ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา คนกรุงเทพฯ ที่ต้องใช้รถใช้ถนนสัญจรไปมาจำนวนมาก ยังไงก็ต้องมีโอกาสได้พบเจอกับภาพการก่อสร้าง “ รถไฟฟ้า ” ตามแนวถนนหลายเส้น จนมาถึงเมื่อตอนปลายปีก็ได้มีการเปิดให้ทดลองใช้ “รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงเตาปูน-ท่าพระ” ซึ่งจะมีกำหนดเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้แล้ว
นอกจากนี้ ในปี 2563 เอง ก็ยังมีกำหนดการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายใหม่เพิ่มเติมอีกถึง 2 เส้นทาง คือ รถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และรถไฟฟ้าสายสีทอง (กรุงธน-ประชาธิปก) แน่นอนว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ ศักยภาพของพื้นที่ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับเส้นทางที่รถไฟฟ้าจะตัดผ่าน ที่ย่อมจะต้องกลายมาเป็นทำเลขายของทำเลทองไปโดยปริยาย โดยนายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ได้เผยถึงรายงานดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ของไตรมาส 4 ปี 2562 ว่ามีค่าดัชนีที่ปรับเพิ่มสูงถึง 27.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 และปรับเพิ่มจากไตรมาส 3 ถึง 11% บอกเลยว่างานนี้ใครกำลังหาที่ขายของอยู่จะต้องรีบคว้าโอกาสดีๆ นี้เอาไว้ให้ทัน เพราะไม่ใช่แค่รายย่อยแต่บริษัทยักษ์ใหญ่อีกหลายรายก็ย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสทองที่ว่านี้หลุดมือไปแน่ๆ
รถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต)
นี่คือเส้นทางรถไฟฟ้าที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินมากที่สุดต่อเนื่องมาหลายไตรมาสแล้ว โดยรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือนั้นจะเริ่มมาจากส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีเขียว(BTS) ที่เชื่อมต่อจากสถานีหมอชิต ต่อไปยัง “สถานีห้าแยกลาดพร้าว” ซึ่งเป็นทำเลที่ตั้งของห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว, ยูเนี่ยนมอลล์ และเทสโก้ โลตัส ทั้งยังกลายเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT “สถานีพหลโยธิน” นอกจากนี้ที่สถานีใกล้ๆ คือหมอชิตเองก็ยังมีโซนช้อปปิ้งอย่างจตุจักร แถมยังเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งโซนกรุงเทพเหนืออีกด้วย บริเวณนี้จึงถือเป็นทำเลค้าขายน่าสนใจในกรุงเทพฯ แห่งหนึ่งนับว่ามีศักยภาพสูงมากแห่งหนึ่งเลยทีเดียว จากเดิมที่คึกคักอยู่แล้วมีแต่จะยิ่งปังมากขึ้นไปอีกแน่ๆ
“สถานีสะพานใหม่” คืออีกหนึ่งสถานีที่แต่เดิมก็มีแหล่งทำมาค้าขายสำคัญอย่างตลาดยิ่งเจริญ แหล่งรวมอาหารการกินและตลาดชื่อดังประจำย่านสะพานใหม่อยู่แล้ว เมื่อสามารถเชื่อมต่อกับโครงข่ายรถไฟฟ้าได้แล้ว ย่านสะพานใหม่จะเป็นอีกหนึ่งย่านที่เป็นทำเลขายของสุดปังแน่นอน
รถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-บางปู)
ในส่วนของรถไฟฟ้าบีทีเอสสายดั้งเดิมที่มีการต่อขยายมาเรื่อยๆ เองก็กำลังจะมีโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่ผุดขึ้นมาด้วยเช่นกัน ที่น่าสนใจโครงการแรกคือ “บางกอกเทอร์มินอล” โครงการมิกซ์ยูสที่จะมีทั้ง ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ที่พักอาศัยแบบห้องชุด อาคารจอดรถเพื่อรองรับสถานีขนส่งบนพื้นที่กว่า 700,000 ตารางเมตรของที่ดินราชพัสดุหมอชิต
และอีกหนึ่งโครงการใหญ่ที่เป็นทำเลขายของที่น่าจับตามองทางฝั่งบางนาคือ โครงการ “Bangkok Mall” เป็นโครงการอาคารสูง 47 ชั้น ที่ตั้งอยู่บนจุดตัดของถนนบางนา-ตราด กับสุขุมวิท ตรงข้ามไบเทคบางนา ภายในจะมีทั้งห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา ภัตตาคาร หอประชุม โรงมหรสพ รวมถึงพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ โดยโครงการดังกล่าวนี้ได้ปักป้ายเริ่มก่อสร้างไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 และมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2565
แน่นอนว่าโครงการใหญ่ขนาดนี้บนพื้นที่ที่เป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญอยู่แล้ว จะทำให้ทั้งหมอชิตและบางนากลายเป็นทำเลค้าขายน่าสนใจในกรุงเทพฯ มากยิ่งขึ้นไปอีก
สถานีกลางบางซื่อ
เป็นโครงการก่อสร้างสถานีรถไฟหลักของประเทศไทยซึ่งจะมาแทนที่หัวลำโพงนั่นเอง โดยปัจจุบันการก่อสร้างมีความคืบหน้าไปแล้วมากกว่า 90% และเมื่อก่อสร้างเสร็จก็จะกลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางรางที่ยิ่งใหญ่และทันสมัยที่สุดในอาเซียน สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 300,000 คนต่อวัน ทั้งยังเชื่อมต่อระบบการคมนาคมอื่นๆ อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์, รถไฟความเร็วสูง รวมถึงรถไฟฟ้าสายอื่นๆ โดยสถานีกลางบางซื่อมีกำหนดสร้างแล้วเสร็จในปี 2564 ทำให้ทำเลนี้เป็นหนึ่งในทำเลขายของที่น่าจับตามองและน่าเข้ามาลงทุนอีกแห่งหนึ่งเลย
รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี)
เส้นทางรถไฟฟ้าที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างคืบหน้าไปราว 48% แต่ก็มีการปรับเพิ่มของราคาที่ดินถึง 34% โดยมีทำเลขายของที่น่าสนใจอย่างโซนแจ้งวัฒนะ-เมืองทอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เมืองทองธานี” กลุ่มโครงการอาคารชุดขนาดใหญ่ที่มีทั้งหมู่บ้านจัดสรร, มหาวิทยาลัย, สนามกีฬา รวมถึงอาคารจัดนิทรรศารและการประชุมที่มีมักจะมีงานแฟร์และคอนเสิร์ตจัดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง จนปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าไม่ติดเรื่องความยากเย็นในกาารเดินทางมา เมืองทองธานีจะต้องกลายเป็นศูนย์กลางของทุกอย่างจริงๆ และการมาถึงของรถไฟฟ้าสายสีชมพูซึ่งจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ ทำให้เมืองทองธานีจะกลายเป็นพื้นที่ค้าขายที่มีศักยภาพในอนาคตอันใกล้นี้