รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจ ทวีปยุโรป ประจำปี 2019 จากทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ อาจมีแววรับเศรษฐกิจตกต่ำจนเกิดฟองสบู่อสังหาฯในกลุ่มยูโรโซน
ปี 2020 ทวีปยุโรป กำลังเสี่ยง เกิดฟองสบู่อสังหาฯแตกจริงหรือ?
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ส่งสัญญาณเตือนกลุ่มประเทศประเทศ ให้เตรียมแผนรับมือเศรษฐกิจตกต่ำ โดยด่วน จากสาเหตุที่เวลานี้ทางเศรษฐกิจยุโรปเผชิญความไม่แน่นอนจากการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษที่ปราศจากข้อตกลงในปีหน้า ที่จะส่งผลต่อการส่งออกและภาคการผลิตอุตสาหกรรม รวมไปจนถึง ความเสี่ยงที่เวลานี้มีการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วของราคาอสังหาริมทรัพย์ อาจจะก่อให้เกิดปัญหา ฟองสบู่อสังหาฯแตก และส่งผลตรงถึงเสถียรภาพต่อระบบการเงินทั่วยุโรป จากแผนการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางยุโรปที่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน และในเวลานี้ไอเอ็มเอฟแนะนำว่านโยบายผ่อนคลายทางการเงินยังคงมีความจำเป็นต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประเทศที่มีฐานะการคลังแข็งแกร่ง อย่าง เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ควรเพิ่มค่าใช้จ่ายภาครัฐสำหรับลงทุนโครงสร้างพื้นฐานประเทศ
ราคาที่อยู่อาศัยเติบเร็วสวนทางรายได้ประชากร
01
จากข้อมูลของสำนักงานสถิติยุโรป ได้เปิดเผยข้อมูลว่าเวลานี้ ราคาที่อยู่อาศัยประเทศเขตยูโรโซนปรับตัวขึ้นติดต่อกันตั้งแต่ปี 2014 และเป็นปีแรกที่ธนาคารกลางยุโรป ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย “ติดลบ” เป็นครั้งแรกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมีรายงานจาก ธนาคารยูบีเอสเปิดเผย ดัชนีชี้วัดภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาฯของเมืองหลักทั่วโลกประจำปี 2019 กลุ่มยูโรโซน กำลังเจอกับราคาที่อยู่อาศัยที่ปรับตัวสูง โดยเฉพาะใน 4 ไตรมาส (ต.ค. 2018-ก.ย. 2019) และในเวลานี้หัวเมืองใหญ่ๆอาทิ อัมสเตอร์ดัม, แฟรงก์เฟิร์ต, ปารีส และ มิวนิก กำลัง เผชิญกับภาวะฟองสบู่อสังหาฯ ส่วน มาดริด มิลาน อาจจะเจอปัญหาด้วยเช่นกันในอนาคต โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ปัญหานี้เกิดมาจากสาเหตุ ราคาที่อยู่อาศัย ในเวลานี้ มีอัตราการโตรวดเร็วกว่า การเติบโตของรายได้ประชากร ผลจากการเก็งกำไรทำให้อนาคตราคาอสังหาฯอาจปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วจากความไม่มั่นใจได้ จากตัวอย่างเช่น ราคาที่อยู่อาศัยเมืองมิวนิกซึ่งปรับตัวขึ้นถึง 100% ตลอดระยะเวลา 10 ปี โดยค่าเช่าเพิ่มขึ้น 40% ขณะที่ประชากรชาวเมืองมีรายได้เพิ่มขึ้นเพียง 15% เท่านั้น
ตลาดอสังหาฯยุโรปปี 2020 เสี่ยง เกิดฟองสบู่อสังหาฯแตกจริงหรือ
02
จากผลสำรวจของทาง บริษัท ไนท์แฟรงค์ฯ ที่ได้เปิดเผยผลสำรวจ ตลาดอสังหาฯประจำปี 2019 ข้อมูลระบุว่าตั้งแต่ปี 2014 ถึงกันยายนปี 2018 ราคา ที่อยู่อาศัยกรุงอัมสเตอร์ดัมปรับตัวเพิ่มขึ้น 63.6% แต่รายได้ประชากรเพิ่มแค่ 4.4% (กรุงอัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองที่หาซื้อที่อยู่อาศัยได้ยากที่สุดในโลก) ส่วนกรุงเบอร์ลิน ราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 63.4% แต่รายได้ประชากรเพิ่มแค่ 7% เท่านั้น และกรุงดับลินราคาที่อยู่อาศัยปรับตัวขึ้น 61.9% แต่รายได้ประชากรเพิ่มแค่ 13.2% นอกจากนี้ผลสำรวจหัวเมืองหลักทั้วโลก ทั้ง 32 เมือง ราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 24% รายได้ประชากรเพิ่มขึ้นเฉลี่ยแค่ ไม่ถึง 9% และในเวลานี้ธนาคารกลางยุโรปทำการลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งล่าสุดอยู่ระดับที่ต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมาเป็นระดับ -0.5% จากเดิมที่อยู่-0.4% เพื่อประคองภาพรวมเศรษฐกิจทวีปยุโรปห้รอดพ้นจากความเสี่ยง เกิดฟองสบู่อสังหาฯแตก ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในปี 2020 หรืออนาคตอันใกล้นี้
รัฐเดินหน้า จัดเก็บ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 63 จี้ 50เขตเน้นสำรวจที่ดิน-ตึก-คอนโดฯ
