นายวิทการ จันทรวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์การตลาด บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) เผยแนวคิดในการวางแบรนด์พัฒนาคอนโดมิเนียมของบริษัทซึ่งมองตามหลักประชากรศาสตร์ โดยแบ่งเซกเมนต์ ดังนี้
1.จับกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพิ่งทำงาน โสด ไม่ต้องการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ แบรนด์ ASPIRE
2. ทำเลในเมือง ติดรถไฟฟ้า
3. ริทึ่ม ดีไซน์ฟังก์ชันต่างๆ ที่ซับซ้อนมากขึ้น การใช้สเปซหรือฟาสซิลิตี้ที่มากขึ้น
4. ดิแอดเดรส เซกเมนต์พรีเมี่ยมโปรดักส์
สำหรับ “โครงการริทึ่ม รางน้ำ” วันนี้ รถไฟฟ้าที่ศึกษาทำเลลึกๆ ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้วซึ่งปัจจุบันมี 3 สาย ได้แก่
เอ็มอาร์ที สีเขียวแก่ (ไปถึงแบริ่ง) สีเขียวอ่อน (บางหว้า-สนามกีฬา) หลังจากนั้น ใช้สยามสแควร์เป็นเซนเตอร์ กางรัศมีออกไป เส้นวิ่งชิดลม อโศก4 สถานี ราคาตร.ม.ละ 2 แสนบาทขึ้นไป เช่นเดียวกับสายสีเขียวอ่อน ราชดำริ ศาลาแดง ช่องนนทรี ราคาตรม.ละเกือบ 2 แสนบาท ถนนสาทรปรับตัว 2 แสนบาท อีกด้านคือวิ่งมาอนุสาวรีย์ชัยฯ 3 สถานี มีคอนโดเกิดขึ้นจำนวนมาก ราคาตลาดเฉลี่ย ตรม.ละ 1.7-1.8 แสนบาท ดังนั้น ทำเลนี้จึงน่าจะเป็นโอกาสในการลงทุน
ส่วนความแตกต่างกับโครงการของคู่แข่งคือ ส่วนใหญ่โครงการที่ยูนิตน้อยในบริเวณนี้จะเริ่มไซส์ใหญ่ 40 ตารางเมตรขึ้นไป คูณ 1.7 แสนบาท/ตารางเมตรทำให้ราคาสูงมาก ในขณะที่ตัวโครงการเริ่มต้นด้วย 1 ห้องนอน 28-35 ตารางเมตรมีถึง 76% ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นจุดขายห้องชุดไซส์กระทัดรัดในทำเลดังกล่าว โดยไซส์เริ่มต้น 28 ตารางเมตร เริ่ม 4.7 ล้านบาท
สำหรับศักยภาพทำเลรางน้ำคือการได้อยู่ในซอยรางน้ำ การเดินทางสะดวกได้หลายทาง เทียบกับถ้าอยู่บนถนนพญาไทจะมีทางเข้า-ออกโครงการเพียงทางเดียวหรือวันเวย์ ดังนั้น การนำเสนอที่ตั้งห่างสถานีบีทีเอส 100 เมตรจึงเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่การเดินทางยังสามารถเลือกใช้ถนนราชปรารภ ราชวิถี จึงถือเป็นไพร์มโลเกชั่น เป็นการแก้จุดอ่อนที่อยู่ในซอย ไม่ได้อยู่บนถนนใหญ่นั่นเอง
มูลค่าโครงการคือ 2,500 ล้านบาท โดยตั้งเป้าเปิดขายปลายเดือนมิถุนายนนี้ ล่าสุด เปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้า มีผู้สนใจ 3,200 รายชื่อ หรือคิดเป็นสิบเท่าของจำนวนยูนิตที่นำเสนอ คือ 358 ยูนิต โดยเริ่มเปิดขายในวันที่ 25 มิถุนายนนี้ โดยบริษัทคาดหวังว่าจะทำลายสถิติปิดการขายเร็วกว่าโครงการแอสปาย สาทร-ท่าพระซึ่งสามารถปิดการขายได้ในเวลา 1 วัน
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ