หนึ่งในเมกะโปรเจคที่หลายคนต่างเฝ้าจับตารอตั้งแต่มีการแถลง โครงการ “วัน แบงค็อก” กำลังจะเป็นปรากฏการณ์ที่สุดของที่สุดในหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในเมืองไทย และถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งในการยกระดับโครงการอาคารสูงในประเทศไทยในอนาคต ให้เทียบเคียงโครงการตึกระฟ้าในมหานครระดับโลกที่ต่างก็มีการออกแบบ และวางระบบภายในชั้นเลิศต่างๆ อย่างการติดตั้งลิฟต์แบบห้องโดยสารคู่ เช่น ที่มีใช้ในอาคารทันสมัยชั้นนำของโลก อย่าง อาคาร Roppongi Hills กรุงโตเกียว อาคารสำนักงานใหญ่ CCTV New Site ในกรุงปักกิ่ง หรือ แม้แต่ใน Shanghai Tower ในมหานครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งต่างก็ได้มีมาตรฐานในการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยที่เป็นที่สุดแห่งเทคโนโลยีในปัจจุบันทั้งสิ้น นอกจากนี้การออกแบบระบบภายในต่างๆ ในอาคารชั้นนำเหล่านี้ยังสะท้อนออกถึงกลยุทธ์การสื่อสารการตลาด ที่ต้องการสื่อให้สังคมได้รับรู้ว่าแบรนด์ต่างๆ เหล่านั้นมีส่วนช่วยในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านการใช้พลังงานและทรัพยากรในอาคารให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั่นเอง
โครงการ “วัน แบงค็อก” ถือเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบ มิกซ์ยูส ที่ครบวงจรและใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในปัจจุบันที่เคยมีมาด้วยเงินลงทุนกว่า 1.2 แสนล้านบาท ภายใต้การบริหารงานของตระกูลสิริวัฒนภักดี
วัน แบงค็อก สร้างขึ้นบนแนวคิดเมืองอัจฉริยะ แบบ มิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์ คือโครงการที่ใช้ที่ดินแบบผสมผสาน โดยประกอบไปด้วยอาคารสำนักงานเกรดเอ ศูนย์การค้าชั้นนำ โรงแรมระดับลักชัวรี่ ที่พักอาศัย รวมถึงพื้นที่สำหรับกิจกรรมทางศิลปะและวัฒนธรรมที่เชื่อมต่อทั่วถึงกันทั้งโครงการ
นอกจากความอภิมหาอลังการระดับเมกะโปรเจกต์แล้ว กลยุทธ์การสื่อสารของ แบรนด์ วัน แบงค็อก ย่อมต้องไม่ธรรมดา และมีการให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการวางกลยุทธ์การสื่อสารการตลาด โดยเฉพาะในส่วนของการสร้างประสบการณ์ที่ดีเลิศ หรือ แบรนด์เอ็กซ์พีเรียนซ์ ที่จะตราตรึงใจให้กับลูกค้าและผู้เข้ามาใช้บริการทุกคน เพื่อสร้างความแตกต่างของแบรนด์อย่างเหนือชั้นในฐานะผู้นำ
ซึ่งกลยุทธ์การสื่อสารแบรนด์ และกลยุทธ์การสื่อสารการตลาด ดังกล่าวที่ว่ามานี้จึงสะท้อนออกมาในความพิถีพิถันในการสร้างประสบการณ์อันสุดยอดในรายละเอียดต่างๆ ของอาคาร ไม่ว่าจะเป็นการให้ความสำคัญกับมาตรฐานด้านการออกแบบ ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และการใช้ชีวิตในสมาร์ท ซิตี้ (Smart City Living)
นอกจากนั้นแล้ว วัน แบงค็อก ยังได้วางเป้าหมายที่จะเป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการพัฒนาชุมชนแวดล้อมอย่าง LEED เป็นการสร้างอาคารที่ดีต่อสุขภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ WELL ซึ่งเป็นมาตรฐานแรกของโลกที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้อาคาร ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การสื่อสารที่แบรนด์ได้วางไว้ในด้านการเป็นแบรนด์ที่ห่วงใยและใส่ใจในสวัสดิภาพผู้ใช้งานและชุมชนโดยรอบ
และหนึ่งในกลยุทธ์การสื่อสารสำคัญและถือเป็นไฮไลต์อีกอย่างหนึ่งของโครงการที่ได้มีการเปิดตัวออกมาอย่างอลังการและเรียกความฮือฮาให้กับวงการ นั่นก็คือการเปิดตัวระบบลิฟต์ 2 ชั้นหรือ ลิฟต์ห้องโดยสารคู่ (Double Deck) ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในเมืองไทย ที่จะมีการใช้ ลิฟต์ห้องโดยสารคู่ จำนวนถึง 12 เครื่อง ในอาคาร โดยรูปแบบที่ว่ามานี้ ผู้ใช้บริการจะได้พบกับสิ่งแปลกใหม่ที่ยังไม่เคยมีอาคารใดในไทยทำมาก่อน ซึ่งก็คือลิฟต์ที่มีห้องโดยสาร 2 ห้องซ้อนต่อกันเป็นแนวดิ่ง ซึ่งสามารถขนถ่ายผู้โดยสารได้ในจำนวนมากถึง 40 คน ต่อ 1 เที่ยว เลยทีเดียว
หลายคนอาจคิดว่า ลิฟต์ที่ขนคนได้มากขนาดนั้นคงต้องให้พื้นที่กว้างมากและทำให้ความเร็วในการขึ้นลง ลดลงตามไปด้วย ซึ่งในความเป็นจริงนั้น สวนทางกับสมมติฐานที่หลายท่านมีในใจมากนัก กล่าวคือ ลิฟต์โดยสารคู่ จะใช้พื้นที่เพียง 67% ของลิฟต์โดยสารทั่วไป ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับอาคารสูงใจกลางเมือง ที่มีพื้นที่จำกัด และยังมีความรวดเร็วในการขนถ่ายผู้โดยสารได้ดีขึ้นเป็น 2 เท่า
ซึ่งนั่นคือเหตุผลหลักที่ทำไมอาคารขนาดใหญ่ที่มีชั้นจอดเป็นจำนวนมาก อย่างโครงการ วัน แบงค็อก ถึงได้เลือกใช้ลิฟต์ประเภทนี้ เพราะสามารถที่จะช่วยลดจำนวนชั้นจอดได้ครึ่งหนึ่งของจำนวนชั้นทั้งหมดที่ต้องแวะจอด ทำให้เกิดความคล่องตัวและประสบการณ์การใช้บริการที่เหนือระดับ สมดั่งเป้าหมายการเป็น อาคารแลนด์มาร์คครบวงจรระดับโลกแห่งใหม่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวกลยุทธ์การสื่อสาร ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะผู้ที่สนใจเรื่องการสร้างแบรนด์ กลยุทธ์การสื่อสารการตลาด และการโฆษณาประชาสัมพันธ์จะได้ใช้เป็นกรณีศึกษาต่อไป
ที่มา : https://www.prachachat.net/property/news-672423