ล่าสุด นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยอำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ทำการเปิดเผยว่า มีรายงานจากหอการค้าจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ว่าในขณะนี้เริ่มที่จะมีธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอีรายใหม่ ๆ ได้ทยอยเข้ามากว้านซื้อที่ดินในบริเวณนี้ และมีการเข้าไปลงทุนก่อสร้างบริษัทหรือสำนักงานในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงด่านชายแดนทั้งในฝั่งประเทศไทยและฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเป็นจำนวนมาก
สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะ ผู้ประกอบการเหล่าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี ได้เล็งเห็นโอกาสและเพื่อเป็นการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ภายในปี 2558 เป็นสาเหตุส่งผลให้เศรษฐกิจตามฝั่งจังหวัดชายแดนดูคึกคักเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะมีการซื้อขายที่ดินที่มีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวด้วยกัน ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง , บริการการท่องเที่ยว, อาหารและวัสดุก่อสร้าง ซึ่งในเบื้องต้นผู้ที่เข้ามาลงทุนรายใหม่ ๆ ได้มีการก่อสร้างกิจการเสร็จได้ภายในช่วงไตรมาสที่ 3 – 4 ของปี ซึ่งด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้หอการค้าในภูมิภาคต่าง ๆ ได้มีการคาดการณ์และประเมินสถานการณ์ว่า ธุรกิจการค้าชายแดนจะมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก ตลอดจนกระทั่งสามารถสร้างกำไรได้มากในช่วงปี 2558 เนื่องจากสินค้าไทยส่วนใหญ่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอย่างประเทศเพื่อนบ้าน รวมไปถึงราคาที่ดินที่จะมีอัตราสูงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ เพื่อให้การค้าในส่วนทางด้านฝั่งชายแดนมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทางหอการค้าไทยจึงต้องการให้ทางรัฐบาลเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อที่จะรองรับการเปิด AEC และมีการสนับสนุนเพื่อเปิดด่านในหลากหลายพื้นที่ พร้อมทั้งมีการขยายระยะเวลาในการเปิดด่านให้นานยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความชัดเจนในนโยบายในการเปิดเศรษฐกิจพิเศษที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นนั่นเอง