม่ได้ เพราะอย่างเช่นเมอร์รี่คิงส์นั้นราคาล่าสุดที่เจ้าของที่ครอบครองอยู่ปัจจุบันนั้นได้มาในราคา 1.65 แสนบาทต่อตารางวา แต่ปัจจุบันห้างได้ถูกปิดมาเป็นเวลานานราคาตลาดนั้นยังไม่มีชัดเจน แต่ศักยภาพของทำเลนั้นสามารถทำได้หลากหลาย สามารถพัฒนาให้เป็นชุมชนค้าขาย เช่น ห้างสรรพสินค้า และ พื้นที่เช่า ซึ่งตอนนี้มีผู้สนใจอยากเข้าประมูลหลายราย
ส่วนทางด้านเสริมสุขที่โละโกดังเก่าในราคามากกว่าพันล้านนั้น ที่ดินบริเวณนั้นเหมาะกับการทำโครงการที่อยู่อาศัย เพราะสภาพภูมิทัศน์ริมน้ำที่สวยงาม และ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าBTS ตากสิน และทาง ผังเมืองกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นพื้นที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก (สีน้ำตาล) กำหนดค่า FAR (สัดส่วนพื้นที่อาคาร ต่อเนื้อที่ดิน) 6 : 1 สร้างอาคารได้ 96,000 ตร.ม. สูงกว่า 70 ชั้น หากพัฒนาคอนโดฯ ราคาขายเฉลี่ย ตร.ม.ละ 1.8 แสนบาท ได้ผลตอบแทน 20-30% ซึ่งทำเลริมน้ำเจ้าพระยานั้นเป็นทำเลที่หลายๆผู้ประกอบการอสังหาฯอยากได้ เพราะเป็นทำเลที่เหมาะกับการทำโครงการที่อยู่อาศัย สามารถพัฒนาเป็นโครงการระดับหรูได้
นอกจากทำเลที่กล่าวมาแล้วนั้น ทำเลในเมืองย่านเก่าแก่อย่างบางลำพูเองก็ได้รับความสนใจมากเช่นเดียวกับทำเลอื่นๆ โดยเฉพาะห้างนิวเวิลด์ ที่ร้างมาร่วม 10 ปี แต่การก่อสร้างโครงการในบริเวณนี้นั้นต้องไม่เกิน 4 ชั้นเพราะใกล้เขตพระราชฐาน ซึ่งหลายๆผู้ประกอบการยังรอกันอยู่ว่าที่ดินแปลงนี้จะถูกนำออกมาประมูลหรือไม่ ซึ่งหล่งข่าวจากสำนักการโยธา กทม.เปิดเผยว่า เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต กทม.ได้ศึกษาปรับภูมิทัศน์รอบวงเวียนใหญ่ โดยจะรื้อสะพานลอย คนเดินข้าม และสร้างเป็นอุโมงค์ทางเดินลอดรอบอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อเชื่อมการเดินทางบนถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน ถนนลาดหญ้า ถนนประชาธิปก และถนนอินทรพิทักษ์ จากการศึกษาและประเมินเบื้องต้นค่าก่อสร้างรวมประมาณ 8,950 ล้านบาท 4 จุด ได้แก่ 1.ถนนประชาธิปก-วงเวียนใหญ่ ยาว 680 เมตร ค่าก่อสร้าง 2,000 ล้านบาท 2.ถนนบริเวณอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ยาว 420 เมตร ค่าก่อสร้าง 4,000 ล้านบาท 3.ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน 660 เมตร ค่าก่อสร้าง 2,250 ล้านบาท และ 4.แนวใต้ถนนอิสรภาพ ยาว 460 เมตร ค่าก่อสร้าง 700 ล้านบาทนอกจากนี้จะก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดสำหรับรถยนต์ แนวถนนอรุณอมรินทร์ตัดกับถนนประชาธิปก และถนนสมเด็จเจ้าพระยา ค่าก่อสร้าง 700 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร ทั้งหมดจะเริ่มทยอยดำเนินการตามความพร้อมของงบประมาณที่ได้รับจัดสรร คาดว่าจะเริ่มได้ในปี 2558
ข่าวและบทความข้างต้นนี้จัดทำโดย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ดอท พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการส่งข่าวเกี่ยวกับแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการประชาสัมพันธ์ สามารถติดต่อได้ที่ PR@Thailand-Property.com